ตอนที่ 2308 อานุภาพดุจผ่าลำไผ่ เคลื่อนโจมตีทั่วลาน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อวี้คุนจื่อหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ กล่าวว่า

“หลินเต้ายวน นัดเจ้ามาพบครั้งนี้เพราะอยากให้ทางเลือกเจ้าสองทาง คือเข้าสำนักโบราณจรัสเทพของข้า ปลูกผนึกจิตวิญญาณ ไม่ทรยศตลอดไป หรือไม่ก็… ตาย!”

ตอนอวี้คุนจื่อเอ่ยคำพูดสุดท้ายออกมา สายตาราบเรียบและเฉยเมย ประดุจเทพสวรรค์พิพากษาความเป็นความตายของมนุษย์

“อาศัยเจ้า หรือทั้งสำนักโบราณจรัสเทพ คุณสมบัติล้วนไม่พอ”

หลินสวินยิ้ม

“หัวรั้นไม่เข้าเรื่อง”

อวี้คุนจื่อแค่นเสียงคราหนึ่ง น้ำเสียงไร้คลื่นอารมณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ “เขาหุบเหวโลหิตนี้ คนทั่วหล้าล้วนคิดว่าอาบย้อมพลังเคราะห์จ่อมจม ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นทนทานไม่อาจสั่นคลอน แต่ข้าค้นคว้าตำราโบราณ ฝึกปราณในกระท่อมบนยอดเขานี้มาเกือบหมื่นปี ได้รู้ว่ามันเป็นศาสตราไร้ศัตรูอย่างหนึ่ง ประทับนัยเร้นลับแห่งระเบียบไว้ วันนี้ บางทีศาสตราชิ้นนี้คงได้ลิ้มรสเลือดสดๆ ของมกุฎมหาจักรพรรดิแล้วว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร”

ขณะพูดอวี้คุนจื่อมองทางหลินสวินด้วยสายตาปานอสนี

ขวับ!

กลางอากาศราวกับมีสายฟ้าฟาดสองสาย ห้วงอากาศถึงขั้นถูกสายตาของเขาฟันเปิด ส่งเสียงอึงอลชวนประหวั่น

“ให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จะเลือกทางไหนกันแน่”

อวี้คุนจื่อผมยาวปลิวไสว ประกายสายฟ้าในดวงตายิ่งวาบวาวขึ้นเรื่อยๆ อานุภาพประดุจปิดครอบฟ้าดิน ปะทุออกจากตัวเขาเป็นชั้นๆ เบียดเต็มฟ้าดิน

ทั่วทั้งยอดเขาหุบเหวโลหิต แม้แต่อากาศก็ยังแข็งค้าง

พยับหมอกโดยรอบยิ่งไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย

อวี้คุนจื่อยืนอยู่ตรงนั้น เขาหุบเหวโลหิตนี้ทั้งบนล่างประดุจเป็นพื้นที่ของเขาก็ไม่ปาน พลังใดๆ ล้วนถูกเขาควบคุม

ระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ต่างตระหนกเมื่อพบว่าตนไม่สามารถชักนำพลังฟ้าดินได้ ไม่สามารถสัมผัสถึงพลังมหามรรคได้ ก็เหมือนถูกเขี่ยตกจากฟ้าลงมายังโลกปุถุชน!

นี่ก็คือพลังแปลกประหลาดในตัวเองของเขาหุบเหวโลหิต ประทับนัยเร้นลับระเบียบ ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีระดับจักรพรรดิสั่นคลอนต้นไม้ใบหญ้าในภูเขาลูกนี้ได้เลยสักต้น นั่นก็เพราะนัยเร้นลับระเบียบที่ประทับอยู่ในเขาหุบเหวโลหิตนี้เกี่ยวโยงไปถึงเคราะห์จ่อมจมครั้งที่สอง

“เจ้าสำนัก จัดการหลินเต้ายวนแค่คนเดียว ไยต้องใช้พลังเขาหุบเหวโลหิตด้วยหรือ” มีคนสีหน้าเหยียดแคลน

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ทอดสายตามองหลินสวิน เหมือนมองคนตายแล้วก็ไม่ปาน

การนัดพบครั้งนี้สำนักโบราณจรัสเทพของพวกเขาวางแผนมาแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่เพื่อจัดการหลินสวินคนเดียว แต่หมายจะจัดการคนเก่าแก่ที่เหลือรอดของหอวิหคทองแดงเหล่านั้น

สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาผิดคาดคือ คนที่เข้ามาตามนัดมีเพียงหลินสวินคนเดียวเท่านั้น

“ถึงอย่างไรก็เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง ไม่นานมานี้ยังเคยใช้พลังตัวคนเดียวสังหารระดับจักรพรรดิสิบกว่าคนที่ริมฝั่งมหาสมุทรเลือดไร้สงบ ในนั้นยังมีระดับจักรพรรดิขั้นแปดอย่างจักรพรรดิกระบี่เทียนฉง จักรพรรดิธรรมเทียนตูด้วย จัดการเจ้านี่ห้ามดูเบาใดๆ เด็ดขาด”

อวี้คุนจื่อเอ่ยเสียงเรียบ “หลินเต้ายวน ถึงตาเจ้าตัดสินใจแล้ว”

“การตัดสินใจของข้าง่ายมาก พวกเจ้าต้องตายทั้งหมด” หลินสวินสายตาลุ่มลึก ไม่เผยแววสั่นไหว

คนมากมายระเบิดหัวเราะ เวลาใดแล้วเจ้าหนุ่มนี่ยังรั้นไม่ยอมเข้าใจอีก นี่ต่างอะไรกับรนหาที่ตายเล่า

อวี้คุนจื่อก็หัวเราะเช่นกัน กล่าวว่า “ใครยินดีลงมือเด็ดหัวเจ้าหมอนี่บ้าง”

อานุภาพทั่วร่างเขาร้องกระหึ่ม ดุจดั่งเทพควบคุมความเป็นความตาย ภายใต้การควบคุมของเขา พลังของเขาหุบเหวโลหิตประดุจกรงขังมหามรรค กักขังหลินสวินเอาไว้

“ข้าเอง!”

จากนั้นก็มีชายดุดันยิ่งคนหนึ่ง ทั่วร่างคละคลุ้งกฎเกณฑ์อสนีพุ่งออกมา

จักรพรรดิสงครามจิ่วเป่า มีมรรควิถีระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด เป็นที่โจษจันในโลกมืดมาหลายปี สังหารมานับไม่ถ้วน ดุดันยิ่งยวด

ตูม!

เมื่อเขาพุ่งออกมา ดาบศึกอสนีที่เจิดจ้าบาดตาเล่มหนึ่งตวัดแสงมรรคไร้สิ้นสุดแล้วฟันออกไปอย่างดุดัน หมายจะฟันหลินสวิน

สัตว์ประหลาดเฒ่าสำนักโบราณจรัสเทพคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ล้วนอดเสียดายไม่ได้ ถึงกับถูกแย่งตัดหน้าไปหนึ่งก้าว หาไม่ชื่อเสียงการสังหารจักรพรรดิเต้ายวนต้องตกเป็นของพวกเขาแน่

แต่ภาพที่ทำให้พวกเขาทุกคนต่างอึ้งค้างปรากฏขึ้นแล้ว ได้ยินเพียงเสียงกระบี่ครวญใสดังขึ้นสายหนึ่ง พลังเขาหุบเหวโลหิตที่เดิมผนึกบนตัวหลินสวิน ก็ระเบิดกระจายเหมือนดินทลายกระเบื้องแตก

ขณะเดียวกันแสงกระบี่สายหนึ่งพริบไหวกลางอากาศ

เคร้ง!

ดาบศึกอสนีที่เจิดจ้าหาใดเปรียบแหลกละเอียด ละอองแสงกระเซ็นสาด

ส่วนจักรพรรดิสงครามจิ่วเป่าที่พุ่งเข้ามาก็ถูกปราณกระบี่ผ่าเป็นสองท่อน ระเบิดกระจายห่างจากหลินสวินไปสองสามร้อยจั้ง ร่างโชกเลือดนั่นล้วนถูกปราณกระบี่ไพศาลบดขยี้ระเหยหาย

“ฝีมือแค่นี้เองหรือ” หลินสวินแสยะยิ้ม

ในที่นั้นแตกตื่น อวี้คุนจื่อหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ล้วนใจสั่น ตั้งตัวไม่ทันอย่างสิ้นเชิง สีหน้าเปลี่ยนไปกันหมด

นี่เป็นไปได้อย่างไร!?

ใครก็คาดไม่ถึงว่าหลินสวินจะหลุดจากพันธนาการของพลังเขาหุบเหวโลหิตง่ายดายขนาดนี้

นี่เห็นชัดว่าน่าเหลือเชื่อยิ่ง

พวกเขาไม่รู้ด้วยว่าหากเป็นก่อนหลอมเตากระบี่ ยามเผชิญหน้ากับอานุภาพเช่นนี้หลินสวินอาจจะไร้แรงต้านทาน

แต่ตอนนี้ต่อให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงที่ควบคุมระเบียบต้องห้ามโผล่มา ก็อย่าคิดจะอาศัยพลังระเบียบต้องห้ามมากำราบหลินสวิน

สาเหตุก็เพราะในศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของหลินสวิน มีเพลิงหงส์ระเบียบที่สามารถต้านทานพลังระเบียบใดๆ ก็ได้!

ทว่าอย่างไรอวี้คุนจื่อก็เป็นเจ้าสำนักแห่งหนึ่ง ไม่ได้ตระหนกแต่อย่างใด ตวาดเสียงเบาคราหนึ่ง

“ควบ!”

ตูม!

เขาหุบเหวโลหิตแผ่คลื่นระเบียบน่าสะพรึงออกมา แปลกประหลาดไร้สิ้นสุด ราวกระแสน้ำถาโถม ปกคลุมทั่วร่างหลินสวิน ทำการกดกำราบ

เห็นได้ชัดว่าอวี้คุนจื่อยังไม่เชื่อว่าหลินสวินจะต้านพลังระเบียบของเขาหุบเหวโลหิตได้

กลับเห็นหลินสวินหน้าไม่เปลี่ยนสี ฟันกลางอากาศคราหนึ่ง

“ทลาย”

เตากระบี่อึงอล กระบี่มรรคพุ่งออกมา

พลังเขาหุบเหวโลหิตที่อยู่เบื้องหน้าหลินสวินถูกฟันเป็นรอยแยกมหึมาสายหนึ่งตรงๆ ทั้งยอดเขาพลันส่งเสียงโครมคราม ภาพประหลาดปรากฏต่อหน้าทุกคน

เห็นเพียงจากจุดที่หลินสวินเป็นศูนย์กลาง เส้นขาวสายหนึ่งปรากฏ พาดทะยานหมื่นจั้ง และสองฝั่งของเส้นขาว พลังที่มองเห็นด้วยตาเปล่าเดือดพล่าน กึกก้องกระหน่ำราวม่านน้ำตก พุ่งทะลักลงตรงกลางอย่างบ้าคลั่ง

ในที่สุดอวี้คุนจื่อก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างสิ้นเชิง

กระบี่นี้ของหลินสวินทำให้เขาไม่กล้าคิดว่าเป็นเพราะโชคช่วยอีก ตระหนักได้ว่าพลังเขาหุบเหวโลหิตที่ถูกเขามองเป็นไพ่ตาย ใช้ประโยชน์ไม่ได้โดยสิ้นเชิง

“ลงมือพร้อมกัน!”

ต่อให้เป็นตอนนี้ อวี้คุนจื่อก็ยังเยือกเย็นที่สุด ส่งเสียงตะโกนลั่น “ห้ามออมมือใดๆ สังหารเจ้าเดรัจฉานนี่เต็มกำลัง”

กล่าวจบอวี้คุนจื่อโบกแขนเสื้อกว้างคราหนึ่ง

สวบ!

เห็นเพียงกระบี่เล็กตัวเรือนสีเขียว เก่าแก่แปลกตาเล่มหนึ่งบินโฉบออกมาจากแขนเสื้อเขา

ทันทีที่กระบี่เล็กเล่มนี้มาถึงกลางอากาศ พลันกลายเป็นแสงกระบี่ทั่วฟ้า แสงกระบี่สีเขียวเจิดจ้าสายนี้พุ่งขึ้นจากกลางกระหม่อมอวี้คุนจื่อ พาดขวางทั่วทั้งยอดเขา ยาวทะลุพันจั้ง ดุจดั่งกระบี่สวรรค์ของเทพศักดิ์สิทธิ์ดึกดำบรรพ์

กระบี่เดียวอยู่ในมือ ทันใดนั้นบรรยากาศรอบตัวอวี้คุนจื่อพลันเปลี่ยนไป ทั้งร่างเรียบนิ่งไร้ระลอกคลื่น ไม่ได้ร้อนรนอีกแม้แต่น้อย สายตามองเหยียดหลินสวินราวกับมองมดตัวหนึ่งก็ไม่ปาน

ขณะเดียวกันสัตว์ประหลาดเฒ่าหกคนที่เหลือล้วนออกโจมตีเต็มกำลัง บ้างเรียกสมบัติก้นกรุออกมา บ้างก็สำแดงยอดวิชาที่ภาคภูมิที่สุดของตน

ตูม!

ยอดเขาหุบเหวโลหิต อานุภาพจักพรรดิท่วมท้น หอบม้วนเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน

“สู้!”

สายตาหลินสวินไร้กลัวเกรง ย่างเท้าก้าวออกไป เตากระบี่กึกก้องทะยานขึ้น

ห้วงอากาศเดือดพล่าน พลังดั้งเดิมพวยพุ่ง ทั่วทั้งตัวหลินสวินล้วนเหมือนอยู่ในแสงมรรคพร่างพราว ดุจดั่งเทพศักดิ์สิทธิ์มาเยือนโลก

สวบ!

แสงกระบี่เกือบพันจั้งนั้นของอวี้คุนจื่อฟันลงมาจากฟ้า พุ่งเข้าใส่หลินสวินตรงๆ ปราณกระบี่ยังไม่ทันมาเยือน กลางฟ้าดินก็สะท้านไหวไปทั้งแถบ สรรพสิ่งแข็งค้าง มหามรรคถล่มทลาย!

ผู้ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ ต่างขวัญผวากันเป็นแถบ

ลำพังแค่กระบี่นี้ก็สามารถมองเห็นพลังของคนระดับเจ้าสำนักอย่างอวี้คุนจื่อออกแล้วว่าน่าสะพรึงปานใดอานุภาพล้นเหลือในปราณกระบี่ของเขา ต่อให้เป็นคนรุ่นเดียวกันก็ยังไม่กล้ารับกระบี่นี้ตรงๆ

แต่หลินสวินไม่แยแสสักนิด

แสงมรรคพร่างพราวที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขา เมื่อความคิดขับเคลื่อน กระบี่มรรคพุ่งทะยานฟันลงบนแสงกระบี่พันจั้งนี้

ตูม!

เสียงกึกก้องปานระฆังลั่นสะท้อนไปมากลางฟ้าดิน พลังกร้าวแกร่งท่วมท้นหอบม้วนทั่วทั้งยอดเขา ระเบิดกลายเป็นเมฆหมอกไอขาว

ภาพที่ทำให้คนสะท้านสะเทือนปรากฏขึ้น ปราณกระบี่ยาวทะลุพันจั้งนั่นถึงกับแตกเป็นเสี่ยงภายใต้กระบี่ของหลินสวิน ดุจดั่งประทัดระเบิดเป็นชั้นๆ จนสุดท้ายแม้แต่ตัวเรือนกระบี่ที่เก่าแก่แปลกตานั่นก็คล้ายกับทนรับไม่ไหว ส่งเสียงร้องครวญคร่ำดังวู้มๆ ออกมา

ปึง!

กระบี่บินเล่มเล็กแตกสลาย ลอยคว้างออกไป

เสียงพรวดดังคราหนึ่ง อวี้คุนจื่อพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ในปากกระอักเลือด นัยน์ตาหดรัดรุนแรง

ตูม โครม!

เวลานี้พลังโจมตีของคนอื่นๆ ล้วนโถมเข้ามา แต่เมื่อเตากระบี่ส่งเสียงกึกก้องและเคลื่อนโคจร ปรากฏอานุภาพยิ่งใหญ่ที่กำราบทั่วหล้า ทนทานกร้าวแกร่งออกมารางๆ ก็ได้ยินเสียงระเบิดสนั่นดังขึ้นระลอกหนึ่ง ศาสตราจักรพรรดิหลายชิ้นที่โจมตีเข้ามาล้วนถูกซัดสะเทือนแตกกระจุย มรรควิชาราวกระแสน้ำเชี่ยวนั่นก็มอดดับลงราวฟองอากาศเช่นกัน

เตากระบี่ดุจฟ้า ไม่อาจสั่นคลอน!

ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไปจากเขาหุบเหวโลหิตล้วนใจสั่นไหวร้องเสียงหลง ถึงขั้นสงสัยว่ากำลังฝันไป

ชั่วอึดใจโจมตีทำร้ายอวี้คุนจื่อเจ้าสำนักสำนักโบราณจรัสเทพ ทั้งต้านพลังโจมตีทั้งหมดของสัตว์ประหลาดเฒ่าหกคน!

พลังต่อสู้ของจักรพรรดิเต้ายวนน่าสะพรึงเช่นนี้ได้อย่างไร

“ที่แท้ก็มีฝีมือแค่นี้จริงๆ”

ในเสียงของหลินสวินเจือแววเหยียดแคลนที่ไม่ปกปิดแม้แต่น้อย ขณะพูดเงาร่างของเขากลายเป็นมายา กายมรรคทั้งห้าปรากฏ

“วันนี้ ข้าคนแซ่หลินจะยึดเอายอดเขาหุบเหวโลหิตแห่งนี้ ยุติแค้นฝังเลือดในอดีต!”

ตูม!

ผมยาวของเขาปลิวไสว เงาร่างดุจเทพสวรรค์หมื่นกาล สำแดงการเข่นฆ่ายิ่งยวด ร่างแยกห้าร่างใหญ่กระจายตัวออกไปทางคู่ต่อสู้ที่แตกต่างกัน

พวกอวี้คุนจื่อหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ไหนเลยจะยังกล้าโอ้เอ้อีก ทุ่มโจมตีเต็มกำลังราวเดิมพันด้วยชีวิต

การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุ อานุภาพจักรพรรดิดุจกระแสน้ำเชี่ยว กวาดขวางอากาศพังถล่ม ปั่นป่วนเมฆลม

ที่แห่งนี้ดุจจมสู่มหันตภัยการทำลายล้างครั้งใหญ่

ทว่าแม้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิเจ็ดคนอย่างพวกอวี้คุนจื่อจะพุ่งโจมตีเต็มกำลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวิน กลับยังเห็นได้ชัดว่าหมดสภาพ

เวลาเพียงดีดนิ้วสามครา

ปึง!

เตากระบี่ทะยาน บดขยี้ร่างหญิงที่มีปราณระดับจักรพรรดิขั้นหกแหลกลาญ แขนขาแยกขาด จมอยู่กลางกระแสแสงมรรค สุดท้ายกลายเป็นเถ้าธุลีลอยสลาย

ดีดนิ้วเจ็ดครา

กระบี่มรรคกวาดขวาง ทลายวงล้อมศาสตราจักรพรรดิสามชิ้น สังหารเฒ่าชราระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดคนหนึ่งที่หลบไม่ทัน เลือดสดพุ่งกระฉูดเสียดฟ้า

ดีดนิ้วสิบครา

กายมรรคทั้งห้าโจมตีร่วมกัน สังหารระดับจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่ง

…ชั่วขณะเดียวเสียงโหยหวนสะเทือนฟ้า เลือดนองสาดกระเซ็น แสงมรรคซัดสาด บนยอดเขาหุบเหวโลหิตดุจนรกมาเยือน

จักรพรรดิร่วงหล่นดุจฝนโปรย!

และหลินสวินก็ห้อตะบึงอยู่ในนั้น อานุภาพประหนึ่งทำลายราบคาบ องอาจทรงพลัง แม้จะมีปราณเพียงระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นสี่ แต่กลับสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ราวกับเชือดไก่ให้ลิงดู!

อานุภาพของเขาดุดันและเผด็จการเกินไป ประดุจทำลายล้าง เตากระบี่ใบเดียวโจมตีราวไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ ปกป้องประหนึ่งปราการสวรรค์ ดุจดั่งไร้สิ่งใดทำลายได้อย่างสิ้นเชิง

หลังจากใช้เวลาราวดีดนิ้วสิบเก้าครั้ง

ในที่นี้เหลือเพียงอวี้คุนจื่อคนเดียว ระดับจักรพรรดิเจ็ดคนที่เหลือล้วนถูกสังหารคาที่!

ไม่ใช่พวกเขาไม่เคยหลบหลีก แต่เพราะการโจมตีทั้งหมดนี้เร็วเกินไป รุนแรงเกินไป ประหนึ่งการสังหารล้างบางที่เกรี้ยวกราดถึงขีดสุดครั้งหนึ่ง

ศาสตราจักรพรรดิอะไร วิชามรรคอะไร วิธีปกป้องชีวิตอะไร ล้วนถูกทำลาย ถูกซัดถล่ม ถูกบดขยี้ปานกระดาษเปื่อย!

——