วู้ม!
แสงธรรมสีดำราวน้ำหมึกไหลวน ตัดสลับด้วยกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิ กลายเป็นประทับบดบังฟ้า มีมายามุนินทร์นั่งบัญชาอยู่ภายใน ท่องสวดเสียงธรรม แผ่ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แห่งมหาปัญญาอันสัมบูรณ์ไร้กลัวเกรงออกมา
ประทับดับสิ้น!
ทันทีที่ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิแห่งแดนกษิติครรภ์คนนี้ลงมือก็ใช้ยอดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตน สำแดงอานุภาพสูงส่งของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นสามคนหนึ่งออกมา
ประทับนี้เผยอานุภาพที่ทำให้ฟ้าถล่มดินทลาย สรรพสิ่งพินาศย่อยยับ!
หลินสวินเหยียดมือขวาออกไปเหมือนชักกระบี่
ฉึ่บ!
ปลายกระบี่สามชุ่นปรากฏ ปราณกระบี่ร้อยฉื่อพุ่งยิงออกมา เผยอานุภาพไร้ใดเปรียบ
พลันเห็นว่าในประทับดับสิ้นที่บังฟ้าคลุมตะวันนั้น มายามุนินทร์ถูกปราณกระบี่ผ่าครึ่ง เสียงสวดดังกระหึ่มถูกเสียงกังวานของปราณกระบี่ปกคลุม
จากนั้นประทับนี้ก็ระเบิดกลางอากาศ ถูกฟันแหลกราวกับทำจากเศษกระดาษ
ห่างออกไปภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิเพิ่งสัมผัสได้ถึงความไม่เข้าที ปลายกระบี่สามชุ่นนั้นก็ซัดไอพลังดุดันเข้าใส่
ฉัวะ!
หัวชั้นเลิศที่หลั่งเลือดสดๆ กระเด็นขึ้นเหนือฟ้า
ปราณกระบี่สะเทือนสนั่นดุจเขาถล่มสมุทรคำราม ฝังกลบร่างไร้หัวนั้นของเขาแล้วบดขยี้จนราบคาบ!
ห้วงอากาศใกล้เคียงถูกกระบี่นี้บีบกดจนทรุดตัว สภาพอากาศแปรปรวนไร้ใดเปรียบม้วนแผ่ขยายออกไป ทำให้ระดับจักรพรรดิบางส่วนที่อยู่ใกล้ตกใจจนพากันหลบหลีก
ในที่นั้นเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง
ปลายกระบี่สามชุ่น สังหารภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นสามในพริบตา เร็วจนน่าเหลือเชื่อและน่ากลัวถึงขีดสุด!
พอมองหลินสวินอีกครั้ง เขายืนอย่างสบายๆ ท่าทางนิ่งเฉย ริมฝีปากขยับพูดออกมาสี่คำเบาๆ
“ไม่ประมาณตน”
ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี แววตาไหววูบ
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสามบางคนขนลุกซู่ไปทั้งตัว หัวใจเย็นเยียบขึ้นมา นี่คือท่าทีกดกำราบอย่างสมบูรณ์ เช่นนี้จะสู้อย่างไร
“พลังต่อสู้ของเจ้าหมอนี่เดิมทีก็เหนือธรรมดา คนทั่วไปไม่อาจเทียบได้แต่แรก ทุกท่านอย่าถูกภาพนี้ทำให้ตกใจเด็ดขาด”
มีคนตวาดลั่น กระตุ้นขวัญกำลังใจ ระดับจักรพรรดิหลายร้อยคนในที่นั้น หากถูกเรื่องนี้ทำให้หวั่นหวาด นั่นจะไม่เสียหน้าเกินไปหน่อยหรือ
หลินสวินเงยหน้ามองออกไป เห็นคนที่พูดนั้นเป็นชายชุดเหลืองคนหนึ่ง แฝงตัวอยู่ในฝูงชน
“หนวกหู!”
แววตาเขาเยียบเย็น ชักกระบี่กลางอากาศ
ฉึ่บ!
ปลายกระบี่หกชุ่นสายหนึ่งควบรวมกัน เหมือนปรากฏขึ้นมาจากกาลเวลานิรันดร์ทีละน้อย ส่องภูผาธาราสว่างไสว ทำให้ใต้หล้าตกตะลึง สั่นสะเทือนไปทั่วทิศ
ปราณกระบี่น่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต พุ่งทะลวงเก้าฟ้าสิบแผ่นดินในยามนี้
สามชุ่นสงัดนิรันดร์ หกชุ่นอวสาน!
“แย่แล้ว!” ชายชุดเหลืองนัยน์ตาหดรัด รู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก กระบี่นี้จับจ้องพลังขับเคลื่อนของเขา เห็นชัดว่ามุ่งเป้ามาที่เขา
ฟุ่บ!
เขาเลือกหลบหนีโดยไม่ลังเล
แต่ปราณกระบี่ที่ฟันออกไปราวกับมีดวงตา กรีดผ่านห้วงอากาศเข้ามาในพริบตา เร็วกว่าการเคลื่อนย้าย มีอานุภาพทรงพลังเกินต้านทาน ไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้
พลันเห็นว่ากลางอากาศกลิ่นอายของชายชุดเหลืองคนนั้นถาโถมขึ้นลง แผ่เงาแสงทบเป็นชั้นๆ เหมือนมีเกราะเทพมากมายป้องกันรอบกาย
ในช่วงวิกฤตินี้เขาแทบจะทุ่มสุดตัว ขอแค่เขาต้านพลังพริบตานั้นได้ ก็สามารถหลบกระบี่นี้ได้
ตูม!
ปราณกระบี่ฟันมา พลังป้องกันมากมายที่ราวกับเกราะเทพนั้น เวลานี้กลับเหมือนมายาฟองสบู่ ระเบิดออกสนั่นหวั่นไหว ปราณกระบี่ไร้ใดเปรียบเข้าโจมตี ผ่าตัวเขาออกเป็นสองซีก
ซ่า… ฝนโลหิตแดงสดข้นคลั่กสาดพรม เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มาจากเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์บางแห่ง ทั้งมีพลังต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนนี้ถูกผ่าแหวกกลางอากาศ!
สภาพการตายน่าอนาถนั้นทำให้ระดับจักรพรรดิหลายร้อยคนในที่นั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี แข็งแกร่งเกินไปแล้ว มรรคกระบี่นั้นไม่อาจทัดเทียมได้จริงๆ
กระบี่เดียวตัดสินเป็นตาย!
ภาพการตายเช่นนี้ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นตกตะลึงอีกครั้ง เกือบแสนปีมานี้พวกเขาล้วนไม่เคยสัมผัสมาดสง่างามของมกุฎมหาจักรพรรดิ
ยามนี้มาดสง่างามนั้นปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้งแล้ว!
เหนือระดับจักรพรรดิมีขอบเขตมกุฎ แตกต่างกันราวฟ้ากับดินจริงๆ!
แววตาของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงพลันไหววูบ เขาจินตนาการได้ว่าหลังจากหลินสวินบรรลุจักรพรรดิสำเร็จต้องแข็งแกร่งมาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งเช่นนี้
“เข้าไปพร้อมกัน อย่าให้เขาโจมตีทีละคนเช่นนี้อีก!”
จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงที่เคยพาคนไปล้อมสังหารซย่าจื้อสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงดั่งสายฟ้าฟาด “อีกอย่างเจ้าหมอนี่ต้องคุ้มครองเจ้าเฒ่าเฟิงหลิงไม่ใช่หรือ พวกเราอย่าปล่อยเจ้าเฒ่าเฟิงหลิงไปเด็ดขาด!”
ความจริงแล้วคำพูดนี้เป็นการกล่าวเตือน ทำให้ทุกคนไปล้อมโจมตีจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิง อาศัยสิ่งนี้มารั้งหลินสวินไว้
ถึงอย่างไรในแดนปรินิพพานนี้ก็ไม่อาจใช้ของภายนอกและพลังนอกกาย หากหลินสวินคิดปกป้องจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิง ย่อมได้แต่เฝ้าระวังอยู่ข้างกายเขา!
สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยนัยน์ตาวาววาบ เตรียมพร้อมลงมือ
“พวกเจ้า… ทำไมช่างต่ำช้าเช่นนี้ ไร้ยางอายอะไรปานนี้!”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงโกรธจัด ระดับจักรพรรดิหลายร้อยคนลงมือจัดการชายหนุ่มที่เพิ่งบรรลุจักรพรรดิคนเดียว ดูไม่โสภายิ่งนัก แต่ตอนนี้เป็นอย่างไร เฒ่าสารเลวพวกนั้นยังวางอุบายโสมมเช่นนี้อีก ช่างไร้ยางอายเป็นอย่างยิ่ง!
“สหายน้อย เจ้าไม่ต้องสนใจข้า ก่อนตายได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า ข้าก็เบิกบานอยู่ในปรโลกแล้ว” จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงนัยน์ตาเด็ดเดี่ยว
เขาไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นภาระของหลินสวินแน่!
“เบิกบานอยู่ในปรโลกอะไร ท่านรอดูละครก็พอ” หลินสวินพูด ก่อนเปล่งเสียงกระจายออกไป “ซย่าจื้อ กินอิ่มหรือยัง”
เสียงทะลวงขึ้นไปเหนือท้องนภา
“เกือบๆ” เสียงที่ราวกับเสียงธรรมชาตินั้นของซย่าจื้อดังมาจากกำแพงเมืองหมื่นมรรค
นางพูดพลางโฉบเงาร่างมากะทันหัน ประหนึ่งแสงมืดมิดสายหนึ่ง
เมื่อเห็นนางปรากฏตัว ในใจสัตว์ประหลาดทุกคน ณ ที่นั้นกระตุกวูบอย่างหนักหน่วง นี่เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ร้ายกาจกว่าเศษเดนคีรีดวงกมลนั่น
ก่อนหน้านี้จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงนำคนไปหลายสิบ แต่ไม่อาจจับตัวนางได้!
“มากับข้า ดูละครกัน”
ซย่าจื้อพูดพลางอุ้มตัวจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงขึ้นมา พุ่งทะลวงสู่ฟ้า ยืนอยู่กลางอากาศ หยิบแตงวิญญาณเขียวขจีลูกใหญ่ออกมาลวกๆ แล้วส่งให้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิง
“กินแตง”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงอึ้งไป เวลานี้เขามีอารมณ์กินแตงเสียที่ไหน
กร๊อบ!
ซย่าจื้อออกแรง แตงวิญญาณในมือถูกแบ่งเป็นเสี้ยวอย่างสวยงาม ส่วนตัวนางเริ่มกินไปก่อนแล้ว
“หากพวกเจ้าคิดว่าสามารถโจมตีพวกข้าสองคนให้พ่ายแพ้ได้ ข้าคนแซ่หลินก็ไม่ขวางพวกเจ้า”
บนพื้นดิน หลินสวินเหยียดกายเล็กน้อยพลางเอ่ยราบเรียบ
เหล่าจักรพรรดิในที่นั้นสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด หลินสวินคนเดียวก็ทำให้พวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคามแล้ว เวลานี้ไหนเลยจะกล้าไปหาเรื่องหญิงสาวที่ยากจัดการกว่าหลินสวินอีก
“จองหอง!”
จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงตวาดลั่น “ทุกท่าน เวลาไม่คอยท่า ลงมือพร้อมกัน ฆ่าเจ้าสารเลวนี่ก่อน!”
ตูม!
เงาร่างเขาเปล่งประกาย ราวกระบี่เซียนไร้เทียมทานออกจากฝัก อานุภาพดุดันหาใดเปรียบ สะบัดมือฟันปราณกระบี่งามแปลกตาไร้ใดเปรียบออกไป
“ฆ่า!”
จักรพรรดิสงครามฉางหลิวระดับจักรพรรดิขั้นหกสูดหายใจลึก เปิดฉากโจมตีเช่นกัน
คนอื่นเห็นดังนี้ก็ลงมือเหมือนเจอจ่าฝูงทันที ในจำนวนนั้นคือสัตว์ประหลาดเฒ่าดุดันและไม่หวั่นเกรงที่มาจากหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่
ตูม…
ฟ้าพลิกดินตลบ สุริยันจันทราหม่นแสง
เพียงพริบตาฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความปั่นป่วน รัศมีเทพไหลวน แสงมรรคดุจสายฝน กฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิน่าพรั่นพรึงโหมกระหน่ำปกคลุมฟ้าดินดั่งมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล
หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ย่อมโจมตีโลกใบเล็กแห่งหนึ่งให้ร่วงหล่นได้!
เผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีเช่นนี้ หลินสวินก็สูดหายใจลึก ไอสังหารและจิตต่อสู้รอบตัวถูกจุด
ทันใดนั้นร่างแยกทั้งห้าโฉบพุ่งออกมา ต่างคนต่างสำแดงยอดวิชาอัศจรรย์ พุ่งตัวไปโดยรอบ
ส่วนร่างต้นของหลินสวินก็เหมือนเหวลึกปรากฏขึ้นบนโลก ด้านล่างประชิดนรกขุมที่เก้า ด้านบนกลืนกินเวิ้งฟ้า เมื่อเขาเดินไปข้างหน้า อานุภาพจักรพรรดิอันรุ่งโรจน์ปะทุราวกับหินหนืด เคลื่อนกวาดทั่วทิศ
ตูม!
ปราณกระบี่ไท่เสวียนแน่นขนัดนับไม่ถ้วนทะยานเข้ามา ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนเผยประกายไร้ใดเปรียบแห่งมรรคจักรพรรดิ วิวัฒน์ออกมาเป็นลักษณ์อัศจรรย์ไร้สิ้นสุด
เพียงพริบตาการโจมตีทั้งหมดที่พุ่งทะยานเข้ามา ล้วนถูกปราณกระบี่แน่นขนัดบดขยี้จนละเอียด แสงกระบี่พลุ่งพล่านไปทั่ว กรีดทึ้งห้วงอากาศทุกหนแห่งที่พาดผ่าน
ฉัวะๆๆ!
ระดับจักรพรรดิบางคนหลบไม่ทัน ถูกบาดเป็นรอยกระบี่ทันที เลือดสีสดสาดกระจาย เสียงร้องอุทานดังขึ้นโดยรอบ
ในการห้ำหั่นชั่วขณะนี้ การล้อมโจมตีนั้นถูกหลินสวินฝ่าทะลวงตรงๆ เขาราวกับเคลื่อนขวาง เหวลึกรอบกายหมุนวน มีอานุภาพประหนึ่งหมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย
ส่วนปราณกระบี่ไร้สิ้นสุดก็พุ่งทะยานตัดห้วงอากาศ คล้ายกระแสมรรคกระบี่ทลายเขื่อน ซัดท้องนภาจนพินาศ ฟาดฟันฟ้าดิน ไม่อาจต้านทาน!
“ตาย!” เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งแผดเสียงคำรามแล้วพุ่งเข้ามา ยามออกหมัดอสนีบาตสีชาดนับหมื่นพันแผ่คลุมร่างหลินสวิน อสนีบาตนั้นร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง แฝงกลิ่นอายราวกับจะทำลายล้าง
หลินสวินไม่หลบไม่หนี เหวลึกที่เหมือนแดนแรกกำเนิดหมุนวน ดูดกลืนอสนีบาตนับหมื่นพันนั้นไปจนหมด
เงาร่างเขากลับพุ่งไปอยู่ตรงหน้าเฒ่าดึกดำบรรพ์นั่น ซัดฝ่ามือหนึ่งออกไป
ปึง!
เฒ่าดึกดำบรรพ์คนนี้มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสี่ ร่างกายถูกซัดละเอียดโดยตรง ระเบิดออกสนั่นหวั่นไหว เลือดสีสดและเศษกระดูกสาดกระจาย
หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง เบี่ยงตัวหลบแล้วเคลื่อนกวาดทั่วทิศ
เพียงชั่วขณะก็มีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิสิบกว่าคนถูกสังหาร สัตว์ประหลาดเฒ่าหลายสิบคนถูกโจมตีอย่างหนัก พลังน่าหวาดกลัวเจือกลิ่นคาวเลือดอบอวลไปทั่วฟ้าดินแถบนี้
ในบริเวณอื่นร่างแยกทั้งห้าที่มีอานุภาพเหมือนร่างต้นของหลินสวิน ล้วนแสดงแสนยานุภาพของระดับมกุฎจักรพรรดิออกมาเช่นกัน
กายมรรคไม้เขียวสำแดงพลังแห่งความเป็นตายรุ่งโรจน์โรยร่วง ประหนึ่งนภาครามหมื่นกาล เงาร่างของกายมรรคเพลิงแดงลุกโหม ผลาญนภาทลายปฐพี เพลิงหลอมฟ้าดิน ร่างของกายมรรคดินเหลืองดั่งคีรีเทพสูงตระหง่าน มีอานุภาพครอบคลุมสวรรค์ พลังทำลายรุนแรง…
ที่แข็งแกร่งที่สุดคือกายมรรควารีดำ สำแดงอภินิหาร ‘สามพันลี้วารียาว’ แยกกายออกมาสามพันร่างในพริบตา!
เงาร่างทั้งสามพันนี้ล้วนเหมือนกายมรรควารีดำ แต่กลับมีพลังของมกุฎกึ่งจักรพรรดิ ไม่อาจเทียบกับระดับจักรพรรดิได้
ก่อนหน้านี้หลินสวินใช้อภินิหารนี้ของกายมรรควารีดำน้อยมาก สาเหตุอยู่ที่พลังของเงาร่างทั้งสามพันนั้นจะด้อยกว่ามรรควิถีแห่งตนหนึ่งระดับ เห็นได้ว่าผลดีมีแค่หยิบมือ
แต่ตอนนี้กลับแตกต่างไป เงาร่างทั้งสามพันนั้นล้วนมีพลังต่อสู้เหมือนร่างต้นของเขายามอยู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเทียบได้!
พูดอย่างไม่เกินจริง พลังต่อสู้ของเงาร่างทั้งสามพันนี้ ล้วนต่อกรกับระดับจักรพรรดิขั้นแรกทั่วไปได้!
พลันเห็นว่าการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่นั้น สถานการณ์เปลี่ยนไปในชั่วขณะเดียว
เงาร่างทั้งสามพันนั้นปกคลุมฟ้าดินไว้แน่นหนา เข้าล้อมระดับจักรพรรดิหลายร้อยคนนั้นพร้อมกับร่างแยกทั้งห้าของหลินสวิน!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง อลหม่านไปทั้งแถบ
สิ่งที่มองเห็นทั้งหมดคือร่างของหลินสวินที่ดำรงอยู่ทุกแห่งหน ภาพนี้ชวนขนพองสยองเกล้าและน่ากลัวเกินไปจริงๆ!
แม้แต่ซย่าจื้อและจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงที่กินแตงชมศึกอยู่กลางฟ้าสูงยังอดอึ้งไปไม่ได้ ไม่กล้าเชื่อว่านี่คือพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงด้วยตัวคนเดียว
เวลานี้ผู้คนเพิ่งตระหนักได้ว่าหลินสวินที่ก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิ เป็นตัวตนที่วิปริตและเย้ยฟ้าระดับใด!