บนไหล่ของชายร่างกำยำ คนจิ๋วชุดขาวคนหนึ่งกอดสองแขนไว้แนบอก พยักหน้าน้อยๆ “ตรงนั้นแหละ”

บนไหล่คนจิ๋วชุดขาวยังมีผีเสื้อที่ปีกข้างหนึ่งเป็นลวดลายงดงาม เวลานี้กระพือปีกบินขึ้นมา ยามปีกของมันสว่างวาบ ห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนถูกฉีกออกเป็นรอยแยกเล็กละเอียดนับไม่ถ้วน

“ไป ไปดูกัน ถึงกับกล้ารบกวนคุณชายผู้นี้ฝันหวาน ต้องเชือดเจ้ามารผจญนั่นให้จงได้”

ชายชุดทองเพิ่งตะกายขึ้นมา ก็ถูกนกดำตัวหนึ่งใช้หม้อดำใหญ่กระแทกใส่กบาล

เคร้ง!

ชายชุดทองเกือบจะเป็นลมล้มพับ บนหน้าผากล้วนบวมแดงเป็นก้อนนูนใหญ่

นกดำกล่าวอย่างครึ้มอกครึ้มใจ “แม่นางอาหูบอกแล้ว กลายเป็นจักรพรรดิเมื่อไหร่ถึงมีโอกาสออกจากหุบเขาแถบนี้”

“แม่งเอ๊ย ตายซะเถอะ!”

ชายชุดทองกุมหัว กระโจนออกไปไล่ฆ่านกดำที่โจมตีทีเผลอตัวนี้ ฝ่ายหลังเผ่นหนีว่องไวดุจทาน้ำมันใต้ฝ่าเท้า หนีไปพลางซ้ำยังหัวเราะเยาะไปพลาง เห็นได้ชัดว่าชั่วร้ายสุดๆ

“อาหลู่ ถ้าเป็นพี่น้องก็ช่วยกันฆ่าเจ้านกหัวขโมยนี่ให้ตาย!”

ชายชุดทองบ่นปอดแปดเสียงดัง “ยังมีเสี่ยวอิ๋น ผีเสื้อน้อย ไปด้วยกัน! แม่งเอ๊ย วันนี้ต้องใช้หม้อดำใบนั้นตุ๋นมันให้ได้!”

ไกลออกไปใกล้ๆ ปากทางเข้าหุบเขา อาหูนั่งขัดสมาธิ ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอึกทึกครึกโครมด้านหลังนางก็อดหัวเราะไม่ได้ เห็นเรื่องแปลกจนคุ้นชินนานแล้ว

ปีนั้นตอนที่กลับจากแหล่งสถานคุนหลุน นางเป็นคนพาพวกเจ้าคางคกมาด้วยกัน ผ่านเส้นทางลับห้วงมิติที่ลึกล้ำคดเคี้ยวแห่งหนึ่ง เดิมทีตั้งใจจะย้อนกลับไปยังทะเลกลืนวิญญาณ

ใครเลยจะคาดคิด เส้นทางลับห้วงมิตินั้นพบเจอแรงดึงดูดจากพลังของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พวกเขาทั้งขบวนร่วงสู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ตรงๆ

จากนั้นภายใต้การนำทางของเจ้าคางคก พวกเขาจึงมาถึงโลกแดนลับอสูรมารอริยะแถบนี้ที่หลินสวินเคยเข้ามาในปีนั้น

แต่ไม่นานนัก เพราะต้องหลบเลี่ยงเคราะห์สังหารอันน่าสะพรึงครั้งหนึ่ง จึงถูกกักขังอยู่ในหุบเขาแห่งนี้

ในคราวเคราะห์มีโชคเคียงคู่ หุบเขาแห่งนี้แม้เสมือนกรงขังที่ไม่สามารถทำลายได้ แต่ภายในกลับเรียกได้ว่าเป็นแดนมงคลฝึกปราณที่หายากแห่งหนึ่ง ไอแรกกำเนิดพวยพุ่ง พลังต้นกำเนิดมหามรรคอบอวล

หลายปีมานี้มรรควิถีของพวกเขาเหล่านี้ล้วนมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด

จากที่อาหูคาดเดา หากอยากออกไป เกรงว่าต้องมีปราณระดับจักรพรรดิจึงจะสามารถทำลายพลังผนึกของหุบเขาแห่งนี้ได้

และตอนนี้ พวกเขาได้แต่เพียรบำเพ็ญอยู่ที่นี่ รอคอยโอกาสบรรลุจักรพรรดิ

สิบวันต่อมา

ทางเดินโบราณฟ้าดารามีข่าวแพร่ออกไป จักรพรรดิสวรรค์ดำรงหวนกลับมาแล้ว ปรากฏตัวบนโลกอีกครั้ง!

ชั่วขณะเดียวใต้หล้าสะท้านสะเทือน ทั่วหล้าฟ้าดาราจับจ้อง ทุกคนต่างตั้งตาคอย เผชิญหน้ากับจักรพรรดิเต้ายวนที่ช่วงชิงศุภโชคยอดหนทางสู่อมตะคนนั้น จักรพรรดิสวรรค์ดำรงที่ฐานะดุจดั่งนายเหนือหัวแห่งฟ้าดารา… จะมีปฏิกิริยาอย่างไร

และหอวิหคทองแดงที่เคยคุ้มครองจักรพรรดิเต้ายวน จะพบเจอบทลงโทษแบบใดกันแน่

และก็เป็นเวลานี้เอง ขุมอำนาจใหญ่มากมายเพิ่งจะสังเกตว่าหอวิหคทองแดงที่ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืด ถึงกับอันตรธานหายไปอย่างสิ้นเชิง ดุจดั่งระเหยไปจากโลกมนุษย์

ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อที่สุดคือ หลังจากจักรพรรดิสวรรค์ดำรงหวนกลับมา ก็ไม่ได้รีบออกเคลื่อนไหวทันที หากแต่เลือกจะปิดด่าน!

ไม่นานก็มีข่าวร้ายแรงกระจายออกมา จักรพรรดิสวรรค์ดำรงได้รับแผลมรรคที่รุนแรงในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์!

หินก้อนเดียวก่อเกิดพันคลื่น ใต้หล้าสั่นสะเทือนไปกับเรื่องนี้ ไม่มีใครสามารถคาดคิดว่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงที่ควบคุมพลังระเบียบต้องห้าม ดุจดั่งนายเหนือหัวแห่งฟ้าดารา จะถึงกับพลาดท่าอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

“ฮ่าๆ เดาได้แต่แรกแล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้”

และตอนที่จ้งชิวได้รู้ข่าวนี้ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ มีแต่เขาที่รู้ดีที่สุด ประตูคีรีดวงกมลแม้จะพังถล่ม แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ!

“ตอนที่ข้าครอบครองพลังระเบียบแดนปรินิพพาน ก็คือวันที่จะเด็ดหัวโจรเฒ่าอย่างเจ้า” จ้งชิวค่อยๆ หลับตา เข้าสู่ภวังค์ทำสมาธิขั้นลึก

ตูม!

ดวงดาวโคจร ฟ้าดินพลิกกลับ

เงาร่างของพวกหลินสวินพลันปรากฏอยู่กลางฟ้าดินเวิ้งว้างกว้างใหญ่แถบหนึ่ง

“ที่นี่ก็คือแดนเจินหลงหรือ”

ทันทีที่หลินสวินเข้าสู่แดนมังกร ก็พลันสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นในห้วงอากาศ เสมือนเข้าสู่ดินแดนดั้งเดิม เต็มไปด้วยพลังฟ้าดินที่เก่าแก่ หยาบหนา และเวิ้งว้าง

ละอองแสงมหามรรคอันแวววาวเป็นสายๆ คละคลุ้งกลางอากาศ ถ้าเป็นคนทั่วไปเข้ามา เกรงว่าคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้

พลังชีวิตของโลกนี้หนาหนักไพศาล เปี่ยมด้วยพลังเกรียงไกรยิ่งใหญ่ เสมือนทับด้วยภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น แข็งแกร่งกว่าโลกภายนอกไม่รู้เท่าไร

ต่อให้เป็นผู้ฝึกปราณห้าระดับล่างทั่วไป เข้าสู่โลกแห่งนี้เกรงว่าล้วนไม่อาจทะยานบนเวิ้งฟ้าได้ เพราะขับเคลื่อนพลังฟ้าดินที่ใหญ่ไพศาลระดับนั้นไม่ไหว

ต้าหวงสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง หลับตาสัมผัสอีกครู่ก่อนกล่าวว่า “กลางฟ้าดินนี้มีกลิ่นอายที่เป็นของเจินหลงพวกนั้น เป็นแดนเจินหลงไม่ผิดแน่”

หลินสวิน ซย่าจื้อพลันสงบใจขึ้นมา ทอดสายตามองไปรอบบริเวณ ก็เห็นกลางฟ้าดินแถบนี้กว้างใหญ่หาใดเปรียบ

ภูผาธาราหมื่นลักษณ์ วัฏจักรหมื่นชีวิต ล้วนยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง

ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าล้วนสูงใหญ่หลายหมื่นจั้ง บ้างก็ถึงขั้นล้านจั้ง ทอดเรียงรายไร้สิ้นสุด บนพื้นดินกว้างแห่งนั้น ไม่ว่าดอกไม้ใบหญ้าใดล้วนมีความสูงหลายสิบจั้ง ไม่ว่าต้นไม้ต้นใดล้วนใหญ่พอให้ร้อยคนโอบ ไม่ว่าใบไม้ใบไหนล้วนเหมือนกับหินโม่

ผีเสื้อที่โผบินกลางอากาศยังมีขนาดหลายจั้ง เสมือนภูตปีศาจก็ไม่ปาน!

ครู่ต่อมาหลินสวินเก็บสายตากล่าวว่า “ต้าหวง เจ้าเคยได้ยินบ้างหรือไม่ว่าแดนเจินหลงใหญ่แค่ไหนกันแน่”

ต้าหวงส่ายหน้า “ในข่าวลือ ร่างจริงของบรรพจารย์จักรพรรดิเจินหลงคนหนึ่งล้วนสามารถแผ่ขยายบนฟ้าดาราไปไกลถึงแสนลี้ ปิดฟ้าครอบตะวัน น่าสะพรึงถึงขีดสุด เมื่อคาดเดาเช่นนี้ โลกที่สามารถบรรจุเผ่าเจินหลงได้ทั้งหมดย่อมม่มีทางเล็ก”

“เช่นนั้นพวกเราควรไปหาเผ่าเจินหลงอย่างไร”

หลินสวินขมวดคิ้วทันที ศิษย์พี่รองเคยบอกว่า หญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิงคนนั้นมาแดนเจินหลงครั้งนี้ เป็นเพราะต้องการ ‘เลือดสมบัติบรรพชนมังกร’ จากเผ่าเจินหลง เพื่อจะทำให้เสี้ยววิญญาณของจอมจักรพรรดิไร้นามฟื้นคืนกลับมา

นี่ก็หมายความว่า หากหลินสวินต้องการไปสังหารหญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิงคนนั้น ก็ต้องไปหาที่เผ่าเจินหลงก่อน

อีกทั้งจ้าวจิ่งเซวียนก็อยู่ที่เผ่าเจินหลง บางทีก็อาจจะพอช่วยเหลือได้บ้าง

ต้าหวงกล่าว “สืบข่าวกันสักหน่อยก่อน ในฐานะนายเหนือหัวสูงสุดของแดนเจินหลง รังของเผ่าเจินหลงต้องเป็นที่รู้โดยทั่วกันแน่นอน”

หลินสวินพยักหน้า

“ข้าช่วยเจ้าหาเหยี่ยนซิง” จู่ๆ เสียงของซีก็ดังขึ้น

ครู่ต่อมานางก็เดินออกจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ เงาร่างอรชรวิวัฒน์กลายเป็นละอองแสงที่ดุจดั่งมายา ลึกลับและแปลกแยก

เสียงของนางเย็นเยียบใสกังวาน “ข้าเคยประมือกับนาง ขอเพียงนางปรากฏตัวอยู่ในแดนเจินหลง ต้องถูกข้าจับได้อย่างแน่นอน”

หลินสวินยิ้ม “เช่นนี้ก็ดีอย่างถึงที่สุดแล้ว”

จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ล้วงม้วนหยกที่เสวียนซั่งเฉินเอาให้เขาออกมาก่อนยื่นไปให้ “นี่คือของที่ผู้อาวุโสเสวียนซั่งเฉินมอบให้ท่าน”

ซีคลี่เปิดม้วนหยกมาอ่าน ใคร่ครวญเนิ่นนานแล้วกล่าวว่า “สุดท้ายก็ยังต้องมุ่งหน้าไปฟากฝั่งฟ้าดาราถึงจะได้หรือ…”

ในม้วนหยกบันทึกเบาะแสที่เกี่ยวกับความทรงจำและฐานะที่นางตามหา เพียงแต่ล้วนเป็นเศษเสี้ยว เลือนรางไม่สมบูรณ์

สิ่งเดียวที่มั่นใจได้คือ เบาะแสทั้งหมดล้วนชี้ไปยังฟากฝั่งฟ้าดารา!

“ถึงตอนนั้นข้าจะช่วยท่านตามหา” หลินสวินกล่าว

ซีพยักหน้า

ต้าหวงจ้องซีเขม็ง ถึงค่อยเอ่ยปากขึ้นกะทันหัน “สหายยุทธ์ หรือว่าปราณของเจ้า…”

ซีเหลือบมองต้าหวงปราดหนึ่ง กล่าวว่า “ไม่ผิด ก้าวออกจากบานประตูบานนั้นแล้ว”

ต้าหวงอุทานตกใจ “การที่จะก้าวผ่านประตูบานนั้นได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดเป็นต้นมา บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ผู้ที่ทำได้ถึงขั้นนี้ก็มีน้อยจนนับนิ้วได้!”

หลินสวินกล่าวอย่างใคร่รู้ “เป็นระดับใดกัน”

ต้าหวงกล่าวอย่างดูแคลน “เรื่องเช่นนี้ใช่สิ่งที่ระดับจักรพรรดิขั้นสองอย่างเจ้าจะเฝ้าคำนึงถึงได้หรือ ก้าวสู่ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้เมื่อไหร่ย่อมเข้าใจเอง”

ขณะกล่าว จู่ๆ ไกลออกไปก็มีระลอกคลื่นห้วงอากาศไหวเคลื่อน

“เร็วเข้า อยู่ตรงนั้น! เมื่อครู่ก็เพราะเวิ้งฟ้าตรงนั้นปรากฏรอยแยกขนาดมหึมา ทำให้เกิดลักษณ์ประหลาดสะท้านโลกขึ้น”

ภายใต้เสียงอึกทึกจอแจ เงาร่างกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากไกลๆ

เงาร่างเหล่านี้แปลกประหลาดยิ่ง บ้างมีปีกงอกจากหลัง บ้างเป็นร่างมนุษย์หัววัว บ้างเป็นสัตว์ร้ายที่ปีกทองอร่าม หน้าตาพิลึกรูปร่างประหลาด เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์กัน

เมื่อมองเห็นพวกหลินสวินต่างก็อึ้งไปตามๆ กัน จากนั้นก็ตกใจแกมสงสัยขึ้นมา

เดิมทีพวกเขายังคิดว่าที่แห่งนี้มีลักษณ์ประหลาดฟ้าดินเกิดขึ้นเพราะมีสมบัติล้ำค่าบางอย่างอุบัติขึ้น แต่เห็นชัดว่าพวกเขาเดาผิดแล้ว

“ดูท่าพวกเราคงไม่ต้องคลำทางสืบข่าวแล้ว”

ต้าหวงยิ้มแยกเขี้ยว “น่าเสียดาย แค่ปีศาจน้อยที่ปราณแค่ระดับอริยะจำนวนหนึ่ง เช่นนั้นมอบให้เจ้าจัดการแล้วกัน”

“พวกเจ้าจะทำอะไร”

มนุษย์หัววัวหน้าเปลี่ยนสี กล่าวอย่างหวาดวิตก

สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต่างก็ใจบีบรัด ในสายตาพวกเขา กลิ่นอายของพวกหลินสวินน่าตกใจเกินไปชัดๆ แค่ยืนง่ายๆ ก็เหมือนเทพสวรรค์มาเยือนโลก อานุภาพชวนสยดสยอง

“ไม่ต้องตกใจ แค่จะสืบข่าวบางอย่างจากพวกเจ้า” เสียงของหลินสวินอ่อนโยน บอกเรื่องที่จะมุ่งหน้าไปเยือนเผ่าเจินหลงให้ฟัง

ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นต่างมีสีหน้าประหลาด ถึงขั้นแม้แต่เผ่าเจินหลงอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้ นี่ต้องไม่ใช่คนของแดนเจินหลงอย่างแน่นอน

มนุษย์หัววัวคนนั้นรีบกล่าว “เรียนผู้อาวุโสทุกท่าน อาณาเขตของเผ่าเจินหลงตั้งอยู่ในส่วนลึกของทะเลตะวันออก ส่วนที่ตั้งโดยละเอียด กลับมีน้อยคนนักที่จะรู้”

สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต่างพากันพยักหน้า

เผ่าเจินหลงเป็นนายเหนือหัวของโลกแห่งนี้ สูงส่งเหนือสุด ตำแหน่งที่ตั้งเจาะจงของพวกเขาย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะล่วงรู้

“ทะเลตะวันออกไกลจากที่นี่แค่ไหน” หลินสวินถาม

“ระยะทางราวๆ แสนล้านลี้” สิ่งมีชีวิตที่มีปีกตัวหนึ่งกล่าว

หลินสวินและต้าหวงสบตากัน แสนล้านลี้? แดนเจินหลงนี่ชักจะใหญ่เกินไปแล้ว!

จากนั้นหลินสวินก็ถามเรื่องบางส่วนอีกหน่อย ไม่นานก็รู้ว่าในแดนเจินหลงที่ไพศาลไร้สิ้นสุดแห่งนี้ แต่ละเมืองล้วนมีขุมอำนาจใหญ่ที่เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าเจินหลงควบคุมดูแลอยู่ บางทีอาจสืบข้อมูลที่เกี่ยวกับเผ่าเจินหลงผ่านผู้ปกครองของขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้นก็เป็นได้

และห่างจากบริเวณนี้ไปไม่กี่ล้านลี้ ก็มีเมืองยักษ์ที่ชื่อว่า ‘ใบไม้ทอง’ อยู่ ขุมอำนาจใหญ่ที่ปกครองเมืองนี้ก็คือเผ่าจักรพรรดิเจินโห่ว

เมื่อเข้าใจเรื่องเหล่านี้แล้ว หลินสวินก็พาซย่าจื้อ ซี ต้าหวงเคลื่อนตัวออกไปพร้อมกัน

กระทั่งมองส่งพวกเขาจากไป สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นล้วนดุจดั่งรอดชีวิตจากวิกฤตหนัก แต่ละคนปาดเหงื่อกันสนั่น ยังนึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ

เผ่ามนุษย์พวกนั้นน่ากลัวเกินไปแล้วชัดๆ!

ครึ่งชั่วยามต่อมา

จากไกลๆ หลินสวินมองเห็นว่าบนแผ่นดินใหญ่ที่กว้างขวางไร้สิ้นสุดแห่งนั้น ปรากฏเค้าโครงของเมืองยักษ์สูงตระหง่านแห่งหนึ่ง

ดูท่านั่นคงจะเป็น ‘เมืองใบไม้ทอง’ ที่ปกครองโดยเผ่าจักรพรรดิเจินโห่ว!