ฟ้าดินสับสนอลหม่าน เงาร่างของหลินสวินแน่นขนัดบดบังสนามรบ ทับซ้อนไปมา
สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิหลายร้อยคนต่างตระหนก
แม้จะตัดสินได้ในชั่วขณะเดียวว่านี่คือวิชาแยกร่าง แต่เมื่อสู้กับเงาร่างทั้งสามพันนั้นจริงๆ พวกเขาล้วนค้นพบอย่างน่าหวาดผวา ว่าพลังต่อสู้ของร่างแยกพวกนั้นแข็งแกร่งเกินธรรมดา!
ตูม!
ท่ามกลางเสียงระเบิด ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งคนหนึ่ง ถูกร่างแยกที่มีพลังระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิสิบกว่าคนล้อมโจมตีพร้อมกัน เพียงพริบตาก็ถูกสังหาร จิตสิ้นวิญญาณสลาย
อีกด้านหนึ่ง สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นสามคนหนึ่งเผยอานุภาพอัศจรรย์หาใดเปรียบ ฟาดฟันเต็มกำลัง แม้จะซัดร่างแยกหลายคนที่ล้อมโจมตีเข้ามาจนพินาศ แต่ตัวเขากลับบาดเจ็บสาหัส เลือดไหลชุ่มไปทั้งตัว
นี่ทำให้ดวงตาเขาแทบถลน ไม่กล้าเชื่ออย่างสิ้นเชิง นั่นเป็นแค่ร่างแยกของหลินสวิน แต่กลับทำให้ระดับจักรพรรดิขั้นสามอย่างเขาบาดเจ็บ!
ขณะเดียวกันในต่างบริเวณทั่วสนามรบ หลังจากสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นผ่านความตื่นตระหนกในตอนแรก ก็รู้ถึงพลังของร่างแยกพวกนั้นอย่างชัดเจน
ถ้าระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งทั่วไปถูกล้อมโจมตี ย่อมมีแต่ตายไร้ชีวา
หากเป็นระดับจักรพรรดิขั้นสองก็มีโอกาสดิ้นรน แต่จะถูกปิดล้อมจนตายเช่นกัน
ระดับจักรพรรดิขั้นสามกลับมีอานุภาพสังหารร่างแยกพวกนี้ได้ แต่จะบาดเจ็บด้วยเหตุนี้!
มีแค่เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิขั้นสี่ขึ้นไปที่ไม่กลัวการล้อมโจมตีเช่นนี้ สามารถกำราบและสังหารร่างแยกพวกนี้ได้
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่ามากมาย ณ ที่นั้นก็รู้สึกยากจะเชื่อ พลังของร่างแยกยังแข็งแกร่งเช่นนี้ ร่างต้นของหลินสวินจะแข็งกร้าวดุดันระดับใด
ตูม…
ฟ้าดินปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิม ห่าเลือดซัดสาด แสงมรรคน่าสะพรึงไร้ขอบเขตแผ่กระจาย พาให้สิบทิศสั่นสะเทือน
ร่างแยกทั้งสามพันของกายมรรควารีดำถูกตีพ่ายและหายไปอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิมากมายถูกสังหารไปเช่นกัน
พร้อมกันนี้ร่างแยกทั้งสี่อย่างไม้เขียว ทองขาว ดินเหลือง เพลิงแดงก็กำลังกรำศึกอย่างดุเดือดกับพวกร้ายกาจระดับจักรพรรดิขั้นห้าและระดับจักรพรรดิขั้นหกบางส่วน
หลังจากหลินสวินก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิ กายมรรคทั้งห้านี้ก็มีพลังต่อสู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าร่างต้นของเขา
อย่างกายมรรควารีดำที่แค่สำแดง ‘สามพันลี้วารียาว’ ก็ปิดล้อมได้ทั่วลาน น่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตโดยแท้
แต่เช่นเดียวกัน อานุภาพและรากฐานที่กายมรรคอีกสี่คนครอบครองล้วนไม่ด้อยไปกว่ากัน ในการต่อสู้ตอนนี้ แต่ละคนล้วนระเบิดพลังต่อสู้ร้ายกาจครองพิภพ เป็นหนึ่งในจักรวาลออกมา
เคราะห์ดีที่มีการกีดขวางและห้ำหั่นจากกายมรรคพวกนี้ จึงทำให้หลินสวินไม่ถึงขั้นถูกเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิขั้นห้าและขั้นหกมากมายล้อมโจมตี
บนเวิ้งฟ้า เมื่อมองจากสายตาของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิง
ทุกหนแห่งทั่วสนามรบล้วนเป็นกระแสน้ำหลากมหามรรคราวกับจะทำลายล้าง รัศมีเทพเจิดจรัสม้วนพัดออกมาเหมือนธารามหาสมุทร สะเทือนเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน
สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิหลายร้อยคนล้วนตกอยู่ในศึกนองเลือด ตามเวลาที่ล่วงเลย ปรากฏภาพความตายที่กายสิ้นมรรคสลายอย่างต่อเนื่อง
ตรงกันข้ามหลินสวินกลับอานุภาพราวสายรุ้ง กวาดขวางฟาดฟันดุจเทพไท้ ประหนึ่งเหวลึกที่ปกคลุมฟ้าดิน ม้วนกลืนสนามรบ แผลงฤทธิ์สังหาร มีอานุภาพที่ไม่อาจทัดเทียม!
นี่ทำให้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงใจสั่นสะท้าน ดวงตาเบิกกว้างยากจะเชื่อ
เจ้าหนุ่มที่เพิ่งบรรลุมกุฎจักรพรรดิคนหนึ่ง ห้ำหั่นกับอสูรเฒ่าระดับจักรพรรดิที่มาจากทั่วหล้าฟ้าดาราหลายร้อยคนด้วยตัวคนเดียว ศึกจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
อย่างศึกมรรคสิบทิศและศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ ระดับจักรพรรดิที่เข้าร่วมแม้จะมีมาก แต่ก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวสู้กับศัตรูทั้งหมดเหมือนตอนนี้!
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงกล้ายืนยันว่าหากการต่อสู้ในวันนี้แพร่กระจายออกไป ทั่วทางเดินโบราณฟ้าดาราต้องตกอยู่ในความปั่นป่วนและตื่นตระหนกถึงขีดสุดแน่
และหลินสวินที่ฟาดฟันกับจักรพรรดิทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว ย่อมถูกลิขิตให้เกริกก้องชั่วกาลนิรันดร์ กลายเป็น ‘ผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า’ คนหนึ่งที่แค่กระทืบเท้าก็ทำให้ทางเดินโบราณฟ้าดาราสั่นสะเทือนได้!
ต่อให้มองดูจากอดีตจวบจนปัจจุบัน กวาดมองทั่วหล้าก็หาคนเทียบเคียงไม่เจอ!
กร้วมๆ…
ข้างหูมีเสียงกินแตงชัดกระจ่างระลอกหนึ่งดังขึ้น จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงที่ตกอยู่ในความตระหนกมุมปากกระตุกทันที ในใจรู้สึกแปลกๆ ยากจะเอ่ยอธิบาย
เผชิญหน้ากับศึกจักรพรรดิแห่งยุคที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์เช่นนี้ แม่นางซย่าจื้อคนนี้กลับทำท่ากินแตงดูละคร นี่… ก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่ง
“ไป!”
ในสนามรบนองเลือดที่อลหม่านและปั่นป่วน พวกที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสามบางคนเลือกหนีเอาชีวิตรอดโดยไม่ลังเล ไม่กล้าล่าช้าอีก
ความจริงคือห้ำหั่นมาถึงตอนนี้ ภัยคุกคามที่คนในระดับพวกเขาได้รับนั้นรุนแรงที่สุด จำนวนคนที่สิ้นชีพก็มากที่สุด
ย้อนกลับไปมองหลินสวิน จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยถูกใครกำราบ นี่ทำให้พวกเขาแทบไม่เห็นความหวังที่จะชนะใดๆ!
ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีพวกเขาก็เป็นขุมอำนาจที่มาจากคนละที่ ไม่ใช่พวกเดียวกัน มีหรือจะไปสู้สุดชีวิตด้วยหวาดกลัวคำสั่งของจักรพรรดิสวรรค์ดำรง
หนี!
ได้แต่หนีเท่านั้น!
เพียงชั่วขณะก็เห็นว่าในสนามรบนั้นสับสนวุ่นวาย เงาร่างแต่ละคนหนีไปคนละทางเหมือนสุนัขไร้เจ้าของ
“พวกเจ้าหนีไปตอนนี้ ไม่ห่วงว่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงจะคิดบัญชีทีหลังรึ”
จักรพรรดิสงครามฉางหลิวแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ตวาดลั่น โกรธจนหน้าคล้ำเขียว พวกระยำนี่พอเห็นว่าไม่เข้าทีก็หนีไปก่อนแล้ว ไร้ปณิธานจริงๆ!
“ถ้าไม่หนีแล้วจะให้ถูกฝังไปพร้อมเจ้าเฒ่าอย่างเจ้าหรือ”
“เจ้าเฒ่าฉางหลิว หากเจ้ายอมเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อจักรพรรดิสวรรค์ดำรง ครั้งนี้เจ้าก็อย่าหนีแล้วกัน!”
เสียงก่นด่ายกใหญ่ดังขึ้น
จักรพรรดิสงครามฉางหลิวโกรธจนอกแทบแตก อะไรที่เรียกว่ากลุ่มรวมพล ก็นี่อย่างไร!
ยามมีประโยชน์รวมตัวกันได้ รีบวิ่งมาเร็วกว่าใคร พอเห็นว่าไม่เข้าที คนที่วิ่งเร็วที่สุดก็คือพวกเขา!
ตูม!
แสงมรรคน่าหวาดกลัวม้วนพัดมา กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินพุ่งเข้าใส่ ทำให้จักรพรรดิสงครามฉางหลิวไม่กล้าแบ่งสมาธิอีก ต่อสู้เต็มกำลัง ระบายเพลิงโทสะทั่วท้องไปกับการห้ำหั่น
“สะใจ!”
บนเวิ้งฟ้า เมื่อเห็นภาพทั้งหมดนี้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงโลหิตเดือดพล่านและตื่นเต้นขึ้นมา “แม่นาง อยากไปล่าคนที่หนีตายพวกนั้นด้วยกันไหม”
ซย่าจื้อกินแตงในมือหมด หยิบอีกลูกออกมาบิพลางกล่าว “สถานการณ์ตอนนี้ยังอาจพูดได้ว่าพ่ายแพ้เหมือนเขาถล่ม แม้ว่าหลินสวินจะแข็งแกร่ง แต่เจ้าเฒ่าที่ยากจัดการก็มีไม่น้อย”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงมองอย่างละเอียดแล้วพบว่าจริงดังคาด พวกที่หนีตายส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสาม บุคคลระดับจักรพรรดิขั้นสี่ขึ้นไปยังมีอยู่มาก อย่างน้อยก็มีนับร้อยคน
ภายในนั้นแค่ระดับจักรพรรดิขั้นหกก็มีสิบกว่าคน ระดับจักรพรรดิขั้นห้าก็มีหลายสิบคน ความแข็งแกร่งของกระบวนรบไม่อาจดูหมิ่นได้ง่ายๆ
ย้อนกลับไปมองหลินสวิน ร่างแยกทั้งสามพันที่วิวัฒน์ออกมานั้นซ่านเซ็นไปกว่าครึ่งนานแล้ว สำหรับสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ระดับจักรพรรดิขั้นสี่ขึ้นไปพวกนั้น ไม่อาจสร้างภัยคุกคามได้เท่าไหร่
ส่วนร่างต้นและกายมรรคทั้งห้าของเขา เวลานี้ล้วนถูกสกัดและล้อมโจมตี!
“นี่นับว่าเยี่ยมยอดแล้ว…” จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงพึมพำ
คนผู้หนึ่งสู้กับสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิหลายร้อยคน ยังต้านทานได้ถึงตอนนี้ ทำให้ระดับจักรพรรดิขั้นห้าและขั้นหกพวกนั้นไม่อาจกำราบ นี่น่าหวาดกลัวเพียงใด
“จากนี้ไปการต่อสู้ที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่ม” ซย่าจื้อกินแตงพลางวิจารณ์อย่างจริงจัง “พวกสวะเมื่อครู่นั้นไม่มีภัยคุกคามนานแล้ว”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงพลันยิ้มขื่น ปัจจุบันบนโลกนี้จะมีสักกี่คนที่กล้าสบประมาท มองระดับจักรพรรดิพวกนั้นว่าไม่มีภัยคุกคามเช่นนี้
ตูม!
ปราณกระบี่สายหนึ่งสะเทือนห้วงอากาศ งามแปลกตาหาใดเปรียบ
จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงและสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นหกหลายคนร่วมกันสู้กับหลินสวินเต็มกำลัง แต่ละคนราวกับเอาชีวิตเข้าแลก
“ข้าอยากดูนักว่าคนที่เพิ่งแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิอย่างเจ้า สามารถยืนหยัดได้นานเท่าไหร่!”
จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไอสังหารสะเทือนใต้หล้า อานุภาพระดับจักรพรรดิโหมกระหน่ำล้นฟ้า เขาเป็นผู้ฝึกกระบี่ระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนหนึ่ง ทั้งเป็นจักรพรรดิกระบี่ครองพิภพ!
“วันนี้ใครหนีเป็นหลานข้าหลินเต้ายวน เหอะ ข้าหลินเต้ายวนไม่มีลูกหลานเนรคุณอย่างพวกเจ้า!”
เวลานี้กลิ่นอายรอบตัวหลินสวินเร้นลับและล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม ระเบิดกลิ่นอายไร้เทียมทานออกมาดั่งเหวลึกแรกกำเนิด มีอานุภาพที่ไร้คู่ต่อกรชั่วกาล!
เขาออกหมัดสังหาร
ตูม!
ภายใต้หมัดเดียว ฟ้าถล่มดินทลาย
“เจ้าหนุ่ม ประเดี๋ยวจะทำให้เจ้าขวัญหนีดีฝ่อ!”
จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงคำราม สาดปราณกระบี่เข้าต้านการโจมตีของหมัดนี้
แต่เพียงพริบตาปราณกระบี่ของเขาก็ถูกบดขยี้ ทั้งตัวถูกกระเทือนจนซวนเซถอยร่น หากไม่ใช่ว่ามีสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นล้อมโจมตีและสกัดหลินสวินไว้พร้อมกัน ผลที่ตามมาก็ไม่อยากจะคิด
“ประเดี๋ยว? ข้าคนแซ่หลินจะส่งเจ้าไปลงนรกเสียตอนนี้!”
หลินสวินพูดพลางยื่นมือคว้ากลางอากาศ ปราณกระบี่เก้าชุ่นสายหนึ่งปรากฏ ราวกับปราณกระบี่ที่บาดตาหาใดเปรียบออกมาจากฝักแห่งกาลเวลานิรันดร์ ทะลวงโลดแล่นทั่วผืนฟ้าปฐพี
มรรคชักกระบี่
เก้าชุ่นมอดม้วย!
นัยเร้นลับของกระบี่นี้ มีอานุภาพเหมือนชักกระบี่ถามสวรรค์ว่าใครกล้าเป็นศัตรู มีความดุดันประหนึ่งโจมตีเก้าสวรรค์ พร้อมเข้าปะทะเต็มกำลัง
ตูม!
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่เข้ามาล้อมโจมตีใกล้ๆ เพียงพริบตาก็ถูกกระบี่นี้ซัดกระเด็น ไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี ในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ไม่อาจจินตนาการว่าภายใต้การถูกปิดล้อม ทำไมหลินสวินยังมีพลังต่อสู้ที่เย้ยฟ้าเช่นนี้
จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงกลับร้องเสียงหลง แฝงความตระหนกและขุ่นเคือง เขารับแรงกระแทกเป็นคนแรก ถูกกระบี่นี้เพ่งเล็ง ไม่ว่าจะหลบอย่างไรล้วนไม่อาจหลุดพ้น
ไม่ว่าต้านทานอย่างไรล้วนถูกซัดพินาศภายใต้กระบี่นี้!
“ช่วยข้าด้วย…” จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงลนลานแล้ว แผดเสียงคำรามสะเทือนใต้หล้า
แต่เสียงเพิ่งดังขึ้นก็พลันหยุดลง เห็นเพียง…
ปึง!
ปราณกระบี่จู่โจมสะบั้นเวิ้งฟ้า ผ่าตัวเขากลางอากาศ ร่างกายถูกปราณกระบี่กว้างใหญ่ไพศาลบดขยี้ กลายเป็นฝนโลหิตฟุ้งกระจาย
จักรพรรดิกระบี่ครองพิภพแห่งระดับจักรพรรดิขั้นห้า กลับสิ้นชีพภายใต้กระบี่เดียว!
นี่คือระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนแรกที่ถูกฆ่าตั้งแต่เริ่มการต่อสู้นี้มา เมื่อเห็นภาพนี้ ในใจสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นหกพวกนั้นต่างสั่นสะท้าน ขนพองสยองเกล้า
พอมองหลินสวินอีกครั้ง อานุภาพระดับจักรพรรดิรอบกายแผ่ไพศาล เจิดจรัสเหมือนดวงตะวันที่ไม่เสื่อมสูญ ส่องประกายทั่วฟ้าดินแถบนี้ ถึงกับปกคลุมความหยิ่งทะนงของเฒ่าดึกดำบรรพ์มากมาย
เวลานี้ระดับจักรพรรดิขั้นสี่ที่ยังดิ้นรนในการต่อสู้พวกนั้นล้วนรู้สึกหนาวเยือกหาใดเปรียบ จิตต่อสู้สะท้านสะเทือน
จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงแข็งแกร่งระดับใด แต่ในการล้อมโจมตีกลับถูกหลินสวินฆ่าในกระบี่เดียว!
พวกเขาล้วนไม่กล้าจินตนาการ ครั้งนี้หากไม่มีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นหกพวกนั้นคอยกำราบ อาศัยแค่พวกเขาใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้
ระดับจักรพรรดิขั้นสี่พวกนี้ก็หนีโดยไม่ลังเลแล้ว
“คัดออกไปอีกกลุ่มแล้ว”
ในเสียงใสกระจ่างของซย่าจื้อที่กินแตงอยู่เจือแววประหลาดใจเสี้ยวหนึ่ง “หากเปรียบเทียบเช่นนี้ หลินสวินที่เหยียบระดับมกุฎจักรพรรดิ… ถึงกับแข็งแกร่งกว่าข้าแล้วหรือ”
นางเหมือนยากจะเชื่ออยู่บ้าง คล้ายว่าในความรู้สึกนึกคิดของนาง หยุดอยู่ที่หลินสวินได้แต่ต้องให้นางปกป้อง ส่วนนางก็แข็งแกร่งกว่าหลินสวินมาตลอด
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงสีหน้าพิลึกพิลั่น เขาเกือบลืมไปแล้วว่าแม่นางกินแตงที่อยู่ข้างกายคนนี้ก็เป็นพวกเย้ยฟ้าคนหนึ่ง…
…………………