จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงตัวแข็งทื่อ ใจตกไปที่ตาตุ่ม
มีชีวิตอยู่มาหลายปี เขามีหรือจะไม่เข้าใจว่าเฒ่าสารเลวพวกนั้นคิดจะทำอะไร
“เจ้าเฒ่าเฟิงหลิงมีเรือนมรรคโลกาสวรรค์หนุนหลัง หากพวกเราจับเขามาข่มขู่เศษเดนคีรีดวงกมลนั่นจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีคนถาม
“หึๆ เจ้าเฒ่าเฟิงหลิงดื้อดึงไม่ยอมรับ ลอบสมคบคิดกับเศษเดนคีรีดวงกมล ทำตัวเป็นพวกเดียวกัน หากเรือนมรรคโลกาสวรรค์รู้เรื่องนี้ก็ต้องมองเจ้าเฒ่าเฟิงหลิงเป็นคนทรยศ”
จักรพรรดิสงครามฉางหลิวยิ้มหยัน “สหายยุทธ์เรือนมรรคโลกาสวรรค์คนอื่นในที่นี้ พวกเจ้าว่าอย่างไรเล่า”
สัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งเรือนมรรคโลกาสวรรค์ที่มาแดนปรินิพพานครั้งนี้ รวมจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงแล้วมีเจ็ดแปดคน
ทว่ายามนี้พวกเขากลับทอดถอนใจ ไม่พอใจกับการแสดงออกของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคนสำนักเดียวกัน ในเวลาเช่นนี้ยังไม่อาจทำเกินงาม
ชั่วขณะหนึ่งทุกคนอดลังเลขึ้นมาไม่ได้
หากเห็นแก่เรือนมรรคโลกาสวรรค์ พวกเขาล้วนไม่อาจไม่พิจารณาว่าจะล่วงเกินจักรพรรดิสวรรค์ดำรงหรือไม่ แต่หากให้พวกเขาละทิ้งจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงไปเช่นนี้ก็ไม่อาจฝืนทน
“ถามพวกเขาไปทำไม จับตัวเจ้าเฒ่าเฟิงหลิงไว้ก่อน!”
ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งของสำนักโบราณจรัสเทพกระเหี้ยนกระหือรือ ได้การตอบรับมากมายทันใด
ในที่นั้นเกิดความโกลาหล สายตามุ่งร้ายมากมายจับจ้องจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิง ส่วนสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เป็นเพื่อนร่วมสำนักพวกนั้นยังคงลังเล
เวลานี้ในใจจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงกลับหนาวเยือก
เขาสูดหายใจลึกแล้วกล่าวเสียงขรึม “เรื่องนี้ข้าเป็นคนก่อ ตั้งแต่วันนี้ไปข้าเฟิงหลิงไม่ใช่คนของเรือนมรรคโลกาสวรรค์อีก ใครอยากลงมือก็ลองดูได้!”
เสียงก้องสะท้านทั่วทั้งที่นั้น
เขาคิดทุ่มสุดตัวแล้ว อานุภาพรอบตัวพุ่งทะลวงขึ้นฟ้า แผ่กระจายออกไป ท่าทางห้าวหาญสยบผู้คน
เพียงชั่วขณะสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยถูกทำให้หวั่นหวาด
ชั่วดีอย่างไรจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงก็เป็นระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่ง ในหมู่สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งหมดนี้ ความสามารถอาจไม่ถึงขั้นแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็ไม่ใช่คนที่ระดับจักรพรรดิทั่วไปเทียบได้
หากเขาสู้สุดชีวิตจริง หลายคนล้วนต้องชั่งน้ำหนักพิจารณาผลที่ตามมา
“ได้ยินหรือไม่ เจ้าเฒ่านี่ออกจากเรือนมรรคโลกาสวรรค์แล้ว ทุกท่านยังลังเลอะไรอีก รีบจับตัวเขาไว้!”
จักรพรรดิสงครามฉางหลิวตวาดลั่น
หลายคนยังลังเล ถึงอย่างไรต่อให้ไม่ได้มาจากขุมอำนาจเดียวกัน หากไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากไปกระทบกระทั่งกับระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ใครกล้ารับรองว่าภายหน้าเรือนมรรคโลกาสวรรค์จะไม่มาล้างแค้นจริงๆ
แต่ก็มีคนลงมือโดยตรงแล้ว อย่างสำนักโบราณจรัสเทพ แดนกษิติครรภ์ เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เรือนมรรคเหล่ามารเป็นต้น ขุมอำนาจใหญ่พวกนี้ไม่มีทางกลัวเรือนมรรคโลกาสวรรค์อยู่แล้ว
ตูม!
แสงศักดิ์สิทธิ์อึงอล แสงมรรคไหลวน
ทันใดนั้นพลันมีระดับจักรพรรดิหลายสิบคนออกโจมตี ในนั้นไม่ขาดระดับจักรพรรดิขั้นหกอย่างจักรพรรดิสงครามฉางหลิว
แน่นอนว่าจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงไม่มีทางนั่งรอความตาย ลงมือเต็มกำลัง หวังตีฝ่าหาทางรอดชีวิต
แต่สุดท้ายความเป็นจริงก็โหดร้าย ทั่วทิศล้วนเป็นระดับจักรพรรดิ ทั้งระดับจักรพรรดิหลายสิบคนยังลงมือพร้อมกัน สถานการณ์เช่นนี้สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามพังทลาย
ปึง!
เพียงพริบตาจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงก็ถูกซัดกระเด็น ได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดแดงสดไหลอาบไปทั้งตัว
ใช่ว่าเขาไม่เอาไหน หากแต่คู่ต่อสู้แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งหาใดเปรียบ!
ซ้ำที่นี่ยังไม่ใช่กำแพงเมืองหมื่นมรรค หากแต่เป็นแดนปรินิพพานที่ปกคลุมด้วยพลังระเบียบ ในฟ้าดินเช่นนี้ยังไม่อาจใช้ของนอกกายใดๆ ได้เหมือนเดิม
หรือกล่าวได้ว่าจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงได้แต่พึ่งพามรรควิถีแห่งตนกรำศึก แต่มีหรือจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฒ่าดึกดำบรรพ์มากมาย
ดิ้นรนไปล้วนเปล่าประโยชน์!
“ต่อให้ข้าต้องตายก็จะลากคนอื่นไปปรโลกด้วย!”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงแผดเสียงคำราม ผมเผ้าสยายยุ่ง ท่าทางราวกับคลุ้มคลั่ง อานุภาพระดับจักรพรรดิโหมกระหน่ำไปทั้งตัว ทำให้ฟ้าดินแถบนี้สะเทือนกึกก้อง น่าตระหนกเป็นอย่างยิ่ง
โดยทั่วไประดับจักรพรรดิยากจะถูกสังหาร ต่อให้เป็นเลือดหนึ่งหยดหรือเศษเสี้ยววิญญาณส่วนหนึ่ง ภายหน้าก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้
หากระดับจักรพรรดิคนหนึ่งสู้แบบเอาชีวิตเข้าแลก พลังที่เกิดขึ้นแน่นอนว่าต้องน่ากลัวถึงขีดสุด
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงในตอนนี้ก็กำลังสู้สุดชีวิต!
ระดับจักรพรรดิมากมายหน้าเปลี่ยนสี ระวังตัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ใครก็ไม่อยากสู้ตายกับคนที่คิดพลีชีพ อันตรายและไม่คุ้มค่าเกินไป
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังกำราบจนจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงไม่อาจเงยหน้าขึ้น ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง ราวกับกลายเป็นมนุษย์โลหิตคนหนึ่ง
“พวกเราจะมองอยู่เฉยๆ หรือ”
ห่างออกไปสัตว์ประหลาดเฒ่าของเรือนมรรคโลกาสวรรค์หลายคนนั้นสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด หนึ่งคนในนั้นดวงตาแดงก่ำ “เฟิงหลิงเป็นคนของเรือนมรรคโลกาสวรรค์เรานะ!”
“ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เจ้าสำนักมาก็ไร้กำลังขวางแต่แรก ยิ่งไปกว่านั้น… เฟิงหลิงเขาไม่ใช่คนของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ของเราแล้ว!”
ในใจสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มาจากเรือนมรรคโลกาสวรรค์พวกนี้ต่างเศร้ารันทดอย่างอดไม่ได้ ด้วยหวาดกลัวจักรพรรดิสวรรค์ดำรง จึงได้แต่มองเพื่อนร่วมสำนักประสบเคราะห์ตาปริบๆ
โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
“อย่าฆ่าเขา ต้องจับเป็น คนตายไม่มีค่า!” เสียงเย็นชาอำมหิตของจักรพรรดิสงครามฉางหลิวดังขึ้นแต่ไกล
พลันเห็นจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงหน้าแปรเปลี่ยนจากเค้าเดิม ร่างกายแหว่งวิ่น
เขาเหมือนลูกสัตว์ที่ถูกฝูงหมาป่ารุมล้อม กัดขย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างชุ่มเลือดนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่ง หากอยู่ในโลกภายนอกย่อมสามารถทำให้สรรพชีวิตมากมายเคารพเลื่อมใส เดินไปที่ไหนล้วนถูกเทิดทูนให้เป็นตัวตนดั่งทวยเทพ สามารถจะ…
แต่ตอนนี้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงใกล้จะยืนหยัดไม่อยู่แล้วจริงๆ
สติรับรู้ของเขาล้วนมีสัญญาณเลือนราง
“คิดจับเป็นข้ารึ ไม่มีทาง!”
ในช่วงสุดท้ายนี้เขาส่งเสียงหัวเราะลั่น บนหน้าเปื้อนเลือดเต็มไปด้วยแววเหน็บแนม “ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันหนึ่ง พวกที่ยอมเป็นสุนัขให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงอย่างพวกเจ้าล้วนต้องไม่ตายดี!”
ระดับจักรพรรดิพวกนั้นต่างบันดาลโทสะ สีหน้าเยียบเย็นยิ่งกว่าเดิม
แต่เวลานี้กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น “พี่ใหญ่พูดได้ดี!”
ประโยคเดียวเพียงห้าคำ ก้องสะท้านทั่วทิศดั่งอสนีเทพฟ้าประทาน ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
ระดับจักรพรรดิที่ศักยภาพทั่วไปบางส่วนสั่นเทาไปทั้งตัว ถูกเสียงนี้กระเทือนจนบาดแก้วหู เบื้องหน้าพร่าเลือน
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น เงาร่างหนึ่งปรากฏตัว ณ ที่นั้นแล้วสะบัดแขนเสื้อ
ตูม!
แสงมรรครัศมีเทพเหลือคณาแผ่กระจายออกมา เงาร่างใกล้เคียงที่พุ่งเข้าไปสังหารจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงล้วนถูกซัดกระเด็นกระดอน ซวนเซถอยร่น
เพียงชั่วขณะในที่นั้นมีเสียงอุทานดังขึ้นโดยรอบ
“เป็นเขา เจ้าสวะนี่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!”
“หากกล่าวเช่นนี้ เขาเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่งแล้วหรือ”
“ไม่เพียงเท่านี้ ศุภโชคที่เกี่ยวข้องกับยอดอมตะนั่นก็ต้องถูกเขาชิงไปแล้วแน่…”
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ใกล้ล้วนแตกตื่น แต่กลับหยุดโจมตี แต่ละคนแววตาไหววูบ มองเงาร่างสูงตระหง่านที่มาอย่างไม่คาดฝันนั่น
เขาสวมเสื้อสีขาวพระจันทร์ ผมดำปลิวสยาย ท่าทางนิ่งเฉยไม่แยแส ทั้งตัวแฝงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ยากจับต้อง มีมาดสง่างามโดดเด่น
เป็นหลินสวินนั่นเอง
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งทำอาหารเลิศรสนานัปการมื้อหนึ่งเสร็จ ยามคิดจะลิ้มรสพร้อมซย่าจื้อก็สังเกตเห็นการต่อสู้นี้
โดยเฉพาะเมื่อเห็นจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงถูกล้อมโจมตี ในใจเขาพลันเกิดเพลิงโทสะไร้สิ้นสุดอย่างไม่อาจระงับ หลายวันก่อนหน้านี้บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคที่กว้างใหญ่นั้น มีแค่จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงที่เห็นเขาเป็นเพื่อน ดูแลและสนับสนุนเขาอย่างมาก
หลินสวินมีหรือจะเห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วย
“เจ้าไม่ควรมา…” เสียงของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงแหบพร่า ลมหายใจถี่กระชั้น การขับเคลื่อนพลังทั้งตัวเขามีสัญญาณปั่นป่วน บาดเจ็บหนักเจียนตาย
แต่เมื่อเห็นหลินสวินปรากฏตัว เขาก็ตื่นเต้น ประหลาดใจ ผิดคาด และซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง อารมณ์ปั่นป่วนดั่งพายุสายฟ้าทันที!
ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ เพื่อนร่วมสำนักพวกนั้นล้วนหายหน้า เจ้าเฒ่าทั่วฟ้าดาราพวกนั้นแต่ละคนแทบอยากจะเขมือบเขา…
มีเพียงเป้าหมายที่ถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงประกาศจับอย่างหลินสวินที่ก้าวออกมา พลีชีพเข้าช่วย!
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ไปชั่วขณะ
“พี่ใหญ่ ข้าทำให้ท่านติดร่างแห หากท่านประสบเคราะห์ ข้าหลินเต้ายวนคงละอายใจไปชั่วชีวิต!”
หลินสวินสูดหายใจลึก นัยน์ตาดำกวาดมองเหล่าจักรพรรดิทั่วทิศพลางกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น แค่ฆ่าหมาแก่บางตัวจะไปยากอะไร”
“สามหาว!”
เสียงของจักรพรรดิสงครามฉางหลิวเย็นเยียบ “แค่เหยียบระดับมกุฎจักรพรรดิก็คิดว่าใต้หล้าไร้คู่ต่อกรแล้วรึ สหายร่วมวิถีในที่นี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสที่อยู่ระดับจักรพรรดิขึ้นไป เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสามหาว”
“ทุกท่าน เจ้าหมอนี่ปรากฏตัวแล้ว เขาเป็นคนที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงประกาศจับ วันนี้หากใครไม่ลงมือ เช่นนั้น… หากจักรพรรดิสวรรค์ดำรงรู้เข้า ผลที่ตามมาพวกเจ้าน่าจะรู้ดี!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักโบราณจรัสเทพน้ำเสียงเย็นชา
ประโยคเดียวทำให้เฒ่าชราที่ตื่นตระหนก คิดเก็บมือเฝ้ามองพวกนั้นตัวแข็งทื่อ สีหน้าวูบไหวไม่หยุด
“ทุกท่านอย่าถูกเจ้าหมอนี่ทำให้ตกใจ พวกเราระดับจักรพรรดิหลายร้อยคนอยู่ที่นี่ ยังฆ่าเจ้าหนุ่มที่เพิ่งบรรลุจักรพรรดิอย่างเขาไม่ได้เชียวหรือ”
“บุคคลชั้นยอดที่มาจากทั่วหล้าฟ้าดาราหลายร้อยคน ถ้าถูกเศษเดนคีรีดวงกมลอย่างเขาทำให้ตกใจ หากแพร่งพรายออกไป… คงขายหน้าเกินไปแล้ว”
เสียงมากมายดังขึ้น ทำให้บรรยากาศในที่นั้นกดดันและหนาวเหน็บยิ่งกว่าเดิม ทุกสายตาแทบจับจ้องมาที่ตัวหลินสวินคนเดียว
ส่วนจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงที่บาดเจ็บหนักเจียนตาย ในสายตาพวกเขาล้วนไม่สำคัญนานแล้ว!
แม้จะมีเสียงหนวกหูดังขึ้นไม่หยุดหย่อน แต่กลับไม่มีใครกล้าลงมือเป็นคนแรก
ไม่มีใครเป็นคนโง่
ก่อนหน้านี้ตอนหลินสวินยังไม่บรรลุจักรพรรดิ ก็ใช้พลังปราณของมกุฎกึ่งจักรพรรดิสังหารสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่เทียบกับระดับจักรพรรดิขั้นสามได้ นับประสาอะไรกับตอนนี้
เกือบแสนปีมานี้ นี่เป็นถึงคนแรกที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิ ดุจดั่งตำนาน!
“สามหาว?”
ริมฝีปากหลินสวินเจือแววหยามเหยียด “วางใจเถอะ ต่อให้วันนี้พวกเจ้าไม่อยากสู้ ข้าคนแซ่หลินก็ไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”
เสียงครอบคลุมทั่วบริเวณเหมือนเสียงมหามรรค
เขาไม่มีทางลืมว่ายามข้ามด่านเคราะห์ เจ้าเฒ่าที่มาจากทั่วหล้าฟ้าดาราพวกนี้ ใช้คำพูดเหน็บแนม เย้ยหยัน ข่มขู่ สาปแช่งเขาอย่างไร
ไม่มีทางลืมว่าพวกจักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงลงมือกับซย่าจื้ออย่างต่ำช้าเพียงใด เพื่อใช้ซย่าจื้อมาข่มขู่ตน
ยิ่งไม่มีทางลืมว่าเฒ่าสวะพวกนี้ เป็นสุนัขของจักรพรรดิสวรรค์ดำรง!
“เจ้าหนุ่ม เจ้าเป็นศัตรูของคนทั่วหล้าแล้ว ยังเอ่ยวาจาบ้าระห่ำเช่นนี้อีก ไม่กลัวว่าจะพาให้คนหยามเหยียดหรือ”
ภิกษุเฒ่าคนหนึ่งของแดนกษิติครรภ์กล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก กลิ่นอายของเขาเร้นลับเคร่งขรึม แสงธรรมมรรคจักรพรรดิไหลวน ท่าทางสูงส่งเหมือนกำลังตำหนิคนรุ่นหลัง
นัยน์ตาดำของหลินสวินเฉยชา กล่าวอย่างสบายๆ “ลาเฒ่าหัวโล้น ก่อนเจ้าตายจะบอกเจ้าให้ วันหน้าข้าหลินเต้ายวนจะไปเหยียบประตูทางเข้าแดนกษิติครรภ์ให้แหลก ทำลายมรดกของแดนกษิติครรภ์ให้สิ้นอย่างแน่นอน”
เมื่อเอ่ยปากออกมา ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิคนนั้นพลันหนังตากระตุก ไอสังหารรอบตัวพรั่งพรู ออกลงมือทันที
คนของแดนกษิติครรภ์ ไม่หวั่นเกรงความเป็นตาย!
……………………..