The king of War บทที่ 1973 สุนัขซื่อสัตย์
เมื่อเห็นผู้แข็งแกร่งสองคนของตระกูลเจียงมุ่งไปที่ห้องสมุดเพื่อทำลายภัยพิบัติสวรรค์ ลี่เฉินก็ทำได้เพียงเฝ้ามองอย่างช่วยไม่ได้ เขาต้องการช่วยหยางเฉิน แต่สำนักมารได้สูญเสียเพราะหยางเฉินไปมากแล้ว
เหมิงคุนและมู่ชิง ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ เกรงว่าพวกเขาคงไม่สามารถฟื้นตัวได้ในเวลาอันสั้นและอาจไม่มีโอกาสได้บรรลุสู่แดนนภาได้อีก
แม้ว่า เงามาร และ มารแดงยังคงมีพลังต่อสู้อยู่ แต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
ในฐานะผู้แข็งแกร่งแดนนภา ลี่เฉินทำได้เพียงเฝ้าดูและไม่สามารถทำอะไรได้เลย นั่นเพราะเมื่อเขาลงมือ ไม่ต้องพูดถึงว่า พันธมิตรพิทักษ์จะลงโทษเขาอย่างไร เกรงว่าเขาเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียงหยวนหลง
ในเวลานี้ ผู้แข็งแกร่งตระกูลเจียงก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป พวกเจียงหยวนหลงเกรงว่าจะต้องถูกฆ่า
“ติ้ง!”
ผู้แข็งแกร่งสองคนของตระกูลเจียงเพิ่งมาที่ห้องสมุด ปืนเทพบู๊ก็บินมาจากฟากฟ้าและตกลงมาต่อหน้าพวกเขาอย่างหนัก
“ไสหัวไป!”
วินาทีถัดมา ตู้ป๋อซึ่งมีเลือดไหลอยู่เต็มตัวก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องสมุด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ จิตวิญญาณการต่อสู้แผ่ออกมาจากตัว
ในอีกด้านหนึ่ง สงอันที่เพิ่งต่อสู้กับเขาอย่างดุเดือดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีรูเลือดที่หน้าอกของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากการถูกเจาะด้วยปืนเทพบู๊
สงอันคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่พลังชีวิตของเขาก็หายไปอย่างสมบูรณ์
ทุกคนในนั้น ต่างมองไปที่ สงอันซึ่งถูกฆ่าตายด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง
ไม่มีใครคิดว่าตู้ป๋อมีพลังมากจนแม้แต่ผู้แข็งแกร่งในโลกบู๊โบราณก็ยังกล้าที่จะฆ่าได้
ตู้ป๋อยืนอยู่หน้าห้องสมุดด้วยเลือดทั่วร่างกาย ดูราวกับเทพพิทักษ์ที่ปกป้องห้องสมุด
พลังที่ดูเหมือนจะมีบ้างไม่มีบ้างแผ่กระจายมาจากเขา แม้ว่ามันจะอ่อนแอมากแต่ทั้งลี่เฉินและ เจียงหยวนหลงก็รู้ว่ามันคือพลังอันโดดเด่น
กล่าวคือ การต่อสู้ที่ดุเดือดเมื่อกี้นี้ทำให้ความแข็งแกร่งของตู้ป๋อมากขึ้น เขาอยู่ใกล้แดนนภาอน่างมากแล้ว และเกรงว่าอาจมีภัยพิบัติสวรรค์ถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
เจียงหยวนหลงหรี่ตาและจ้องไปที่ตู้ป๋อ ความกดดันวิถีบู๊ทรงพลังมุ่งไปหาตู้ป๋อ
ตู้ป๋อไม่กลัวเลยสักนิด ดวงตาสีแดงเลือดของเขามองไปที่เจียงหยวนหลง ออร่าบู๊ในร่างกายของเขากำลังกลิ้งไปมาอย่างต่อเนื่อง ความกดดันวิถีบู๊ที่ เจียงหยวนหลงส่งมาสลายไปทั้งหมด
การต่อสู้ระหว่างเงามารและมารแดงก็หยุดลงชั่วคราวเช่นกัน
นอกจากเจียงหยวนหลงแล้ว ยังมีผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นอีกห้าคนจากตระกูลเจียง ที่ตอนนี้คนหนึ่งตายไปแล้ว และเหลืออีกสี่คน
เงามารและมารแดงแบ่งกันรับมือหนึ่งคน ส่วนตู้ป๋อเผชิญหน้ากับทั้งสองคนเพียงลำพัง ใครจะชนะหรือแพ้ก็ไม่อาจรู้ได้
ผู้แข็งแกร่งตระกูลเจียงทั้งสองคนมองดูตู้ป๋อซึ่งเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
พวกเขารู้ดีว่า ตู้ป๋อแย่ในเวลานี้น่ากลัวอย่างยิ่ง วิถีบู๊ของเขาอยู่ใกล้แดนนภามากแล้ว และต่อให้ร่วมมือกันก็ไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
ลี่เฉินมองไปที่ตู้ป๋อและรู้สึกกังวลน้อยลง
ตราบใดที่ เจียงหยวนหลงไม่ได้ลงมือ ตู้ป๋อก็สามารถหยุดผู้แข็งแกร่งตระกูลเจียงที่ไปทำลายภัยพิบัติสวรรค์ได้
ภัยพิบัติสวรรค์ได้มาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว พลังของพวกมันก็ลดลงอย่างมากและอาจสลายไปโดยสมบูรณ์เมื่อใดก็ได้ เมื่อภัยพิบัติสวรรค์หายไปอย่างสมบูรณ์ หยางเฉินก็จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาที่แท้จริง
ถึงเวลานั้นตระกูลเจียงได้แต่ต้องจากไป
“ฉันกลับอยากรู้อย่างยิ่ง ว่าคนที่กำลังฝ่าภัยพิบัติสวรรค์ ได้ทำข้อตกลงอะไรกับนาย นายถึงได้เต็มใจที่จะบังคับตัวเองไม่ให้บรรลุสู่แดนนภา”
จู่ๆเจียงหยวนหลงก็พูดขึ้นทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของ เจียงหยวนหลงทุกคนต่างก็ตกใจ
ที่แท้ ตู้ป๋อก็มาถึงช่วงเวลาที่ต้องบรรลุแดนแล้ว แต่เขาแค่พยายามอย่างหนักที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองบรรลุมัน
ตู้ป๋อพูดอย่างเย็นชาว่า “โลกฆราวาสไม่ได้สกปรกอย่างที่นายคิด ไม่มีการแลกเปลี่ยนระหว่างพวกเรา ฉันก็แค่ไม่ต้องการเห็นผู้คนในโลกบู๊โบราณมาวางอำนาจของพวกเขาในโลกฆราวาส .”
“ฮึ่ม!”
เจียงหยวนหลงยิ้มอย่างดูถูกและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายไม่กลัวหรือว่าหลังจากที่นายบรรลุสู่แดนนภา ก็จะถูกผู้แข็งแกร่งในโลกบู๊โบราณฆ่าตายเพราะความเย่อหยิ่งของนายเอง?”
ตู้ป๋อมีสีหน้าไม่เกรงกลัว เขาจ้องไปที่เจียงหยวนหลงและพูดว่า “ถ้านายขู่ฉัน คิดว่าฉันจะยอมประนีประนอมหรือไง? ฉันจะบอกให้ ว่าเป็นไปไม่ได้! วันนี้ใครก็ตามที่ต้องการทำลายภัยพิบัติสวรรค์จะต้องผ่านศพฉันไปก่อน!”
ออร่าบู๊ที่ดุร้ายกระจายมาจากตัวของตู้ป๋อ
เมื่อครู่เขาเพิ่งตระหนักได้ถึงพลังเขตแดนของตัวเอง ดังนั้นครั้งนี้จึงปล่อยเขตแดนออกมาโดยไม่ลังเล
เป็นการยากสุดขีดและหาได้ยากอย่างยิ่งที่จะเข้าใจพลังเขตแดนขณะอยู่ต่ำกว่าแดนนภา
ตู้ป๋อที่อยู่ในกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น กลับเข้าใจพลังเขตแดน ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะแสดงว่าพรสวรรค์ด้านบูโดของเขานั้นไม่ธรรมดา
ใบหน้าของ เจียงหยวนหลงมืดครึ้มสุดขีด ในโลกฆราวาสลี่เฉินเป็นคนแรกและตู้ป๋อเป็นคนที่สองที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้
ภายในหนึ่งวัน เขากับพบกับนักบูโดโลกฆราวาสสองคนที่กล้ามาทำตัวใหญ่โตต่อหน้า ซึ่งทำให้เจียงหยวนหลงไม่มีความสุขอย่างยิ่ง
ตอนนี้นอกจากเขาแล้ว มีเพียงสี่ผู้แข็งแกร่งในตระกูลเจียง และทางสำนักมารก็มีเงามารและมารแดง แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่แข็งแกร่งพอ แต่พวกเขาก็ยังพอฝืนต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นของตระกูลเจียงได้
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของตู้ป๋อนั้นมากเกินไป เขาได้ก้าวสู่แดนนภาไปแล้วครึ่งก้าว อีกทั้งยังมีพลังเขตแดน และครอบครองของอาถรรพ์ชั้นสูง ดังนั้นผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ของตระกูลเจียงจึงไม่ใช่คู่แข่งเลย
ดวงตาของ เจียงหยวนหลงตกอยู่ที่เหรินจิงหลุนและ อิงเทียนสิง
เมื่อทั้งสองคนเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา
เจียงหยวนหลงกล่าวว่า “ฉันจะให้โอกาสพวกนาย พวกนายต้องการมันไหม?”
เหรินจิงหลุนและ อิงเทียนสิงตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นอิงเทียนสิงก็รีบกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าโอกาสที่นายท่านหมายถึงคือ?”
เจียงหยวนหลงเปิดปากพูดว่า “ข้อแรกให้โอกาสพวกนายได้กลืนกินสำนักมารและสำนักบูโด อีกทั้งหลังจากที่นายก้าวสู่แดนนภาแล้วก็สามารถเป็นทหารรับใช้ของตระกูลเจียงได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทั้งคู่ก็มีความสุขมาก
การกลืนสำนักมารและสำนักบูโดเข้าด้วยกันเป็นเรื่องปกติ แต่การเข้าเป็นทหารรับใช้ของตระกูลเจียงต่างหากถึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับพวกเขา
ในโลกบู๊โบราณ หากคุณสามารถทหารรับใช้ให้กับกองกำลังบางอย่างได้ คุณก็จะได้รับทรัพยากรการฝึกฝนที่กองกำลังนั้นมอบให้เป็นประจำ และในโลกบู๊โบราณ หากคุณต้องการฝึกฝนอย่างรวดเร็วก็ต้องใช้ทรัพยากรการฝึกฝน
หากมีทรัพยากรการฝึกฝนไม่เพียงพอ แม้ว่าจะมีพรสวรรค์ด้านบูโดมากพอแต่ก็ยากที่จะบรรลุแดนได้
เป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับนักบูโดโลกฆราวาสที่จะกลายเป็นทหารรับใช้ของกองกำลังการต่อสู้แบบโบราณ
“ท่านครับ พวกเราจะทำ!”
เหรินจิงหลุนและ อิงเทียนสิงสบตากันจากนั้นก็เปิดปากของพวกเขาทีละคน ทั้งสองคนต่างตื่นเต้น
เจียงหยวนหลงกล่าวว่า “ขอแค่พวกนายร่วมมือกับผู้แข็งแกร่งตระกูลเจียง ฆ่าเจ้านี่ ฉันจะให้โอกาสพวกนาย!”
เมื่อ เจียงหยวนหลงเสนอให้โอกาสให้พวกเขา พวกเขาก็เดาได้แล้วว่า เจียงหยวนหลงต้องการยืมมือพวกตนเพื่อต่อสู้กับตู้ป๋อและสำนักมาร
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แปลกใจอะไร หลังจากมองหน้ากัน ทุกคนก็พยักหน้า “ท่านครับ พวกเรายินดี!”
“ท่านครับ ยังมีผม ผมก็ต้องการโอกาสนี้ ขอแค่คุณเต็มใจรับมันไว้ ผมยินดีที่จะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ที่สุดของคุณและทำงานอย่างหนักเพื่อคุณได้ตลอดเวลา! ไม่มีทางทรยศ!”
ในเวลานี้เอง เกาสงเองก็คุกเข่าลงที่เท้าของเจียงหยวนหลง และพูดเสียงดังด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น