เช้าวันรุ่งขึ้น

“ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลาอีกสองวัน อยากจะไปดูเมืองใบไม้ทองสักหน่อยหรือไม่”

ต้าหวงกล่าวอย่างคึกคัก “สถานที่แห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตหายากมากมายอาศัยอยู่ จะต้องมีกลิ่นอายที่โลกภายนอกไม่มีอยู่มากมายเป็นแน่”

หลินสวินอึ้งไป สายตามองไปทางซย่าจื้อและซี

“ชมดูสักหน่อยก็ไม่เสียหาย” เสียงของซีเย็นใสกังวาน

ส่วนซย่าจื้อ นางว่าตามหลินสวินเรื่อยมา

“เช่นนั้นก็ไปดูกันสักหน่อย”

หลินสวินตัดสินใจ เพียงแต่เพิ่งจะผลักประตูบานใหญ่ของโถงเรือน หลินสวินก็ชะงักเท้ากล่าวว่า “ดูเหมือน… มีบางอย่างไม่เข้าที”

น้ำเสียงเพิ่งสิ้นสุดก็เห็นรอบบริเวณเรือนพักชั่วคราวของพวกเขาพลันปรากฏระลอกคลื่นผนึกสูงเสียดฟ้าขึ้น ประกายแสงเจิดจ้า ปิดครอบเวิ้งฟ้าแถบนี้

ระลอกคลื่นผนึกคลุมเครือนั้นดุจดั่งกรงขังมหามรรคแห่งหนึ่ง กักขังเรือนพักแห่งนี้ที่พวกหลินสวินอยู่

“เจ้าสวะพวกนี้มีเจตน่าแอบแฝงจริงๆ ด้วย” ต้าหวงสีหน้าอึมครึม

นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก กวาดมองรอบบริเวณกล่าวว่า “ดูท่าพวกเราอยากไปเมืองใบไม้ทองสักเที่ยว ยังต้องผ่านด่านข้างหน้าตรงนี้ไปให้ได้ก่อนเสีย”

“ทุกท่าน ขออภัยจริงๆ”

เสียงของโหวเทียนสิงดังลอยออกมาจากนอกเรือนพักที่กระบวนผนึกปิดครอบอยู่ “หากปล่อยให้พวกเจ้าออกไปทั้งอย่างนี้ หน้าของเผ่าจักรพรรดิเจินโห่วของพวกข้าก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหนแล้ว หากแพร่กระจายออกไปคงกลายเป็นตัวตลกของทั่วหล้าอย่างแน่นอน”

เสียงคล้ายจนปัญญา แต่น้ำเสียงกลับผ่อนคลายยิ่ง เผยแววได้ใจที่คล้ายมีแต่ไม่มีเสี้ยวหนึ่ง

“พูดพล่ามกับพวกสวะเผ่ามนุษย์พวกนั้นไปทำไมกัน รีบเปิดใช้งานกระบวนผนึกสังหารพวกเขาเร็วเข้า!”

เสียงตวาดเย็นสายหนึ่งดังขึ้น ไอสังหารท่วมท้น

“ถึงอย่างไรก็เป็นมหาจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ ความเคารพพื้นฐานก็ควรมีบ้าง”

เสียงเข้มขรึมมากประสบการณ์สายหนึ่งดังขึ้น “สหายเผ่ามนุษย์ ขอเพียงพวกเจ้ารอดชีวิตออกมาจากกระบวนผนึกนี้ได้ ข้าโหวจงขอรับรองว่าจะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบากใจอีก ซ้ำยังยินดีช่วยพวกเจ้าติดต่อกับเผ่าเจินหลงอีกด้วย แต่ถ้าตายขึ้นมา เช่นนั้นก็ได้แต่โทษที่พวกเจ้าไร้ปัญญาแล้ว”

ตูม!

น้ำเสียงสิ้นสุดลง ระลอกคลื่นผนึกที่ปกคลุมเรือนพักนี้ก็โคจรโดยพลัน แผนภาพลายมรรคแน่นขนัดอึงอล อุบัติดวงดารานับไม่ถ้วน

ทันใดนั้นพวกหลินสวินเหมือนมากลางฟ้าดาราแห่งหนึ่ง สี่ทิศแปดทางล้วนเป็นดวงดาวพุ่งโฉบ ลุกโชนและแตกระเบิดไม่หยุด ก่อให้เกิดพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึง

“ฮ่า กระบวนผนึกมรรคจักรพรรดิอย่างหนึ่ง ดูท่าเมื่อวานก่อนที่จะพาพวกเราเข้ามาที่นี่ โหวเทียนสิงนั่นก็ไม่ได้มีเจตนาดีแล้ว”

ต้าหวงแค่นหัวเราะ ตะปบหนึ่งฝ่ามือออกไป บดขยี้ดวงดาวที่พุ่งโฉบเข้ามาแหลกละเอียด

“ให้ข้าจัดการแล้วกัน”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาดำลุ่มลึก การเปลี่ยนแปลงละเอียดยิบนับไม่ถ้วนของฟ้าดาราแถบนี้ ถูกเขาเก็บไว้ในสายตาทั้งหมดแล้ว

เขาเริ่มทำลายกระบวนผนึก

หลินสวินซึ่งเป็นมหาปฐมาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านสลักวิญญาณคนหนึ่ง ตอนนี้มีปราณระดับมกุฎจักรพรรดิแล้ว หากถูกกระบวนผนึกเช่นนี้กักขังนั่นจึงจะเป็นเรื่องน่าขันที่สุดในโลก

ตูม!

ก็เห็นเขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง แสงมรรคนับไม่ถ้วนไหลทะลัก ทะยานชั้นฟ้าออกไป กลายเป็นสัญลักษณ์เร้นลับคลุมเครือสายแล้วสายเล่า เจาะเข้ากลางดวงดาวพร่างพราวฟ้า

ส่วนต้าหวง ซีกับซย่าจื้อก็คอยคุ้มครองเขา

นอกกระบวนค่ายกลใหญ่

คนชั้นสูงของเผ่าจักรพรรดิเจินโห่วทั้งกลุ่มรวมตัวอยู่ด้วยกัน จ้องมองกระบวนค่ายกลใหญ่ที่กำลังโคจรจากที่ไกลๆ แต่ละคนฉายรอยยิ้มเย็นชาออกมา

กระบวนค่ายกลนี้มีชื่อเรียกว่า ‘หมื่นยุทธ์ย้อนดารา’ ตั้งแต่อดีตกาลก็ถูกวางอยู่ในแหล่งพำนักของพวกเขาเผ่าเจินโห่วแล้ว กระบวนค่ายกลนี้เกิดขึ้นจากสามพันค่ายกลรวมตัวกัน เชื่อมโยงพลังต้นกำเนิดของภูผาธารา ภายในบรรจุเคราะห์สังหารไร้ขอบเขต ภายใต้การโคจรเต็มกำลัง คนที่ถูกขังอยู่ในนั้น ไม่ว่าปราณจะคับฟ้าปานใดย่อมต้องประสบเคราะห์!

ชายชราชุดเหลืองท่าทางแก่ชราคนหนึ่งมือถือธงเหลืองอำพันผืนหนึ่ง กำลังบังคับกระบวนค่ายกล กลิ่นอายมั่นคงสีหน้าเรียบเฉย

“จะว่าไป พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามหาจักรพรรดิเผ่ามนุษย์พวกนี้มาจากที่ไหน เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน” มีคนเอ่ยถาม

ตอนนี้ในแดนเจินหลง เผ่ามนุษย์เสื่อมถอยดุจดั่งข้าทาสชั้นต่ำ ถูกหมื่นเผ่าที่เหลือเหยียบย่ำใต้ฝ่าเท้า อย่าว่าแต่พวกระดับจักรพรรดิ ต่อให้คนที่บรรลุอริยะก็ยังหายากยิ่ง

แต่ตอนนี้กลับมีหนึ่งชายสองหญิงหนึ่งสุนัขโผล่มา ล้วนมีปราณระดับจักรพรรดิขึ้นไปกันทั้งสิ้น นี่น่าเหลือเชื่อเกินไป

“เส้นทางที่เชื่อมกับทางเดินโบราณฟ้าดาราถูกเผ่าเจินหลงทำลายไปนานแล้ว ส่วนเส้นทางที่เชื่อมสู่อีกฟากฝั่งก็มีสี่เผ่าวิญญาณฟ้าประทานอย่างเจินหลง เต่าดำ เสือขาว และหงส์เซียนร่วมกันดูแลเรื่อยมา”

มีคนกล่าวอย่างใคร่ครวญ “หากคนพวกนี้มาจากอีกฟากฝั่งคงทะยานไปหาเผ่าเจินหลงนานแล้ว ไม่มีทางมาทำเรื่องเล็กๆ อย่างการมาหาพวกเราเพื่อสืบข่าวการมุ่งหน้าไปยังเผ่าเจินหลงเด็ดขาด”

“คิดมากขนาดนี้ไปทำไม ฆ่าพวกเขาซะก็คลี่คลายปัญหาทั้งหมดได้”

คนส่วนใหญ่ไม่สนใจ

มีคนยิ้มหัวเราะ กล่าวว่า “รอสังหารพวกเขาแล้ว ข้าจะใช้ร่างไร้วิญญาณของพวกเขาหลอมเป็นศาสตราจักรพรรดิ พวกเจ้าอย่ามาแย่งกับข้าเชียว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนใหญ่คนโตเผ่าเจินโห่วเหล่านี้ต่างพากันอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

ตูม!

เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดินระลอกหนึ่งดังขึ้นฉับพลัน ก็เห็นชายชราที่มือถือธงเหลืองอำพันตะโกนลั่นขึ้นมา

“แย่แล้ว พวกเขากำลังทำลายกระบวนค่ายกล!”

เสียงสะเทือนชั้นเมฆ และทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ที่นี่พวกนั้นต่างอึ้งไปครู่หนึ่ง นั่นเป็นถึงกระบวนค่ายกลเก่าแก่ที่สามารถกักขังสังหารระดับจักรพรรดิได้เชียว จะถูกทำลายได้อย่างไร

“เหล่าซิว เจ้าอย่าล้อเล่นเชียว เรื่องตลกนี้ไม่ขำสักนิด” โหวเทียนสิงกล่าวด้วยสีหน้ามืดทะมึน

“นี่ไม่ใช่เรื่องตลก ย่อมไม่ขำอยู่แล้ว”

ทันใดนั้นเสียงเกรี้ยวกราดเข้มขรึมสายหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากกระบวนค่ายกลใหญ่นั่น

ตูม!

ก็เห็นกระบวนค่ายกลใหญ่ที่ปิดครอบเหนือเรือนพักนั้นเวลานี้แตกระเบิดฉับพลัน ละอองแสงสาดกระเซ็นปั่นป่วน

เกือบจะในเวลาเดียวกัน เงาร่างของต้าหวงพลันพุ่งวาบ ดุจดั่งประกายอสนีเจิดจ้าที่ดุดันไร้เทียมทานสายหนึ่งตวัดกรงเล็บออกมา

ปึง!

ชายชราที่มือถือธงเหลืองอำพัน หัวถูกตะปบแตกระเบิดตรงๆ ตายอนาถคาที่

“สารเลว!”

“สมควรตาย!”

“เป็นไปได้อย่างไร”

คนใหญ่คนโตเผ่าเจินโห่วเหล่านั้นต่างตกใจระคนเดือดดาล ใครก็คาดไม่ถึง กระบวนค่ายกลใหญ่เพิ่งจะโคจรได้ไม่ถึงครู่หนึ่งดีด้วยซ้ำ ถึงกับถูกทำลายลงทั้งอย่างนี้แล้ว

ที่เขย่าขวัญผู้คนที่สุดคือ สุนัขตัวนั้นน่ากลัวเกินไป แค่ตวัดกรงเล็บก็สังหารเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งในเผ่าพวกเขาได้แล้ว!

กลับเห็นต้าหวงนัยน์ตาลุ่มลึก เจือไอสังหารประหนึ่งล้นฟ้า เผยคมเขี้ยวที่เรียงแน่นขาวกระจ่าง “ทั้งชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยกินเนื้อเจินโห่วเลย พวกเจ้ากลับส่งตัวเองมาให้ถึงที่เลยเชียว!”

ตูม!

ขณะที่มันพูดก็เคลื่อนขวางกลางอากาศ เจือแสงมรรคคับฟ้า พุ่งกระโจนเข้าไปทางสัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าเจินโห่วพวกนั้น

“รนหาที่ตาย!” เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่งตวาดเสียงดัง สีหน้าอำมหิต กระตุ้นหอกกระดูกเล่มหนึ่งพุ่งทะยานไปทางต้าหวง

และพร้อมกันนั้นคนใหญ่คนโตเผ่าเจินโห่วคนอื่นๆ ต่างก็เคลื่อนไหว แต่ละคนไอชั่วร้ายคับฟ้า ดุจดั่งอสนีสะเทือนเก้าสวรรค์สิบแผ่นดิน

เจินโห่ว สิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงที่สามารถร้องคำรามจนสุริยันจันทราภูผาธาราแหลกสลายในตำนาน นิสัยกระหายการเข่นฆ่า เหี้ยมเกรียมยิ่งยวด ตามตำนานของทางเดินโบราณฟ้าดาราเหล่านั้น เจินโห่วก็เสมือนร่างแปลงที่อำมหิตชั่วร้าย!

เวลานี้คนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิเผ่าเจินโห่วพวกนี้ร่วมมือกัน ภาพเหตุการณ์ระดับนั้นเรียกได้ว่าน่าสะพรึงถึงขีดสุด

น่าเสียดาย ฝ่ายตรงข้ามที่พวกเขาหาเรื่องในครั้งนี้น่ากลัวกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้

ตูม!

ต้าหวงตะปบหนึ่งกรงเล็บลงไป แสงมรรคมากมายสะเทือนสนั่น ดุจดั่งเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัดก็ไม่ปาน อานุภาพระดับจักรพรรดิอันไร้เทียมทานพลิกม้วน ซัดสะเทือนพลังโจมตีทั้งหมดจนมลายหายไป

เสียงเคร้งดังคราหนึ่ง หอกกระดูกของระดับจักรพรรดิขั้นแปดคนนั้นถูกซัดจนเกือบแหลก เงาร่างของฝ่ายหลังซวนเซ ยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกต้าหวงเงื้อกรงเล็บตะปบแหวกทรวงอก

ฉัวะ!

เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิขั้นแปดคนนี้ร่างกายกระดูกแตกหัก ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาระหว่างกระเด็นออกไปอย่างแรง

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ต่างขวัญหวา มีหรือจะคิดว่าหนึ่งในเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าจักรพรรดิเจินโห่วของพวกเขา ถึงกับป้องกันกระบวนท่าเดียวไม่ได้

พรูด!

เวลานี้ซีก็ถือโอกาสสังหารออกไป เงาร่างดั่งฝันดุจมายา โผล่ไปอยู่เบื้องหน้าสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งโดยพลัน มือหยกเรียวยาวขาวเนียนโบกคราหนึ่ง ร่างของสัตว์ประหลาดเฒ่าคนนี้พลันสลายเป็นเถ้าธุลี เสมือนถูกเผาไหม้อย่างสิ้นเชิงในชั่วอึดใจนั้น จิตสังขารล้วนดับสูญ

อีกด้านหนึ่งหลินสวินและซย่าจื้อก็พุ่งออกไปเช่นกัน

ฝ่ายแรกรอบกายคละคลุ้งด้วยอานุภาพน่าสะพรึงอันเป็นส่วนหนึ่งของมกุฎมหาจักรพรรดิ บีบคั้นจนเวิ้งฟ้าแถบนี้ร้องครวญ ชั้นเมฆสิบทิศล้วนทลายครืน

ฝ่ายหลังมือกำทวนศึกกระดูกขาว แสงเคลื่อนไหวไหลเวียน เด็ดขาดฉับไว ทวนศึกโบกขยับ ก็โจมตีหัวของสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งแหลกกระจุยได้อย่างง่ายดาย

ฆ่า!”

เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นต้าหวง ซี หรือหลินสวินและซย่าจื้อล้วนเริ่มลงมือ ไม่ได้อ่อนข้อออมมือใดๆ อีก

ไม่ว่าใครถูกวางกับดักเช่นนี้ ในใจย่อมไม่อาจไม่เดือดดาล

ชั่วขณะเดียวที่แห่งนี้ปั่นป่วน เสียงมรรคอึงอล เลือดนองแผ่กว้าง ภูเขาใกล้เคียงล้วนพังถล่ม สิ่งมีชีวิตเผ่าเจินโห่วที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาแถบนี้ล้วนถูกทำให้ตกใจ กรีดร้องเสียงหลง หนีตายจ้าละหวั่น

ที่นี่เป็นแหล่งที่อยู่ของเผ่าจักรพรรดิเจินโห่ว แต่เวลานี้กลับเกิดศึกจักรพรรดิอันนองเลือดหาที่เปรียบขึ้น แค่คิดก็รู้ว่าพลังทำลายล้างระดับนั้นน่าตกใจปานใด

ครู่หนึ่งเขาแดนมงคลที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมชั้นหนึ่งแถบนี้ล้วนเต็มไปด้วยซากหักพัง ทุกแห่งหนล้วนเป็นภาพที่พังทลายแตกหัก

“หยุดมือ! หยุดนะ…!”

เสียงคำรามโหยหวนอันน่าเวทนายิ่งยวดดังขึ้น ก้องสะท้อนกลางฟ้าดิน

“ขอร้องพวกเจ้าล่ะ ให้โอกาสพวกเราเผ่าเจินโห่วได้ไถ่บาปสักครั้ง! ขอร้องพวกเจ้าล่ะ!”

เสียงร้องขอโหยหวนปานจะขาดใจดังไม่หยุด

จนกระทั่งต่อมาในสนามรบที่ปั่นป่วนชุลมุนนั่นเหลือเพียงสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิอย่างโหวเทียนสิงคนเดียว

และเป็นเวลานี้พวกหลินสวินถึงหยุดมือ

ตุ้บ!

โหวเทียนสิงชุ่มเลือดทั้งตัว คุกเข่าลงกับพื้น เศร้าสลด เสียใจ ขมขื่น ตกใจ หวาดกลัว… ความรู้สึกต่างๆ กำลังพลุ่งพล่านในอก ทำให้เขาเกิดสัญญาณคล้ายจะพังทลาย

ไหนเลยจะคาดคิด ว่าเพียงเพื่อต่อกรกับมหาจักรพรรดิเผ่ามนุษย์สามคนกับสุนัขหนึ่งตัว ถึงขั้นชักนำมหันตภัยครั้งใหญ่มาให้เผ่าของพวกเขา!

การต่อสู้ครั้งนี้ แทบจะเหยียบเผ่าเจินโห่วของพวกเขาราบคาบ!

ต่อให้ยังรอดชีวิตไปได้ ภายหน้าก็ต้องสูญสิ้นอำนาจและความเรืองรองอย่างที่ผ่านมา…

“วางใจ ตอนนี้เจ้ายังมีค่าอยู่ ไม่ตายไปทั้งอย่างนี้แน่ จะสามารถรักษาเผ่าของพวกเจ้าได้หรือไม่ ก็ต้องดูว่าเจ้าจะให้ความร่วมมืออย่างว่าง่ายหรือไม่แล้ว”

หลินสวินเอ่ยปากเย็นชา

ลมภูเขาโชยมาระลอกหนึ่ง ทำเอาโหวเทียนสิงสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง ได้สติขึ้นมาบ้างเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้าอย่างขมขื่น “ข้า… ยินดีให้ความร่วมมือ!”

“ต้าหวง เจ้าไปจัดการทรัพย์หลังศึก พวกเราจะจากไปทันที”

หลินสวินสั่งการ

“เจ้าหนู เจ้าถึงกับเริ่มชี้นิ้วสั่งข้าแล้วหรือ” ต้าหวงส่งเสียงบ่นอย่างไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ยังไปทำตามอย่างว่าง่ายอยู่ดี

ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้าหนูนี่มีศิษย์พี่ที่ดีคนหนึ่งกันเล่า!

อันที่จริงหลินสวินเองก็จนปัญญาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นซย่าจื้อหรือว่าซี เขาล้วนไม่สะดวกใจไปสั่งการ เช่นนั้นก็… เหลือแต่ไหว้วานต้าหวงแล้ว…

“ตอนนี้ บอกข้ามาว่าพวกเจ้าจะติดต่อกับคนของเผ่าเจินหลงอย่างไร”

หลินสวินก้มหน้ามองโหวเทียนสิงที่นั่งทื่ออยู่กับพื้น เหมือนสติหายวิญาณหลุดลอยก็ไม่ปาน แววตาเย็นเยียบ “อย่าโกหกข้าเป็นดีที่สุด หาไม่ ข้าก็ไม่ถือหากต้องสืบค้นจากวิญาณของเจ้า”

………………………..