สุดท้ายด่านเคราะห์อสนีรอบที่เจ็ดก็แปลงเป็นโลงสำริดหลังหนึ่ง สายฟ้าถักทอ ประหนึ่งฝังกลบทั่วหล้าได้
พอได้เห็นภาพนี้ทุกคนต่างก็หวาดผวาในใจยิ่งยวด!
มหาเคราะห์ชั้นยอดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนครั้งหนึ่งถึงกับแปลงเป็นโลงสำริด นี่เป็นเรื่องที่พิสดารและน่าครั่นคร้ามยิ่ง น่าหวาดผวาอย่างไม่ต้องสงสัย
โลงศพ เป็นสิ่งที่ฝังกลบคนตาย!
ลางเช่นนี้เดิมทีก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายอัปมงคล
หลินสวินยังอดงุนงงไม่ได้ รู้สึกประหลาดใจหาใดเทียบ แต่ไม่รอเขาตอบสนอง โลงสำริดที่แปลงมาจากอสนีเคราะห์ก็ตกลงมาทับตัวหลินสวินไว้แล้ว
ปึง!
โลงครอบมิดชิด พริบตานี้ความรู้สึกที่มอบให้ผู้อื่นก็เหมือนสวรรค์นี้จะฝังกลบคนเย้ยฟ้าอย่างหลินสวิน
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงสีหน้าซีดเผือด มหาเคราะห์เช่นนี้ไยไม่เป็นมงคลได้ปานนี้
ซย่าจื้อนิ่งเงียบ เสื้อผ้าปลิวไสว นางเพียงสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของหลินสวินไม่ได้หายไป แต่กลับไม่อาจรู้ว่าเขากำลังประสบกับอันตรายและความน่ากลัวเช่นไรอยู่
“ฮ่าๆ ฟ้าหมายให้เขาตาย ใช้โลงเป็นที่ฝังร่าง นี่ต้องเป็นการดูแลอย่างพิเศษชั้นหนึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบันแน่”
มีเฒ่าดึกดำบรรพ์สุขใจที่เห็นคนอื่นเดือดร้อน
ยามข้ามด่านเคราะห์กลับเจอโลงสำริดฟ้าประทาน นี่เป็นลางอัปมงคลยิ่ง!
ระดับจักรพรรดิคนอื่นยังแววตาเลื่อนลอย ขนาดสวรรค์ยังทนดูต่อไปไม่ได้ หมายจะเห็นเศษเดนคีรีดวงกมลที่ร้ายกาจหาใดเทียบนี้ถูกกำจัดหรือ
ตึง!
แต่ไม่ทันไรเสียงปะทะรุนแรงระลอกหนึ่งก็แว่วมาจากภายในโลงสำริดนั่น จากนั้นโลงสำริดพลันสั่นสะท้านหนักหน่วงตามมาติดๆ
ทุกคนต่างใจกระตุก ถูกกำราบอยู่ในโลงแล้วยังไม่ตายอีกหรือ
ตึง! ตึง! ตึง!
เวลาต่อมาภายในโลงสำริดก็มีเสียงทึบหนักแว่วมาไม่ขาดสาย สะท้านฟ้าดารา ทำเอาสีหน้าสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นต่างเหยเกไม่หยุด
ตูม!
ในที่สุดโลงสำริดนั้นก็ถูกโจมตีโพรงหนึ่ง เงาร่างที่แทบพังทลายโซซัดโซเซออกมา ทั้งร่างเห็นกระดูกอยู่รางๆ เป็นร่างที่เจ็บหนักเจียนตายแล้ว
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีชีวิตอยู่
สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นตาแทบหลุดออกมา รู้สึกแสบหน้าไปหมด
ตั้งแต่หลินสวินเริ่มข้ามด่านเคราะห์จนตอนนี้ ทุกครั้งที่พวกเรามั่นใจว่าหลินสวินต้องตาย ความเป็นจริงกลับตบใส่หน้าแรงๆ อย่างไร้ความปรานี
นี่ไม่ใช่การตบหน้า
แต่เป็นการตบครั้งแล้วครั้งเล่า!
แต่สิ่งที่จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงสนใจกลับเป็นกลิ่นอายของหลินสวินที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ยังน่ากลัวกว่าระดับจักรพรรดิทั่วไป ดูคล้ายเงาร่างยับเยินโชกเลือด แต่อานุภาพที่อบอวลออกมากลับน่าหวาดหวั่นจนทำให้เขายังใจสั่น
ที่เหลือเชื่อที่สุดคือด่านเคราะห์จักรพรรดิไร้เทียบทานที่พุ่งเป้ามาที่หลินสวินครั้งนี้ กลับไม่มีสัญญาณว่าจะสิ้นสุดลง!
อึ้งงัน!
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงอึ้งงันจริงๆ แล้ว ในสมองสับสนไปหมด
สิ่งเดียวที่เขากล้าแน่ใจก็คือ ต่อให้สุดท้ายหลินสวินข้ามด่านเคราะห์ไม่สำเร็จ ด่านเคราะห์จักรพรรดิที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีตนี้ก็ต้องถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ ถูกจารึกให้คนรุ่นหลังไปพร้อมกับชื่อของหลินสวินแน่!
หลินสวินหายใจถี่กระชั้น ดวงตาดำดุจหุบเหวจับจ้องบนเวิ้งฟ้า
ทั้งตัวเขากำลังแปรสภาพอย่างเหลือเชื่อ มหาเคราะห์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นดั่งการนิพพานและเกิดใหม่ในทุกครั้ง ทำให้เขาแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิงแล้ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ หลินสวินกลับยิ่งรู้สึกเคร่งเครียดและกดดัน ด่านเคราะห์บรรลุมกุฎจักรพรรดินี้คิดจะสังหารเขาให้สิ้นซาก ไม่คิดจะเหลือทางรอดให้เขาสักนิด
ฟ้าดารามีบรรยากาศกดดันและอึดอัด เมฆาเคราะห์ดั่งน้ำหมึกพลิกม้วน ประทับมรรคสายหนึ่งควบรวมขึ้นอย่างเงียบเชียบ
ครืน!
ขณะนี้อสนีเต็มฟ้าเหมือนถูกเหนี่ยวนำ ผุดเข้าไปในประทับมรรคนั้นอย่างบ้าคลั่ง ส่งผลให้ประทับมรรคนี้ยิ่งเหมือนจับต้องได้ ยิ่งเปล่งประกาย อบอวลด้วยกลิ่นอายกดข่มหมื่นกาล
ในที่สุดใต้ประทับมรรคนั้นก็มีอักษร ‘เคราะห์’ อันลี้ลับตัวหนึ่งอุบัติขึ้น สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นรู้สึกเพียงหวาดหวั่น ส่งเสียงอุทาน
“นี่มันมหาเคราะห์ชั้นไหนกัน”
“เคราะห์แปลงเป็นประทับมรรค บงการทัณฑ์สวรรค์ สังหารเกิดตาย!”
ทุกคนต่างไม่อาจเยือกเย็นได้ ตกอยู่ในความตื่นตะลึง โลงสำริดนั่นก็น่าตกใจพอแล้ว ตอนนี้กลับมีประทับมรรคอักษรเคราะห์ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นอีก!
อย่าว่าแต่ระดับจักรพรรดิทั่วไปเลย ต่อให้เป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่เจนจัดเหล่านั้นก็ยังครั่นคร้าม ถามตัวเองว่าหากอยู่ในนั้นก็ต้องรู้สึกสิ้นหวัง ต้านทานได้ยาก
นี่ไม่ใช่อสนีเคราะห์ทั่วไป แต่เป็นประทับมรรคที่ควบรวมขึ้นจากอสนีเคราะห์ พลังทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมดต่างรวมอยู่ภายในนั้น!
โครม!
ประทับมรรคตกลงมา หลินสวินที่อยู่ใต้มันหลบไม่ได้สักนิด ด้วยถูกเล็งไว้นานแล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกถล่มจนเนื้อตัวแตกยับ กระดูกหักสะบั้น
พลังเคราะห์ทั้งหมดที่สั่งสมถล่มลงบนร่างเขา อานุภาพเช่นนั้นจะน่ากลัวปานไหน
พรูด!
ชั่วพริบตาหว่างคิ้วของหลินสวินแหวกออก เลือดกระฉูดสาดกระเซ็น รูปจำลองเจตจำนงที่แปลงเป็นเตาหลอมยังถูกซัดออกมา
ที่ตามมาติดๆ คือรูปจำลองเจตจำนงถูกโจมตี ทั้งยังทำให้หลินสวินตกอยู่ในอันตรายถึงที่สุดในทันที
นี่คือเคราะห์สวรรค์รอบที่แปด ประหนึ่งนรกทำลายโลก ประทับมรรคสายหนึ่งซัดเคราะห์สังหารยิ่งใหญ่สุดประมาณ!
ร่างกายหลินสวินแหลกกระจุย พลังจิตยังแตกระแหง มีความเสี่ยงที่จิตวิญญาณจะแตกซ่านเมื่อไรก็ได้เหมือนกับเทียนกลางสายลม
“สมาน!”
หลินสวินคำราม คัมภีร์เตาหลอมมหามรรคโคจร มหามรรคทั้งมวลลุกโชนอึงอล เข้าซ่อมแซมร่างกายและรูปจำลองที่บาดเจ็บสุดความสามารถ
ไม่อาจไม่พูดว่าหลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งหาใดเทียบ ครองมงกุฎในคนรุ่นเดียวกันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สิ่งที่เสาะแสวงก็คือมรรคสูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็เห็นว่าร่างกายและเลือดเนื้อที่เดิมแตกเป็นเสี่ยงๆ ควบรวมกันใหม่ เริ่มซ่อมแซมฟื้นตัว
แต่ไม่นานนักเมื่อประทับมรรคถล่มสังหารดังตูม ร่างกายของเขาก็ถูกถล่มกระจุยอีกครั้ง รูปจำลองเจตจำนงสั่นระรัวรุนแรงตามไปด้วย
หลินสวินคำรามเสียงต่ำ เขาถูกบีบจนอยู่ท่ามกลางความเป็นความตายแล้ว แต่ยังไม่ยอมสยบ ใช้ทุกวิธีเข้าต้านทาน ผสานร่างกายสร้างตัวตนขึ้นอีกครั้ง
แต่ผลก็คือไม่นานนักร่างกายของเขาก็แยกออกจากกันอีก พลังจิตยังแตกเป็นเสี่ยงๆ ภาพเช่นนี้น่ากลัวอยู่บ้าง ร้อยทรมาน พันเคี่ยวกรำ
หลินสวินประสบเคราะห์ที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายและพลังจิตของเขาแทบจะถูกทำลาย
แต่สามารถเห็นได้จากในนั้นว่าร่างกายของเขากำลังสัมผัสกับการจู่โจมครั้งแล้วครั้งเล่า แม้เลือดเนื้อหม่นหมอง แต่กลับมีกลิ่นอายยากบรรยายอบอวลอยู่
และพลังจิตก็เป็นเช่นนี้ นี่คือการหลอมชำระ อาจจะถูกสังหารหรือถูกโจมตีจนตาย แต่ถ้าสุดท้ายทนอยู่ได้ ก็อาจสามารถก้าวไปอีกขั้น แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
หลินสวินกัดฟัน แน่วแน่ไม่ยอมแพ้ ต่อต้านเคราะห์สวรรค์ ไม่เคยยับเยินเช่นนี้มาก่อน ร่างกายถูกทำลายพินาศไม่รู้กี่ครั้ง
แต่ละครั้งก็เหมือนจะเสื่อมสลายสิ้นชีพ เพียงแค่การเคี่ยวกรำเช่นนี้ก็ทำให้ไม่ว่าใครในโลกต่างพังทลายแล้ว!
ทุกคนต่างเหม่อลอย มองดูเงาร่างหลินสวินที่ถูกถล่มกระจุยและก่อตัวใหม่ไม่หยุด เข้าต้าทานไม่ว่างเว้น ร่างกายและจิตใจตกอยู่ในความตื่นตะลึง
ต่อให้เป็นซย่าจื้อยังเผยความตึงเครียดหาใดเทียบออกมา ในใจแบกรับความทรมานที่ไม่เคยมีมาก่อน มองเห็นหลินสวินดิ้นรนอยู่ระหว่างความเป็นความตายต่อหน้าต่อตา ทำให้ดวงตานางเต็มไปด้วยเลือด เงาร่างอรชรสั่นเทาเบาๆ คล้ายกำลังจะรับไม่ไหว
ตูม!
จวบจนต่อมาเมื่อเสียงระเบิดก้องฟ้าดังขึ้น ประทับมรรคที่รวมพลังอสนีเคราะห์เต็มฟ้าสายนั้นถึงกับขาดสะบั้น กระแสสายฟ้าไร้สิ้นสุดกระเซ็นกระสายออกมา
เงาร่างหลินสวินพลันถูกกลบหายไป
หลายคนสะดุ้งโหยง ยืนอยู่บนจุดที่สูงที่สุด มองไกลไปข้างหน้า ทุกคนตาเบิกกว้าง
“เขาตายแล้วหรือ”
“ร่างกายถูกระเบิดเป็นผุยผง พลังจิตก็กระจายกลายเป็นแสงเพลิงแถบหนึ่ง เขาต้องตายแล้วแน่!”
“ไม่ถูกต้อง เขาๆๆ…”
ก็พบว่าในห้วงอากาศ กระแสคล้ายพายุฝนถูกกลืนกินไปราวลมตลบเมฆแหว่งวิ่น จากนั้นฝุ่นผงเลือดเนื้อที่แหลกละเอียดนับไม่ถ้วนก็มารวมกันแล้วก่อตัวขึ้นใหม่ เปลี่ยนเป็นเงาร่างสูงเด่นของหลินสวินนั้นช้าๆ
เขา ถึงกับยังรอดชีวิต!
บนกำแพงเมืองหมื่นมรรค พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าหายใจหนักหน่วง ดวงตาแดงไปหมด นี่ยังฆ่าเจ้าหมอนี่ตายไม่ได้ เป็นไปได้อย่างไร…
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
แต่ไม่ว่าจะไม่ยินยอมแค่ไหน ไม่อาจยอมรับได้เพียงใด หลินสวินรอดชีวิตจากมหาเคราะห์รอบที่แปดก็เป็นความจริงข้อหนึ่งไปแล้ว!
ขณะนี้ฟ้าดาราเงียบสงัดไปหมด
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ดวงตาดำมองดูเวิ้งฟ้า ในใจไม่เคยล่าถอยหรือหวั่นไหวแต่อย่างใด
กลับกันหลังผ่านการสังหารมากมายปานนี้ ทำให้สภาวะจิตและเจตจำนงของเขาล้วนมั่นคงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ร่างกายถูกทำลาย จิตวิญญาณถูกทำลายก็ไม่หวาดกลัว ขอเพียงเขายังมีเจตจำนงแม้สักนิดอยู่ ก็จะต้านทานให้ถึงที่สุด!
เหนือเวิ้งฟ้าเมฆาเคราะห์พลิกตลบอึงอล ด่านเคราะห์อสนีรอบที่เก้ามาแล้ว
ด่านเคราะห์อสนีครั้งนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน แปลงเป็นประกาศิตงดงามเจิดจ้าสายหนึ่งแผ่ขยายไปในอากาศ บนประกาศิตมีแต่ลายมรรคคลุมเครือที่แปลงมาจากระเบียบเคราะห์อสนี เลื้อยตัวเหมือนไส้เดือน
นี่ก็เหมือนประกาศิตสวรรค์อย่างหนึ่ง เต็มไปด้วยอานุภาพมรรคสวรรค์อันสูงส่งหาใดเทียบ!
กลิ่นอายที่มันแผ่ออกมาทำให้ฟ้าดาราแห่งนี้ตกอยู่ในความเงียบงันอย่างประหลาด ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันหาใดเทียบ
สัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนหนึ่งเหงื่อแตกพลั่ก ขาทั้งสองอ่อนยวบ จิตมรรคมีเค้าลางพังทลาย!
น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
ไม่มีใครคิดได้ว่าด่านเคราะห์อสนีรอบที่เก้าถึงกับควบรวมเป็นยอดประกาศิตสายหนึ่ง และสิ่งที่ประทับอยู่บนนั้นคืออะไรกันแน่
แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าด่านเคราะห์ครั้งนี้น่ากลัวยิ่งกว่าประทับมรรคอักษรเคราะห์นั่นเสียอีก
หลินสวินสีหน้าสงบนิ่งยิ่งยวด นี่เป็นด่านเคราะห์อสนีรอบที่เก้า ทำให้เขานึกขึ้นได้กะทันหันว่าเก้าเป็นยอดสูงสุดของตัวเลข เก้าเก้าคืนสู่หนึ่ง
มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง
ถ้านับดูโดยละเอียด เริ่มตั้งแต่ระดับกำลังภายในจนถึงระดับจักรพรรดิ มีเก้าระดับพอดี
และสิ่งที่ตนเผชิญไม่ได้มีเพียงด่านเคราะห์อสนีรอบที่เก้า แต่ยังเป็นการก้าวเดินสู่ระดับที่เก้าของเส้นทางแห่งมหามรรค!
เก้าเก้าคืนสู่หนึ่งหรือ
รอดพ้นเพียงหนึ่งหรือ
และยอดหนทางสู่อมตะนี้ ก็มีเพียงหนึ่งบัวที่เบ่งบานเช่นกัน!
เหมือนมีความสอดคล้องอัศจรรย์อย่างหนึ่งรางๆ
ฟ้าดินเงียบงัน ยอดประกาศิตที่แปลงจากด่านเคราะห์อสนีนั้นมีกลิ่นอายทำลายล้างน่าสะพรึง ไหววูบอยู่ในลายมรรคคล้ายไส้เดือน กลิ่นอายที่อบอวลออกมา ทำให้ฟ้าดาราแห่งนี้ รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในฟ้าดาราทั้งปวงต่างครั่นคร้าม
ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่อยู่ไกลลิบเหล่านั้น หรือเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิบนกำแพงเมืองหมื่นมรรค กระทั่งซย่าจื้อที่ยืนเพียงลำพังอยู่ไกลโพ้น ขณะนี้ต่างรู้สึกหวาดผวาอย่างประหลาด นั่นเป็นความกลัวที่มาจากส่วนลึกของดวงวิญญาณ ไม่อาจควบคุมได้
ณ โลกมืด จ้งชิวสูดหายใจลึกอีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาเคลื่อนไหวแบบนี้ เพียงแต่ตัวเขากลับไม่รู้สึกสักนิด
ดวงตาเขาเพียงแค่จ้องเขม็งไปบนเวิ้งฟ้านั้นแล้วเอ่ยว่า “ดอกบัวดอกนี้กำลังจะเบ่งบานผ่านเคราะห์สังหาร จะร่วงโรยหรือเป็นอมตะ…”
พูดถึงตรงนี้เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้าเชื่อว่าอาจารย์ไม่มีทางพลาด และข้าก็เชื่อเช่นกันว่าศิษย์น้องเล็กจะไม่ทำให้ผู้อื่นผิดหวัง!”
ซียืนนิ่ง และรอคอยอย่างเงียบงัน