เสวียนจิ่วอิ้นยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่าบนโลกนี้ถึงกับมีหญิงที่งดงามได้ถึงขั้นนี้ เหมือนเซียนที่มาเยือนโลกมนุษย์ แปลกแยกจากโลก ทำให้ผู้คนรู้สึกละอายในความต้อยต่ำของตน
โดยเฉพาะเมื่อถูกนัยน์ตาที่สุกใสดุจดวงดาราคู่นั้นของนางจ้องมอง ทำเอาเสวียนจิ่วอิ้นยังรู้สึกเหมือนหายใจติดขัด ทั้งที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่มีทางเดินเข้าใกล้นางได้ตลอดกาล
มองเห็นเสวียนจิ่วอิ้นที่สติหลุดล่องลอย ซย่าจื้อขมวดคิ้วเข้มดุจสีหมึก ดึงหมวกม่านปกปิดใบหน้าอีกครั้ง
คราวนี้เสวียนจิ่วอิ้นจึงคล้ายยกภูเขาออกจากอก พ่นลมหายใจเฮือกยาว เมื่อมองซย่าจื้อที่นั่งสงบนิ่งอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง สายตายังคงเหลือร่องรอยสะท้านสะเทือนและตราตรึงอยู่
“มิน่าพี่หลินถึงได้ใส่ใจเจ้าขนาดนั้น…”
เสวียนจิ่วอิ้นทอดถอนใจ ความงามของซย่าจื้อสามารถทำให้จิตใจผู้คนปั่นป่วนได้ชัดๆ ทำให้ผู้คนไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกใบนี้จะมีความงามที่แปลกแยกดั่งเทพเซียนได้ปานนี้
“ดูท่าข้าเองก็นับว่างดงามอยู่เหมือนกัน”
และพร้อมกันนั้น ซย่าจื้อก็เอ่ยปากเหมือนยกภูเขาออกจากอกเช่นกัน
เสวียนจิ่วอิ้นอึ้งค้าง นี่ยังต้องถามอีกหรือ
“เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าตัวเองงดงามเพียงใด” เขาถามอย่างจริงจัง
ซย่าจื้อพยักหน้า “หน้าตางดงามก็เอามากินแทนข้าวไม่ได้”
เสวียนจิ่วอิ้น “…”
ล้อเล่นอะไรกัน คนที่งดงามถึงเพียงนี้จะไม่รู้ว่าตนงดงามเพียงใดได้อย่างไรกัน
เขาชักเริ่มจะเสียจริตแล้ว
เนิ่นนานเสวียนจิ่วอิ้นสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวว่า “แม่นางซย่าจื้อ เคยได้ยินคำว่าสาวงามล่มเมืองสี่คำนี้หรือไม่”
ซย่าจื้อส่ายหน้า
ทั่วหน้าเสวียนจิ่วอิ้นมีแต่เส้นขีดสีดำ กล่าวว่า “เจ้าแค่จำเอาไว้ ไม่ว่าใครได้เห็นคนที่งดงามเช่นเจ้า จะต้องตามเกี้ยวเจ้าราวกับเสียสติเป็นแน่ ดังนั้นหากไม่จำเป็น ต่อไป… ก็อย่าให้ใครได้เห็นใบหน้าของเจ้าอีกจะดีกว่า หาไม่จะต้องเกิดหายนะครั้งใหญ่ชนิดล่มบ้านล่มเมืองขึ้นเป็นแน่”
ซย่าจื้อกล่าว “อ้อ”
เสวียนจิ่วอิ้นยังอยากกำชับอะไร เสวียนซั่งเฉินและผู้อาวุโสตระกูลเสวียนทั้งกลุ่มก็เดินเข้ามาในโถงใหญ่แล้ว
วันนี้ จะเป็นวันที่พวกหลินสวินมุ่งหน้าสู่แดนเจินหลง!
…
เหนือผืนฟ้าดารา
เสวียนซั่งเฉินและหลินสวินยืนเคียงไหล่กัน ด้านข้างยังมีซย่าจื้อ ต้าหวง เสวียนจิ่วอิ้น หลิงเคอจื่อยืนอยู่ด้วย
และสถานที่ไกลออกไปอีก เหล่าเฒ่าชราตระกูลเสวียนทั้งกลุ่มกำลังยุ่งง่วน เตรียมพร้อมเปิดเส้นทางเชื่อมสู่แดนเจินหลง
“แดนเจินหลง ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ก็แยกตัวออกจากทางเดินโบราณฟ้าดารา ในกาลเวลานับไม่ถ้วนนี้แม้จะมีทายาทเจินหลงไม่น้อยมุ่งหน้ามาทางเดินโบราณฟ้าดารา แต่ถ้าพูดกันอย่างจริงจัง แดนเจินหลงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของทางเดินโบราณฟ้าดาราตั้งนานแล้ว”
เสวียนซั่งเฉินบอกเล่าข้อมูลที่เกี่ยวกับแดนเจินหลงให้แก่หลินสวิน
ในแดนเจินหลงมีสิ่งมีชีวิตและเผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนอาศัยอยู่เช่นเดียวกัน และเผ่ามังกรเจินหลงก็เป็นเผ่านายเหนือหัวเพียงหนึ่งเดียว
แดนเจินหลงมีทางเชื่อมที่สามารถทะลุไปยังรังหงส์เซียน ทวีปเต่าดำ ภูเขาเทพเสือขาว ขณะเดียวกันก็มีเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่อีกฟากฝั่ง
ไม่ว่าจะเป็นมังกรเจินหลง หงส์เซียน เต่าดำ เสือขาว ต่างเป็นเผ่าวิญญาณฟ้าประทานตามความหมาย รากฐานพลังน่าสะพรึงหาใดเปรียบ
จากที่เสวียนซั่งเฉินกล่าว ในระดับเดียวกัน ทายาทเจินหลงคนหนึ่งจะมีรากฐานพลังที่กร้าวแกร่งยิ่งยวด และมีเพียงผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์ที่เหยียบย่างขอบเขตมกุฎเท่านั้นจึงจะพอต้านทานเขาได้บ้าง
และในเผ่าเจินหลง ว่ากันว่ายอดฝีมือดุจหมู่เมฆ ระดับจักรพรรดิถมเถ!
จักรพรรดิมังกรคนหนึ่ง ต่อให้ไม่ได้เหยียบย่างมกุฎมรรคา อาศัยเพียงพลังสายเลือด ก็มีพลังน่าสะพรึงที่สยบระดับจักรพรรดิรุ่นเดียวกันได้
แนะนำเรื่องของแดนเจินหลงจบ เสวียนซั่งเฉินก็เอ่ยเตือน “เจ้าไปแดนเจินหลงครานี้จะต้องระวังให้มากๆ เจ้าพวกเผ่าเจินหลงนั่น ไม่ว่าชราหรือเด็กล้วนหยิ่งผยอง ซ้ำยังเข้าข้างคนในเป็นที่สุด”
หลินสวินพยักหน้า เขาไปแดนเจินหลงครานี้มีสองจุดประสงค์ หนึ่งคือหาจ้าวจิ่งเซวียนให้พบ อีกหนึ่งคือไปสังหารหญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิง
“เรียบร้อย! ผู้นำตระกูล เจ้าลงมือได้แล้ว!”
ไกลออกไปเสียงปลื้มปิติสายหนึ่งดังลอยมา ก็เห็นเฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นร่วมมือกัน ใช้พลังเกรียงไกรเหนือสุดเปิดประตูวังน้ำวนบานหนึ่งออกมา
เสวียนซั่งเฉินพยักหน้า ยื่นม้วนหยกม้วนหนึ่งให้หลินสวิน “นำสิ่งนี้ไปมอบให้กับผู้อาวุโสหญิงคนนั้นในห้องโถงมรรคาสวรรค์”
หลินสวินอึ้งไปก่อนถึงค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนอง ว่าคนที่เสวียนซั่งเฉินพูดถึงคือซี!
เพียงแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้นำตระกูลเสวียนที่มีชีวิตอยู่ไม่รู้กี่กาลเวลาอย่างเสวียนซั่งเฉินยังเรียกขานซีว่าผู้อาวุโส ในใจหลินสวินก็อดรู้สึกแปลกพิกลขึ้นมาน้อยๆ ไม่ได้
เมื่อคิดดูแล้วก็ถูก ปีนั้นตอนที่เสวียนซั่งเฉินทะลวงบททดสอบในห้องโถงมรรคาสวรรค์ ยังเป็นแค่เด็กรุ่นเยาว์ที่ยังไม่ได้เป็นอริยะคนหนึ่งเท่านั้น
และในตอนนั้น ซีก็เฝ้าอยู่หน้าประตูใหญ่ของห้องโถงมรรคาสวรรค์แห่งนั้นแล้ว!
“ในม้วนหยกบันทึกเบาะแสของความทรงจำและฐานะบางส่วนที่ผู้อาวุโสคนนั้นค้นหา หากนางได้เห็นน่าจะพอนึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง”
เสวียนซั่งเฉินกล่าว
หลินสวินพลันตระหนักได้ถึงมูลค่าของม้วนหยกม้วนนี้ทันที ก่อนเก็บมันไว้อย่างระมัดระวัง
“พวกเจ้าหลบไปหน่อย”
เสวียนซั่งเฉินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าพลันพวยพุ่งกลิ่นอายน่าสะพรึงที่ประหนึ่งทะลักฟ้าออกมา ทำเอาฟ้าดาราแถบนี้สั่นพล่าน ดังสนั่นดุจกระแสน้ำหลาก
พวกหลินสวินถอยหลีกไปไกลๆ
“ทะยาน!”
เสวียนซั่งเฉินตะโกนลั่น ด้านหลังของเขาปรากฏโลกแห่งหนึ่ง พาดขวางไร้สิ้นสุด สภาพดุจเวิ้งว้าง ไพศาลไร้ขอบเขต
ใจกลางของโลกมีจันทร์เพ็ญลอยเด่นทอแสงอยู่ดวงหนึ่ง
นี่คือโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเสวียนซั่งเฉิน ปรากฏพลังระเบียบโลกอันน่าสะพรึงไร้สิ้นสุดออกมา พลังบีบคั้นระดับนั้นทำให้ลมหายใจของหลินสวินยังติดขัด ในใจสะท้านสะเทือนไม่หยุด
‘เจ้าเฒ่ากระจอกนี่ถึงกับเป็นเหมือนนายท่าน เหยียบย่างมรรคสายนั้นแล้วเหมือนกัน!’
ดวงตาสุนัขของต้าหวงเบิกกว้าง ฉายแววสะท้าน
“ไป!”
เสวียนซั่งเฉินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ในโลกไพศาลนั้น จันทร์เพ็ญที่เจิดจ้าไร้เทียมทานดวงนั้นทะยานออกมาจากตรงกลาง ทันทีที่ปรากฏบนฟ้าดาราแห่งนี้ แสงพร่าวพราวสุกใสที่สว่างจ้าแสบตาก็แผ่กว้างออกมา ดุจดั่งสามารถส่องแสงให้โลกที่มืดมิดมาหมื่นกาลได้!
ไม่ว่าใครมองเห็นจันทร์เพ็ญดวงนี้ ก็เหมือนได้เห็นร่างวิวัฒน์ของมหามรรค เต็มไปด้วยกลิ่นอายเหนือสุดที่ยากจะบรรยาย
มันพร่าวพราวเกินไป สาดพรมแสงศักดิ์สิทธิ์มากมาย ปิดครอบฟ้าดาราแถบนี้!
จันทร์เพ็ญดวงนี้ก็คือคันฉ่องสมบัติเร้นเทพ! รากฐานตั้งตระกูลของตระกูลเสวียน!
ก็เห็นเสาแสงใหญ่หนาไร้เทียมทานสายหนึ่งพุ่งออกมาจากคันฉ่องสมบัติเร้นเทพ ดุจดั่งธารดาราสีเงินไร้ทัดเทียม กระแทกเข้าไปภายในบานประตูวังน้ำวนที่สัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลเสวียนทั้งกลุ่มเปิดออกมา
ตูม!
ภายในประตูวังน้ำวนนั่นพลันถูกแหวกออกเป็นทางระเบียงสายหนึ่ง พุ่งทะลุระหว่างพื้นที่ห้วงอากาศ แผ่ขยายเข้าสู่บริเวณส่วนลึกสุด
“หลานชาย พวกเจ้าเร่งเคลื่อนไหว!”
เสวียนซั่งเฉินเอ่ยปากเสียงเข้ม
“ไป!”
ต้าหวงนำทางก่อนใคร บนตัวแผ่แสงมรรคไร้สิ้นสุดออกมา ปิดครอบหลินสวินและซย่าจื้อเอาไว้ พุ่งทะยานเข้าสู่บานประตูวังน้ำวนบานนั้น
เสวียนจิ่วอิ้นตะโกนดังลั่น “พี่ใหญ่ รักษาตัวด้วย! หากเป็นไปได้อย่าลืมเอาเนื้อมังกรกลับมาให้ลิ้มรสสักหน่อย!”
หลิงเคอจื่อก็โบกมือแรงเป็นการส่งหลินสวินเช่นกัน
เพียงชั่วอึดใจเท่านั้น เงาร่างของพวกหลินสวินก็เลือนหายไปในส่วนลึกทางระเบียงมายานั่น
และหลังจากนั้นหนึ่งเค่อ เสวียนซั่งเฉินเก็บคันฉ่องสมบัติเร้นเทพ ใบหน้าล้วนซีดขาว หอบหายใจถี่กระชั้น
การแหวกพื้นที่ข้ามมิติสายหนึ่ง เชื่อมเส้นทางสู่แดนเจินหลงไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย
ยังดีที่ครั้งนี้ราบรื่นอย่างยิ่ง
“เฮ้อ จากกันคราวนี้ก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้พบกันอีก นึกถึงเนื้อนกยูงเมื่อคืนนี้ ช่างทำให้ผู้คนตัดใจไม่ลงจริงๆ…”
เสวียนจิ่วอิ้นถอนหายใจเฮือกยาว
หลิงเคอจื่อกล่าวว่า “ข้าก็ด้วย”
เสวียนซั่งเฉินถลึงตามองเจ้าเด็กสองคนนี้ปราดหนึ่ง กล่าวว่า “นับแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าก็เริ่มปิดด่าน ทะลวงระดับบรรลุจักรพรรดิได้เมื่อไหร่ค่อยออกด่าน!”
“ใช่ ควรเป็นเช่นนั้น”
เหล่าเฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นต่างพากันยิ้มขึ้นมา มีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่น เจ้าเด็กเสวียนจิ่วอิ้นนี่เกียจคร้านและไม่กระเตื้องเกินไป ต้องเคี่ยวเข็ญกันงามๆ สักหน่อย
“ท่านพ่อ ยังมีแม่นางเสวียนเยวี่ยนะ”
ลูกตาของเสวียนจิ่วอิ้นกลอกวน รีบกล่าวอย่างรวเร็ว “ครั้งนี้หากมีโอกาส ก็ให้นางมุ่งหน้าไปฝึกปราณที่โลกเร้นเทพพร้อมกับพวกเราเลยดีไหม”
“เจ้ามีใจให้แม่นางคนนั้นหรือ” เสวียนซั่งเฉินข้องใจ
เสวียนจิ่วอิ้นกลอกตาคราหนึ่ง “ใช่ที่ไหน ข้าแค่อยากช่วยนางอีกแรง”
เสวียนซั่งเฉินโบกมือใหญ่คราหนึ่ง “ได้”
หลิงเคอจื่ออดสื่อจิตให้เสวียนจิ่วอิ้นไม่ได้ ‘แม่นางเสวียนเยวี่ยยังไม่ไปหรือ’
เสวียนจิ่วอิ้นกล่าวอย่างไม่กระโตกกระตาก ‘แน่นอนว่ายังไม่ไป ข้าก็แค่อยากลองดูท่าทีของเจ้าหลินสวินนั่นดูสักหน่อย เฮ้อ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว สรุปว่าหากมีโอกาส พวกเราก็ช่วยเสวียนเยวี่ยสักหน่อย’
หลิงเคอจื่อพยักหน้าหงึกๆ จินเทียนเสวียนเยวี่ย… เป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่งจริงๆ!
ตระกูลเสวียน
จินเทียนเสวียนเยวี่ยทอดมองท้องฟ้าอยู่คนเดียว อาภรณ์พลิ้วไสว ใจลอยเผลอสติ
“ผู้คลั่งรัก ย่อมสามารถคลั่งในมรรค”
ในความเงียบงัน เสวียนไฉ่หนีที่สวมอาภรณ์หลากสี ผมขาวดุจหิมะพลันปรากฏตัวอยู่อีกด้าน นัยน์ตาทอดมองจินเทียนเสวียนเยวี่ย “ยินดีจะเรียนกระบี่อยู่ข้างกายข้าหรือไม่”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้งงัน “ผู้อาวุโส… คงไม่ใช่เพราะสงสารข้ากระมัง”
นัยน์ตาของเสวียนไฉ่หนีเจือแววเห็นใจ “เด็กโง่ หรือเจ้าอยากอยู่ห่างไกลจากคนที่เจ้าชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ในเส้นทางมหามรรค”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เสวียนจิ่วอิ้นพาจินเทียนเสวียนเยวี่ยมาตระกูลเสวียนวันแรก เสวียนไฉ่หนีก็สัมผัสได้ ว่าแม่นางน้อยคนนี้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ลุ่มหลงในรักคนหนึ่ง
และมรรคกระบี่ของนาง ก็อยู่กับคำว่าลุ่มหลงเช่นเดียวกัน
ลุ่มหลุงอะไรไม่สำคัญ ขอเพียงเป็นผู้ลุ่มหลงก็พอ ดังคำกล่าวที่ว่าไม่บ้าคลั่งหมกมุ่นไม่อาจดำรง ไม่ลุ่มหลง ก็ไม่ต้องพูดถึงความดึงดัน!
“ข้ายินดี!” ครู่ใหญ่จินเทียนเสวียนเยวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พยักหน้าตอบรับ
เสวียนไฉ่หนียิ้มกล่าวว่า “เรียนกระบี่กับข้า รับรองว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่ ต่อให้ต้องทุ่มทรัพยากรทุกอย่างในตระกูลเสวียนของข้า ก็ต้องทำให้เจ้ากลายเป็นจักรพรรดิกระบี่หญิงแห่งยุคที่สามารถเป็นศิษย์เหนือกว่าอาจารย์ให้ได้!”
…
แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
แดนลับอสูรมารอริยะ
ใต้เศษซากประตูภูเขาที่พังถล่มของคีรีดวงกมล ในวันนี้จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังสนั่นก้องกระหึ่มขึ้นระลอกหนึ่ง
ไม่นานนักเศษเสี้ยวแผ่นศิลาที่สลักคำว่า ‘เสี้ยวจันทร์สามดารา’ ก็ล้มคว่ำเสียงดังปึง
จากนั้นเงาร่างสายหนึ่งก็ตะกายออกมาจากจุดที่แผ่นศิลาล้มคว่ำอย่างทุลักทุเล
ผมเผ้าของเขากระเซอะกระเซิง ทั่วร่างประทับแผลมรรคที่สยดสยองเป็นแถบ ผิวเปิดเนื้อปลิ้น น่าอเนจอนาถอย่างบอกไม่ถูก
เขายืนขึ้นมาด้วยอาการสั่นเทิ้ม นัยน์ตาฉายแววเคียดแค้น อาฆาต และชิงชัง
“เจ้าเฒ่าโพธิ ยามข้าลั่วอวิ๋นซื่อกลับสู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา จะต้องกำจัดเศษเดนคีรีดวงกมลทั้งหมด ทำลายสิ่งที่เจ้าเหลือทิ้งไว้ให้สิ้นซาก!”
เขาส่งเสียงคำรามออกมา สะท้อนอยู่ในเศษซากแถบนี้
ถ้าหากพวกคนใหญ่คนโตทางเดินโบราณฟ้าดาราเหล่านั้นอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงไม่กล้าเชื่อว่าเงาร่างที่เสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวมีแต่บาดแผล น่าเวทนาเหมือนขอทานผู้นี้ ก็คือจักรพรรดิสวรรค์ดำรงผู้ควบคุมพลังระเบียบต้องห้าม อานุภาพสยบทั่วหล้า!
ขณะเดียวกันในแดนลับอสูรมารอริยะ กลางหุบเขาที่แสงมงคลไหลเวียนแห่งหนึ่ง
ชายชุดคลุมทองที่นัยน์ตาเรืองรอง หล่อเหลาผิดประหลาดคนหนึ่งพลันสะดุ้งตื่นจากฝัน ร้องเรียกอย่างหัวเสียว่า “อาหลู่ มารผจญหน้าไหนกำลังร้องโหยหวนอยู่”
ข้างๆ กันชายหนุ่มร่างกำยำยิ่งยวดคนหนึ่งส่ายหน้า ชี้ไปยังที่ไกลโพ้น “ดูเหมือนจะเป็นบริเวณเศษซากคีรีดวงกมล