ประกาศิตอสนีเคราะห์ลอยอยู่กลางอากาศ อานุภาพข่มฟ้าดารา

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด จู่ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดเฒ่าสังเกตเห็นว่าพลังระเบียบที่ปกคลุมบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคหายลับไปอย่างรวดเร็ว

“เกิดอะไรขึ้น”

“ไม่ใช่ พลังระเบียบของต้นกำเนิดฟ้าดารานี้ไม่ได้หายไป แต่ถูกประกาศิตที่ควบรวมอยู่ในด่านเคราะห์อสนีสายนั้นดูดไปแล้ว!”

ไม่นานนักเสียงอุทานระลอกหนึ่งก็ดังขึ้น สัตว์ประหลาดเฒ่าที่เฝ้าอยู่ในป้อมปราการมากมายต่างพบว่า พลังระเบียบที่ปกคลุมกำแพงเมืองหมื่นมรรคถึงกับผุดขึ้นมาจากสี่ทิศแปดด้าน รวมตัวไปยังประกาศิตใต้เคราะห์สวรรค์นั้น

และเมื่อกลืนกินพลังระเบียบเหล่านั้น ประกาศิตที่ส่องแสงเจิดจ้านั่นก็ยิ่งโชติช่วง กลิ่นอายก็ยิ่งน่ากลัวไปด้วย

ท่ามกลางความคลุมเครือ ลายมรรคคล้ายไส้เดือนในประกาศิตนั้นถึงกับแสดงรูปดอกบัวตูมกำลังจะบาน!

“เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ หนึ่งบัวเบ่งบาน!”

มีเฒ่าดึกดำบรรพ์คำรามลั่น ตาแดงไปหมดแล้ว “เศษเดนคีรีดวงกมลนี่ไม่ได้แค่บรรลุเคราะห์มกุฎจักรพรรดิ ยังจะชิงศุภโชคที่ใหญ่ที่สุดในแดนปรินิพพานนี้ จะกลายเป็นหนึ่งบัวเบ่งบานดอกนั้น!”

“เป็นไปได้อย่างไร!”

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นต่างหน้าเปลี่ยนสี แต่ละคนโกรธเกรี้ยวเต้นผาง

คราวนี้พวกเขามาจากทั่วหล้าฟ้าดารา พากันเข้ามาในแดนปรินิพพาน สิ่งที่เสาะแสวงก็คือยอดศุภโชคที่เกี่ยวข้องกับยอดหนทางสู่อมตะ

ในข่าวลือขอเพียงกลายเป็นหนึ่งบัวเบ่งบานดอกนั้น ก็จะครอบครองรากฐานพลังระดับจักรพรรดิที่ ‘ไม่เสื่อมไม่ดับ สูงส่งไร้ศัตรู’!

ต่อให้เป็นเพียงรากฐานพลังอย่างหนึ่ง ไม่ใช่พลังต่อสู้ที่แท้จริง ก็สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิไม่ว่าใครเข้าไปช่วงชิงอย่างบ้าคลั่งได้

แต่ตอนนี้พวกเขาเฝ้ากำแพงเมืองหมื่นมรรคมาเจ็ดปี ประสบอันตรายและการเข่นฆ่า ในที่สุดก็ได้เห็น ‘ยอดศุภโชค’ นี้ปรากฏขึ้น

กระนั้นทั้งหมดนี้กลับเหมือนไร้วาสนากับพวกเขาไปแล้ว!

ที่ทำให้พวกเขาไม่ทันตั้งตัวที่สุดก็คือ ใครจะคิดว่ายอดศุภโชคนี้ถึงกับปรากฏขึ้นในด่านเคราะห์รอบที่เก้าในการบรรลุมกุฎจักรพรรดิของหลินสวิน!

“จะต้องเป็นศุภโชคนี้ที่เหมือนยอดประกาศิต ดึงเอาพลังระเบียบต้นกำเนิดฟ้าดาราของกำแพงเมืองหมื่นมรรคไปหมด ผู้ใดได้ไปผู้นั้นก็จะครอบครองรากฐานพลัง ‘ยอดอมตะ’ นั้น!”

มีคนคำราม เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมา

ความจริงแล้วบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคในขณะนี้ สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิทุกคนต่างอยากจะอาละวาดเต็มแก่ แทบคลั่งไปแล้ว

ยอดศุภโชคนี้อุบัติขึ้นในด่านเคราะห์ของหลินสวิน นี่ยังจะให้พวกเขาไปชิงมาอย่างไรได้

ถ้าพุ่งเข้าไปประชิดด่านเคราะห์ชั้นยอดนั่น จะต่างอะไรกับรนหาที่ตาย!

“ข้าไม่ได้ เศษเดนคีรีดวงกมลอย่างเขาก็อย่าคิดจะได้ไป!” สัตว์ประหลาดเฒ่าสำนักโบราณจรัสเทพคนหนึ่งเอ่ยเสียงเหี้ยม เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

ขวับ!

ครู่ต่อมาเงาร่างเขาไหววูบ พุ่งออกจากป้อมปราการ ไม่ถูกจำกัดแต่อย่างใด

นี่ทำให้เขาประหลาดใจ จากนั้นก็ยินดี แหงนหน้าหัวเราะร่า “ฟ้าช่วยข้าแล้ว! หลินสวิน คราวนี้เจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

เสียงพูดยังไม่ทันเงียบลง เขาก็พุ่งไปยังป้อมปราการที่หลินสวินอยู่แล้ว

ในขณะเดียวกันเหนือกำแพงเมืองหมื่นมรรคที่ยืดยาวราวกับไร้สิ้นสุดนั้น ก็มีสัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนมากกระโจนออกมา ต่างมุ่งหน้าไปยังที่ที่หลินสวินข้ามด่านเคราะห์โดยมิได้นัดหมาย

พวกเขารับรู้แล้วว่า พลังประกาศิตอสนีเคราะห์นั้นดึงเอาพลังระเบียบที่ปกคลุมบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคไป ถึงขั้นทำให้พลังพันธนาการของกำแพงเมืองหมื่นมรรคหายลับไปด้วย

อย่างน้อยพวกเขาก็ออกมาจากป้อมปราการที่คอยปกปักษ์ พุ่งไปยังที่ต่างๆ ของฟ้าดาราอันไพศาลแห่งนี้ได้แล้ว!

“เจ้าสวะหลินสวิน คราวนี้เจ้าต้องข้ามด่านเคราะห์ไม่สำเร็จแน่!”

“ต่อให้เจ้ารอดชีวิต มีสหายยุทธ์มากมายอยู่ เจ้า… ยังมีทางรอดหรือ”

“ไป!”

ชั่วขณะเดียวก็พบว่าสี่ด้านแปดทิศมีรุ้งเทพดุจสายฝน ต่างเป็นเงาร่างที่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงสุด แต่ละคนไอสังหารพลุ่งพล่าน อานุภาพคับฟ้า

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงหน้าเปลี่ยนสี อดห่วงหลินสวินไม่ได้ เขาพุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล มาถึงหน้าป้อมปราการหลินสวินทันที รีบเอ่ยว่า “สหายน้อย สถานการณ์ไม่สู้ดี รีบให้แม่นางคนนี้จากไป หาไม่เจ้าเฒ่าพวกนั้นจะต้องร่วมมือกันจับแม่นางคนนี้ไปแล้วบีบให้เจ้ายอมจำนนแน่!”

ด่านเคราะห์อสนีรอบที่เก้านี้กำลังสั่งสมพลังยังไม่มาเยือน นี่เป็นการคุกคามถึงชีวิตยิ่งยวดอย่างไม่ต้องสงสัย

ถ้าเป็นเพราะซย่าจื้อ ทำให้หลินสวินวอกแวก…

เช่นนั้นผลลัพธ์ย่อมไม่อาจคาดคิดได้!

ดวงตาดำของหลินสวินเรียบเฉย กวาดมองระดับจักรพรรดิที่กำลังมุ่งหน้ามาจากที่ต่างๆ นั้นครั้งหนึ่ง สุดท้ายก็กวาดสายตาไปมองซย่าจื้อที่อยู่ไกลออกไป

ซย่าจื้อถือทวนศึกกระดูกขาว เสื้อผ้าโบกสะบัด เอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าสนแต่ข้ามด่านเคราะห์พอ ไม่ต้องสนใจข้า พวกเขาฆ่าข้าไม่ตายหรอก”

พอพูดจบนางก็หันกายไปยังส่วนลึกของฟ้าดารา

ที่นั่นยังมีสัตว์ประหลาดฟ้าดารามากมายซุ่มรอให้เคราะห์สวรรค์ปิดฉากเพื่อไปจู่โจมหลินสวิน

ยามเห็นซย่าจื้อเข้ามา ดวงตาสีแดงฉานของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านี้ก็ไหววูบไม่ว่างเว้น คล้ายหมายจะเคลื่อนไหวเต็มแก่ แต่พอซย่าจื้อยืนอยู่ห่างจากพวกมันไม่มาก พวกมันก็สงบลงอีก

เมื่อเห็นภาพนี้เข้าหลินสวินก็สงบใจได้แล้ว

ซย่าจื้อไม่ใช่เด็กเล็ก นางตัดสินใจอย่างชาญฉลาดที่สุดในทันที ถ้าสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นกล้าลงมือกับนาง ต่อให้สู้ไม่ได้นางก็สามารถกระโจนเข้าไปในฝูงสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้น ยืนแรงต้านแรง หรือยังสามารถชักนำภัยพิบัติให้อีกฝ่ายได้

แน่นอนว่านี่ก็อันตรายหาใดเทียบเช่นกัน แต่เทียบกับการเผชิญหน้ากับการคุกคามของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิเหล่านั้นตรงๆ ยังมีโอกาสพลิกกระดานมากกว่า

สวบๆๆ!

ไม่ทันไรสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิก็มากันหมด อุ่นหนาฝาคั่งมีมากหลายร้อยคน ที่ศักยภาพแข็งแกร่งที่สุดอยู่ระดับจักรพรรดิขั้นหก ที่อ่อนแอที่สุดก็อยู่ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง

แต่ละคนล้วนเป็นยอดบุคคลที่สามารถทำให้ทั่วหล้าฟ้าดาราสั่นสะเทือนได้ แต่หลังจากมาถึงที่นี่แล้วก็หลบห่างจากพื้นที่ของด่านเคราะห์อสนีนั้นไปไกลๆ ไม่กล้าเข้าใกล้อีก

“ผู้หญิงคนนั้นเจ้าเล่ห์นัก หลบไปทางนั้นแล้ว!”

สัตว์ประหลาดเฒ่าที่เดิมท่าทางฮึกเหิม คิดจะมาจับซย่าจื้อเป็นตัวประกันบางคน พอเห็นซย่าจื้อยืนอยู่ใกล้สัตว์ประหลาดเหล่านั้นในส่วนลึกฟ้าดาราต่างนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ ล้มเลิกความคิดที่จะไปจับซย่าจื้อมาอีก

“คนแซ่หลิน เจ้าก็เห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว ต่อให้เจ้าข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ แต่ใกล้ๆ นี้มีผู้ร่วมมรรคหลายร้อยคนหมายเอาชีวิตเจ้าในทันที!”

“นอกจากนี้ที่ไกลออกไปยังมีสัตว์ประหลาดฟ้าดารามากมายจ้องตะครุบอยู่ เจ้ายังจะเอาอะไรมาดิ้นรนได้”

“ยอมแพ้เถอะ!”

มีคนตะคอก เป็นผู้อาวุโสที่มาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คนหนึ่ง ดูภาคภูมิทรงศีล มีฉายาว่า ‘จักรพรรดิสงครามฉางหลิว’ เป็นระดับจักรพรรดิขั้นหกคนหนึ่ง น่าเกรงขามเป็นที่สุด

พอเขาเอ่ยปาก ระดับจักรพรรดิคนอื่นก็พากันส่งเสียง บ้างยิ้มหยันเยาะเย้ย บ้างดูถูกเสียดสี บ้างข่มขู่คุกคาม บ้างเป็นสุขในความทุกข์ของผู้อื่น…

ถ้อยคำเหล่านั้นรวมกับสีหน้าเหี้ยมเกรียมของพวกเขา ทำให้คนธรรมดาสติกระเจิง ตกใจทำตัวไม่ถูกได้จริงๆ

แต่หลินสวินทำเหมือนไม่ได้ยิน ตั้งแต่เริ่มจนจบยังไม่มองเฒ่าชราพวกนี้เลยสักครั้ง

สภาวะจิตและเจตจำนงของเขาหนักแน่นดุจโลหะ แน่วแน่ยิ่งยวด จับจ้องประกาศิตที่อยู่ใต้เมฆาเคราะห์นั้น สั่งสมพลังรอคอย

เขาดูออกแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงประหลาดของกำแพงเมืองหมื่นมรรค เกี่ยวข้องกับประกาศิตอสนีเคราะห์ที่มีรูปดอกบัวอยู่ข้างในสายนี้

นี่เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นยอดศุภโชคที่ประหนึ่ง ‘ยอดอมตะ’ นั้นจริงๆ!

ท่าทางเพิกเฉยของหลินสวินทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิเหล่านั้นสีหน้าอึมครึม แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไป ด้วยกลับว่าจะโดนลูกหลงของด่านเคราะห์นั้น

“เจ้ารอเอาเถอะ คราวนี้ไม่ว่าเจ้าจะข้ามด่านเคราะห์สำเร็จหรือไม่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

มีคนกัดฟันเข่นเขี้ยว

โครม!

เสียงถล่มดังลั่นสะเทือนฟ้าดินระลอกหนึ่งพลันทำลายบรรยากาศกดดันในฟ้าดาราแห่งนี้ ก็พบว่าบนกำแพงเมืองหมื่นมรรค พลังระเบียบอับแสง คล้ายสูญเสียพลังทั้งหมดไป

ในขณะเดียวกันบนเวิ้งฟ้านั้น ประกาศิตอสนีเคราะห์พริบวาบ กลิ่นอายคลุมเครือแผ่กระจายอบอวล คล้ายหมายจะทำลายฟ้าดาราแห่งนี้

น่ากลัวไปแล้ว!

ก็ในตอนนี้เองหลินสวินก้าวไปในห้วงอากาศ ถึงกับออกตัวพุ่งไปหาประกาศิตอสนีเคราะห์สายนั้น ร่างกายส่องแสงเปล่งประกายถึงที่สุด

ท่ามกลางความคลุมเครือ เขาราวกับแปลงเป็นหุบเหวหนึ่ง หมายจะกลืนกินเวิ้งฟ้าที่เชื่อมกับประกาศิตอสนีเคราะห์นั้นไปทั้งหมด

ภาพนี้ทำให้หลายคนตาเบิกกว้าง

และก็เป็นตอนนี้เอง มีคนเอ่ยปากอย่างร้ายกาจทันทีว่า “เจ้าสวะ เจ้าจะไม่สนความเป็นตายของผู้หญิงคนนั้นหรือ”

ฆ่าคนสังหารใจ!

สิ่งที่เผยออกมาในประโยคนี้กลับเป็นการข่มขู่อันโหดร้ายหาใดเทียบ

“หลังจากข้าหลินสวินแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ จะฆ่าล้างตระกูลเจ้า!” ในที่สุดหลินสวินก็เอ่ยปาก เสียงสงบนิ่งดังก้องฟ้าดารา

คนที่พูดก่อนหน้านี้นั้นเป็นชายชุดขาว หน้าตาท่าทางไม่ธรรมดา เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งในเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง มีฉายาว่า ‘จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวง’

ได้ยินดังนั้นเขาไม่โกรธกลับยินดี นี่พิสูจน์ว่าหลินสวินไม่ได้ไม่สนใจ และผู้หญิงคนนั้นก็ข่มขู่เขาได้ ทำให้เขาจิตใจปั่นป่วน!

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นก็เดาเรื่องนี้ได้ ดวงตาวาววาบ เริ่มครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าตอนนี้จะไปต่อกรกับซย่าจื้อก่อนดีหรือไม่

ตูมโครม!

และตอนนี้เอง หลินสวินแปลงเป็นรูปลักษณ์หุบเหว ปลดปล่อยไปถึงขีดสุด กลืนกินประกาศิตอสนีเคราะห์นั้นจนสิ้นในทีเดียว

“นี่…” คนนับไม่ถ้วนศีรษะชาหนึบ ตกตะลึงกับการกระทำอันใจกล้าคับฟ้านี้ของหลินสวิน

กลืนกินด่านเคราะห์อสนีทั้งอย่างนี้หรือ!

ตั้งแต่อดีตจนตอนนี้ ใครเคยเห็นผู้ข้ามด่านเคราะห์ที่ไม่รู้จักกลัวปานนี้บ้าง

ตูม!

ฟ้าดินสะท้านสะเทือน เมฆาเคราะห์ปั่นป่วน

กลิ่นอายด่านเคราะห์นั่นเหมือนถูกยั่วให้โกรธ เกิดกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงหาใดเทียบ ทำให้ฟ้าดาราแถบนี้เผยลางจะทรุดตัวพังพินาศ

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิเหล่านั้นต่างหลบหนีไปไกลอย่างไม่ลังเลสักนิด

กลิ่นอายทำลายล้างเช่นนั้นน่ากลัวไปแล้ว ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิตทันที ถ้าโดนไปด้วยจะต้องตายไร้ทางรอด!

ในขณะเดียวกันในครรลองสายตาของพวกเขาก็เห็นว่า หลังจากหลินสวินกลืนกินประกาศิตอสนีเคราะห์จนสิ้น ทั้งร่างส่องแสง เสียงสายฟ้าน่ากลัวซัดกระจายออกมาจากในร่างเขา

เพียบครู่สั้นๆ ร่างกายเลือดเนื้อของเขาระเบิดกระจุยโครมคราม เส้นเอ็นกระดูกแหลกเละ แม้แต่ศีรษะยังถูกโจมตีกระจุยในชั่วพริบตา จมลงในแสงสายฟ้าของด่านเคราะห์อันเจิดจ้าโชติช่วงหาใดเทียบ

ประกาศิตอสนีเคราะห์ปรากฏให้เห็นได้รางๆ โชติช่วงเหลือประมาณ ปลดปล่อยอานุภาพสวรรค์ ส่วนเงาร่างหลินสวินกลับหายไปแล้ว

ก็ตายไปแบบนี้หรือ

ทุกคนตาเบิกกว้าง ชั่วพริบตานั้นเงาร่างหลินสวินระเบิดแหลก ประกาศิตอสนีเคราะห์ปรากฏออกมาจากในร่างเขา เห็นได้ว่าด่านเคราะห์อสนีรอบที่เก้านี้วิปริตปานไหน

ในความเป็นจริงระดับจักรพรรดิขั้นหกอย่างจักรพรรดิสงครามฉางหลิวยังขนลุกเกรียว รู้สึกหวาดผวาหาใดเทียบ เพราะพลังที่ประกาศิตอสนีเคราะห์แผ่ออกมานั้น เปลี่ยนเป็นพวกเขายังรับไม่ไหวสักนิด!

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงตาเบิกโพลง เป็นไปได้อย่างไร เหลือแค่ก้าวสุดท้ายแล้วนะ!

หรือว่าก่อนหน้านี้สภาวะจิตเขาได้รับผลกระทบถึงขั้นทำให้ร่วงหล่นเลยหรือ

มีเพียงซย่าจื้อซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไหวหวั่นสักนิด

นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหลินสวินไม่ได้ตายไปโดยสมบูรณ์ แต่สถานการณ์… กลับคล้ายจะเปลี่ยนเป็นเลวร้ายถึงที่สุดแล้ว…

ในใจนางบีบรัดแน่น