ผู้จัดการแคชเชียร์ของซูเปอร์มาร์เก็ตพอได้ยินดังนั้น เขาจึงเข้าใจได้ในทันที

“ที่แท้ เฉียนหงเย่นไม่เพียงแค่มีปัญหากับลูกค้า แต่ยังด่าลูกค้า แล้วยังโกหกฉัน ต่อหน้าลูกค้า นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้วนะ!”

“คนแบบนี้ เก็บเธอไว้ทำงานนี้ต่อไป ไม่รู้ว่าจะล่วงเกินลูกค้าไปอีกเท่าไร ดีไม่ดีสุดท้ายอาจจะทำให้ฉันเดือดร้อนไปด้วย!”

“ไม่ได้!คนแบบนี้ต้องให้เธอรีบไสหัวออกไปซะ!”

เมื่อคิดได้ดังนั้น ผู้จัดการแคชเชียร์จึงพูดอย่างเด็ดขาดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย”เฉียนหงเย่น ฉันใจดีให้เธอทำงานพาร์ทไทม์ คิดไม่ถึงว่าทัศนคติของเธอที่มีต่อลูกค้าจะแย่ขนาดนี้!ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันว่าเธอไม่ต้องทำแล้วล่ะ รีบส่งมอบกุญแจเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ตอนนี้ถอดเสื้อกั๊กออก แล้วรีบออกไปซะ!”

เฉียนหงเย่นถึงกับเข่าทรุด!

คิดในใจ”ฉันมาหางานทำที่นี่ตั้งแต่เช้า เหนื่อยสายตัวแทบขาดใช้เวลาทำงานตลอดช่วงเช้า!”

“นี่มันใกล้จะถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้ว เธอยังรอคอยที่ได้ไปกินข้าวที่โรงอาหารของพนักงานให้หนำใจ เพื่อให้อิ่มท้อง คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้จัดการไล่ออก!”

“ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันไม่เพียงแค่ไม่มีอาหารกลางวัน แม้แต่เงินค่าจ้างวันละ150หยวน ก็หายวับไปตา!”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉียนหงเย่นจึงร้องไห้แล้วขอร้องอ้อนวอน”ผู้จัดการคะ!ฉันขอร้องล่ะค่ะ คุณอย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ ฉันต้องอาศัยงานนี้เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว!”

พูดจบ เฉียนหงเย่นก็รีบจับแขนของผู้จัดการ แล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้น”ผู้จัดการคะ สามีกับลูกชายของฉันนอนเป็นผักอยู่บนเตียงที่บ้าน พวกเขาไม่มีอะไรลงท้องมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รอให้ฉันหาเงินกลับบ้านเพื่อซื้อข้าวกรอกหม้อ!ได้โปรดเมตตาเถอะค่ะ ให้อภัยฉันสักครั้งเถอะ ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว!”

ผู้จัดการพูดอย่างดูถูก”เฉียนหงเย่น เธอแต่งเรื่องเก่งไปแล้วมั้ง เมื่อกี้ยังบอกว่าลูกค้าเป็นน้องชายสามีของเธออยู่เลย ตอนนี้มาบอกว่าสามีกับลูกชายของเธอนอนเป็นผักอยู่บนเตียง นี่มันสมัยไหนแล้ว ยังมีครอบครัวลำบากแบบนี้อีกหรอ?เธอพูดพล่ามอะไรตรงนี้เนี่ย??”

เฉียนหงเย่นพูดพลางร้องไห้”ผู้จัดการคะ!ฉันไม่ได้พูดพล่ามจริงๆนะคะผู้จัดการ!”

พูดจบ เธอก็มองไปที่เซียวฉางควน แล้วร้องไห้พลางพูดขึ้นมาว่า”เซียวฉางควน ฉันขอร้องล่ะพูดความจริงกับผู้จัดการหน่อยสิ ช่วยฉันพูดหน่อยนะ พี่ชายของนายกับไห่หลงพวกเขาสองพ่อลูก ตอนนี้ถูกทำร้ายจนพิการไปแล้ว ยังต้องอาศัยรายได้จากฉันเพื่อเลี้ยงดูพวกเขา!”

เซียวฉางควนเบะปาก”เธอมันน่าสนใจจริงๆ มาทำตัววุ่นวายตรงนี้คิดว่าได้อะไรไหม?เมื่อกี้ยังมาบอกว่าฉันเป็นน้องชายของสามีเธอ ตอนนี้ยังจัดพี่ชายมาให้ฉันคนหนึ่ง?ไม่จบใช่ไหมห้ะ?”

ผู้จัดการโกรธจนกล่าวตำหนิ”เฉียนหงเย่น ถ้าเธอยังไม่ไสหัวไป ฉันจะเรียกรปภ.มาลากเธอออกไป!”

เฉียนหงเย่นเห็นว่าไม่สามารถรั้งไว้ได้อีกต่อไป จึงถลึงตาใส่เซียวฉางควน แล้วพูดกับผู้จัดการไปว่า”ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นรบกวนช่วยคิดค่าจ้างช่วงเช้าของฉันหน่อยเถอะ วันละหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน ฉันทำมาตลอดทั้งช่วงเช้า ยังไงก็ต้องให้แปดสิบ หรือหนึ่งร้อยไหม?”

ผู้จัดการสบถด่า”ฉันค้นพบว่าคนหน้าด้านอย่างเธอไม่ใช่หน้าด้านธรรมดา งานถูกเธอทำเละแบบนี้ ยังมีหน้ามาขอเงินฉันอีก?รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนะ!รีบไปซะ!”

เฉียนหงเย่นพูดอย่างรำคาญ”ถ้าคุณไม่ให้ งั้นฉันก็ไม่ไป!”

พูดจบ เธอก็ปิดคอมพิวเตอร์ที่เครื่องคิดเงิน หลังจากนั้นก็กอดไหล่เอาไว้แล้วยืนอยู่กับที่ ด้วยท่าทีถ้าคุณไม่ให้เงินฉัน ฉันก็จะไม่ไปไหน ท่าทางจะอยู่จนถึงวินาทีสุดท้าย

เวลานี้เอง ผู้จัดการเรียกรปภ.มาสองสามคน แล้วพูดออกไปว่า”เอาเสื้อกั๊กบนตัวของคนคนนี้ถอดออกมา แล้วรีบลากเธอออกไปซะ!”

รปภ.สองสามคนไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบก้าวไปข้างหน้า หิ้วปีกของเฉียนหงเย่นขึ้นมาแล้วลากเธอออกไปด้านนอก