ตอนที่ 2356 ตำนานในปีนั้นกลับมาอีกครั้ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

“หรงหลินเหอ เจ้ารนหาที่ตาย!”

เย่เสี่ยวชีตาแดงก่ำ เสียงเหมือนลอดออกมาจากฟัน เดือดดาลหาใดเปรียบ

คนใหญ่คนโตของตระกูลเย่พวกนั้นก็พลันผุดลุกขึ้น อานุภาพโหมกระหน่ำ คล้ายขอเพียงเย่เสี่ยวชีออกคำสั่งคราเดียวก็จะลงมือทันที

กลับเห็นหรงหลินเหอไม่หวั่นเกรงแม้เผชิญอันตราย ยังคงยิ้มแล้วเอ่ยปากเนิบช้า

“ทุกท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน ข้าคนแซ่หรงบอกแล้วว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น หากลงมือตอนนี้ เกรงว่าคงไม่ได้เห็นเรื่องสนุกหลังจากนี้แล้ว”

ยังมีอีกหรือ!?

ในใจเย่เสี่ยวชีกลับหนาวเยือก เขาสูดหายใจลึกแล้วโบกมือกล่าว “นั่งลงก่อน ดูสิว่าเขาจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่”

หรงหลินเหอยิ้มกล่าว “ต้องอย่างนี้สิ”

“ผู้นำตระกูล เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ผู้ดูแลเก้ากับคุณชายสามหายตัวไปพร้อมกัน!”

ทันใดนั้นเสียงตะโกนอย่างลนลานดังขึ้นจากนอกมรรคสถาน

“คุณชายสามแม้อายุน้อย แต่กลับมีศักยภาพแห่งการกลายเป็นมังกร ข้าคนแซ่หรงชื่นชมยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้จึงเชิญเขาไปเป็นแขกที่เรือนซอมซ่อของข้า”

หรงหลินเหอกล่าวง่ายๆ

เย่เสี่ยวชีและเหล่าบุคคลสำคัญของตระกูลเย่หนักใจยิ่งกว่าเดิม มือเท้าเย็นเยียบ ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาอย่างสมบูรณ์

ทุกครั้งที่ผ่านไปครู่หนึ่งก็จะมีข่าวร้ายมาเยือนเช่นนี้เหมือนการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของเย่เสี่ยวชีและคนในตระกูลเย่หนาวสะท้าน สีหน้าไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม

แต่หรงหลินเหอเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ทุกครั้งที่ข่าวร้ายมาเยือนก็วิจารณ์อย่างสบายๆ แต่ละคำเหมือนดาบเสียบแทงใจคนในตระกูลเย่อย่างหนักหน่วง

แม้แต่เหล่าหัวหน้าขุมอำนาจที่มาพร้อมกับหรงหลินเหอก็ลอบตื่นตะลึงอย่างอดไม่ได้

โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

นี่คือการออกอุบายล่วงหน้าอย่างเห็นได้ชัด คิดจับตัวคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเย่ในครั้งเดียว ใช้สิ่งนี้มาบีบบังคับให้ตระกูลเย่ก้มหัว!

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในสถานการณ์เช่นนี้ตระกูลเย่จะไม่ก้มหัวได้หรือ

ต้องรู้ว่าหากคนรุ่นเยาว์ถูกฆ่าไปหมด ตระกูลเย่เกิดเหตุการณ์ไร้ผู้สืบทอดช่วงหนึ่ง ภายใต้สภาพยิ่งใหญ่ที่ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมานี้ แม้จะทำให้ตระกูลอยู่รอดต่อไปได้ แต่เมื่อไม่มีคนรุ่นเยาว์แล้วก็ต้องถูกทอดทิ้งให้ล้าหลังในยุคสมัยนี้แน่!

บรรยากาศกดดันยิ่งกว่าเดิมแล้ว พาให้คนหายใจไม่สะดวก

ผู้อาวุโสในตระกูลเย่คนหนึ่งกล่าวอย่างขมขื่น “ผู้นำตระกูล น้ำพุวิญญาณเก้ามงคลปล่อยมือได้ แต่เด็กพวกนั้น… เป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด!”

คนในตระกูลเย่คนอื่นก็พากันมองไปทางเย่เสี่ยวชี สีหน้าวิตกกังวล ทั้งคับแค้นใจทั้งอัดอั้น แต่กลับต้องยอมรับความเป็นจริง

เย่เสี่ยวชีเงียบไป สีหน้าคล้ำเขียววูบไหวไม่หยุด

ในใจเขาก็สั่นคลอนแล้ว

น้ำพุวิญญาณหายไปไม่เป็นไร แต่ถ้าคนรุ่นเยาว์ในตระกูลพวกนั้นเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้น ก็ไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้อีกแล้ว

แต่เวลานี้กลับเห็นหรงหลินเหอยิ้มพูด “ทุกท่าน ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำพุวิญญาณเก้ามงคลแล้ว อยากให้คนรุ่นเยาว์พวกนั้นกลับมาอย่างสมบูรณ์ไม่สึกหรอ ตระกูลเย่ของพวกเจ้าก็จำเป็นต้องก้มหัว เลือกสวามิภักดิ์ต่อแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ของข้า!”

กล่าวถึงตอนท้าย เสียงกึกก้องสะท้านปฐพี เจือความเด็ดขาด

ปึง!

เย่เสี่ยวชีผุดลุกขึ้นถีบโต๊ะอาหารเบื้องหน้าจนแหลก กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หรงหลินเหอ เจ้าคิดจะบีบให้ตระกูลเย่ของข้าไปตายสินะ”

หรงหลินเหอยกเหล้าจอกหนึ่งขึ้นดื่มจนหมดโดยไม่สนใจ เผยสีหน้าหยามเหยียด “สหายยุทธ์เย่ มาถึงตอนนี้แล้ว ข้าคนแซ่หรงขอพูดตามตรง ในสายตาแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ของข้า ตระกูลเย่ของเจ้าเป็นแค่พวกที่เหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา คิดจะกำจัดตระกูลเย่ของเจ้าก็เป็นเรื่องง่าย”

สายตาของเขากวาดมองคนตระกูลเย่ในที่นั้น แววตาเย็นชาและอำมหิต “หากไม่ใช่ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ของข้าเพิ่งมาใหม่ ภายหน้ายามปกครองอาณาเขตยังต้องการกำลังคนบางส่วน พวกเจ้าย่อมไม่มีสิทธิ์พอจะต่อรองเงื่อนไขกับข้าคนแซ่หรงแต่แรก!”

คำพูดนี้เผยความเผด็จการและน่าเกรงขามออกมาอย่างสมบูรณ์ สะท้านสะเทือนทั้งที่นั้น

เย่เสี่ยวชีสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด หากมีแค่ตัวเขาย่อมยอมพลีชีพได้ แต่ตอนนี้ทุกคำพูดของเขาเป็นตัวแทนตระกูลเย่ทั้งหมด ความเป็นตายของคนในตระกูลนับพันล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเดียวของเขา

นี่ทำให้เขาจำต้องอดกลั้น ไม่อาจไม่พิจารณาถึงผลลัพธ์ทุกอย่าง ต่อให้อัดอั้น โกรธแค้น จนปัญญาแค่ไหนก็ได้แต่หักห้ามใจ

“ตอนนี้ได้เวลาตัดสินใจแล้ว”

หรงหลินเหอเอ่ยราบเรียบ ในแววตาเต็มไปด้วยความดูถูก

“ข้า…” เย่เสี่ยวชีเพียงรู้สึกว่าลำคออัดแน่นขึ้นมา รู้สึกหนักอึ้งอย่างไม่เคยมีมาก่อน

มีความเป็นตายของตระกูลผูกอยู่ การตัดสินใจนี้ยากเกินไปแล้ว!

ยามนี้เอง…

นอกมรรคสถานพลันมีเสียงแตกตื่นระลอกหนึ่งดังขึ้น

“คุณหนูหลิงซวง พวกผู้นำตระกูลกำลังประชุมกัน…”

“หลีกไป!”

ทุกคนต่างมองไปอย่างอดไม่ได้

ก็เห็นเย่หลิงซวงในชุดกระโปรงแดงงามพริ้มเพราเดินเข้ามาอย่างรีบเร่ง ข้างกายนางยังมีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งตามมาด้วย

หรงหลินเหออดขมวดคิ้วไม่ได้ มาถึงช่วงสำคัญของการตัดสินใจแล้ว กลับถูกนางหนูน้อยคนหนึ่งก่อกวน นี่ทำให้ในใจเขาหงุดหงิดไม่หยุดเช่นกัน

แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเย่หลิงซวง นัยน์ตาหรงหลินเหอพลันหดรัด ท่าทางคุ้นเคยมาก หรือว่าจะเป็นเจ้าหนุ่มนั่นเมื่อปีนั้น

“หลิงซวง?”

“นางหนู ที่นี่ไม่มีเรื่องของเจ้า ทำไมต้องบุกเข้ามา ต่อให้ฟ้าถล่มก็ยังมีคนแก่อย่างพวกเราค้ำอยู่ รีบถอยไปเร็วเข้า”

“ทำไมเจ้าถึงพาคนแปลกหน้ามาที่นี่ หรือว่าเจ้าก็…”

คนในตระกูลเย่พวกนั้นก็ประหลาดใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นหลินสวินที่ติดตามข้างกายเย่หลิงซวงมา ในใจตึงเครียด หน้าพลันเปลี่ยนสี ยังคิดว่าเย่หลิงซวงถูกคนบีบบังคับให้พามา

พร้อมกันนี้ก็เห็นเย่เสี่ยวชีที่นั่งตรงตำแหน่งประธานตรงกลางผุดลุกขึ้นเหมือนถูกเข็มแทงก้น มองชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเย่หลิงซวงอย่างยากจะเชื่อแล้วอ้าปากค้าง

“เจ้าอ้วน ไม่เจอกันนาน”

หลินสวินยิ้ม แววตาเจือความทอดถอนใจ เย่เสี่ยวชีในตอนนั้นผิวขาวกระจ่าง ซื่อๆ น่ารัก

แต่ตอนนี้กลับร่างกำยำล่ำสัน ใบหน้าแข็งกร้าว หางตาเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งลมฝน เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนจริงๆ

เวลาหนึ่งร้อยปี เรื่องทางโลกปรวนแปร ดังนั้นคนจึงเคลื่อนผ่านเวลาล้ำค่าไปเช่นกัน!

เจ้าอ้วน?

ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างอึ้งไป นี่เป็นถึงผู้นำตระกูลเย่ของพวกเขา ‘ราชัน’ แห่งทะเลตะวันออก! ครอบครองอำนาจตระกูลมาถึงปัจจุบัน สร้างกิตติศัพท์เลื่องลือมานานแล้ว

ต่อให้เป็นคนรุ่นอาวุโสก็ต้องให้ความเคารพอยู่สามส่วน!

แต่ตอนนี้กลับกลายเป็น ‘เจ้าอ้วน’ ที่ชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งเรียกขาน…

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับทำให้ทุกคนตกตะลึงตาค้าง

ก็เห็นผู้นำตระกูลที่น่าเกรงขามดุจห้วงสมุทรในใจพวกเขา เวลานี้กลับตื่นเต้นจนตัวสั่น พูดจาไม่ปะติดปะต่อ

“ฮ่าๆๆ ในที่สุดคนอย่างเจ้าก็มีมโนธรรม มาหาข้าได้สักที!” เสียงดังไปทั่วบริเวณ

ทุกคนต่างหันมามอง ใครต่างก็มองออกว่าผู้นำตระกูลเย่ในตอนนี้เสียอาการอย่างยากจะได้เห็น เผยสีหน้ายินดีปรีดาและตื่นเต้น

พวกเขาล้วนแปลกใจอย่างอดไม่ได้ทันที ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมเพิ่งปรากฏตัวก็ทำให้เย่เสี่ยวชีเสียอาการเช่นนี้

เย่หลิงซวงโล่งอกอย่างที่สุด ทั้งหมดนี้ล้วนพิสูจน์ว่าผู้อาวุโสข้างกายคนนี้ไม่ได้โกหก เขาเป็นสหายของท่านปู่จริงๆ

หลินสวินถอนหายใจเบาๆ สายตากวาดมองไปทั่วลานพลางกล่าว “หากข้าไม่มา มีหรือจะรู้ว่าสถานการณ์ของเจ้าในปัจจุบันยากแค้นเช่นนี้”

ประโยคเดียวทำให้เย่เสี่ยวชีสงบสติอารมณ์ลง สีหน้าของเขาปรวนแปรไม่หยุด ส่ายหัวอย่างขมขื่น “พี่หลิน ข้า…”

หลินสวินโบกมือกล่าว “ไม่จำเป็นต้องพูดมากความ ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เรื่องแค่นี้ก็ยกให้ข้าจัดการเถอะ”

วาจาราบเรียบ

แต่คนในตระกูลเย่พวกนั้นกลับตะลึงงัน อวดอ้างยิ่งนัก นั่นเป็นถึงแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ กดดันจนตระกูลเย่ของพวกเขาไม่อาจเงยหน้าขึ้น!

เขาคนเดียวจะเอาอะไรมาจัดการ

แม้แต่เย่หลิงซวงที่พาหลินสวินมาที่นี่ตลอดทางก็อดอึ้งไปไม่ได้

“น่าขัน สหายคนนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นคนระดับใด ถึงได้กล้าคุยโวโอ้อวดไม่กระดากเช่นนี้”

ทันใดนั้นชายชราชุดหรูคนหนึ่งเอ่ยปากหัวเราะหยัน เขาคือหนึ่งในผู้นำขุมอำนาจมากมายที่ติดตามหรงหลินเหอมา

เมื่อเห็นเขาเอ่ยปาก ผู้นำขุมอำนาจคนอื่นที่อยู่ใกล้ก็ยิ้มหยัน

เห็นชัดว่าเจ้าหมอนี่มองสถานการณ์ไม่ออก ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยไม่หวั่นกลัว!

กลับเห็นหลินสวินเหลือบมองชายชราชุดหรูคนนั้นครั้งหนึ่งพลางกล่าว “พวกสุนัขรับใช้ก็กล้าเห่าหอนต่อหน้าข้าคนแซ่หลินหรือ”

ยามสิ้นเสียงชายชราชุดหรูเลือดออกเจ็ดทวาร ทั่วร่างกระตุกทรุดคว่ำกับพื้นเหมือนลมบ้าหมูกำเริบ พูดอะไรไม่ออกอีก

จิตวิญญาณของเขาถูกซัดแหลกแล้ว!

ทุกคนทั้งที่นั้นหันมามอง ไม่มีใครไม่ตื่นตระหนก ประโยคเดียวก็โจมตีราชันอริยะคนหนึ่งจนสาหัส!

มีเพียงเย่เสี่ยวชีที่สีหน้าเป็นปกติ ทอดถอนใจไม่หยุด เจ้าหมอนี่ยังคงเผด็จการเหมือนปีนั้น

ในที่นั้นสับสนอลหม่าน เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นโดยรอบ ผู้นำขุมอำนาจพวกนั้นล้วนหน้าเปลี่ยนสี กระวนกระวายไม่อาจสงบ รับรู้ถึงความน่ากลัวของหลินสวินแล้ว

และตอนนี้หรงหลินเหอพลันผุดลุกขึ้น จับจ้องหลินสวินด้วยนัยน์ตาดุจอสนีทันที “หลินสวิน ถึงกับเป็นเจ้าจริงๆ!”

เขาจำได้แล้ว ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ เห็นชัดว่าเป็นเทพมารหลินที่มีสมญา ‘มกุฎมหาอริยะอันดับหนึ่งแห่งเก้าดินแดน’ เมื่อหลายสิบปีก่อนนั่น ชายหนุ่มที่เหมือนตำนานคนหนึ่ง!

เพียงแต่ไม่เจอกันหลายปี ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกหรือใบหน้าของหลินสวินล้วนเปลี่ยนไปทั้งหมด ทำให้หรงหลินเหอไม่กล้าแน่ใจตั้งแต่แรก

หลินสวิน!

เมื่อได้ยินชื่อนี้ ทุกคนทั้งที่นั้นต่างสั่นสะท้านและฮือฮาขึ้นมา

สำหรับคนในตระกูลเย่รวมถึงเหล่าผู้นำขุมอำนาจที่นั่งอยู่ตรงนั้น แน่นอนว่าชื่อนี้ราวอสนีบาตทะลวงหู เจือสีสันแห่งตำนาน ต่อให้ผ่านไปหลายปี ในแดนหมื่นมรรคปัจจุบันก็ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับเขาอยู่

คุณชายไร้เทียมทาน อำนาจทั่วนครหลวง

เขาคือผู้นำตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต เป็นผู้กล้าแห่งยุคที่ฝีมือเทียมฟ้าไม่อาจทัดเทียม เคยสู้ศึกมาทั่วจักรวรรดิ สังหารศัตรูของจักรวรรดิมานับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยความนองเลือดดุจภาพภูผาธารา

เคยกรำศึกในสมรภูมิกระหายเลือด ใช้พลังของตัวเองกอบกู้สถานการณ์อันตราย กำจัดกองทัพพ่อมดเถื่อน ทำลายพันธมิตรหมื่นเผ่าดุจสุริยันกลางนภา

เคย…

วีรกรรมในตำนานของเขามีมากมาย!

แต่เมื่อยุคสมัยผันผ่าน ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา ผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์รุ่นแล้วรุ่นเล่าเด่นผงาด ประกอบกับหลินสวินหายไปจากโลกชั้นล่างหลายปี ทำให้บุคคลในตำนานอย่างเขาชื่อเสียงถดถอย ในช่วงหลายสิบปีนี้ถูกคนกล่าวถึงน้อยลงมากแล้ว

ดังคำกล่าวที่ว่ายุคสมัยแต่ละแผ่นดินมักปรากฏอัจฉริยบุคคล ผลงานเกริกก้องเล่าขานร้อยปี

ผู้กล้าในอดีตมักถูกซัดไปตามลมฝน ต่อให้เป็นวีรบุรุษแห่งยุคที่ฝีมือล้ำเลิศ หลังจากหายไปหลายปีก็เลือนรางไปจากความทรงจำของผู้คน สูญเสียประกายโชติช่วงที่เคยมีในอดีต เหลือเพียงตำนานบางส่วนที่เวียนวนอยู่บนโลก

ใครต่างคาดไม่ถึงว่าตำนานที่ทั่วหล้าจับตามองในอดีตคนนี้ จะกลับมาในเวลานี้!

เพียงชั่วขณะทุกสายตาต่างมองไปทางหลินสวินกันพรึ่บพรั่บ ดูตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

เย่หลิงซวงก็ตื่นเต้นจนใบหน้าแดงก่ำ กำหมัดขาวผ่องเป็นยองใยไว้แน่น ตั้งแต่เด็กนางก็เคยได้ยินท่านปู่เล่าวีรกรรมเกี่ยวกับหลินสวินมากมาย ในใจของนางครั้งเยาวว์วัยก็ปลูกฝังความมุ่งหวังและเลื่อมใสศรัทธาไว้มากมาย มองเขาเป็นดั่งอริยเทพที่ใฝ่หามาตลอด

แต่กลับไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสที่เคยช่วยตนก่อนหน้านี้ ถึงกับเป็นตำนานคนนั้นที่ตนเคารพเลื่อมใสที่สุดตั้งแต่เด็กจนโต!

…………………….