จิตใจของหรงหลินเหอม้วนซัด
สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์รวมทั้งดินแดนรกร้างโบราณ ‘เทพมารหลิน’ ในตอนนั้นแน่นอนว่าเป็นบุคคลที่พาให้คนหน้าเปลี่ยนสี
แค่ผู้สืบทอดสำนักใหญ่ที่ถูกเขาสังหารหมู่ก็มีไม่รู้เท่าไร
ผู้แข็งแกร่งอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋ก็ถูกเขากำราบ!
โดยเฉพาะหลังจากได้ชัยชนะยิ่งใหญ่จากสมรภูมิเก้าดินแดนภายใต้การนำของเขา ก็ทำให้ชื่อเสียงในดินแดนรกร้างโบราณของเขาบรรลุถึงขั้นไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์เช่นกัน
สิ่งมีชีวิตในใต้หล้าล้วนเลื่อมใสเขา!
สำหรับขุมอำนาจที่เคยผูกพยาบาทกับหลินสวินพวกนั้น หลินสวินในตอนนั้นเหมือนกลายเป็นโรคทางใจของพวกเขา ทำให้พวกเขานั่งนอนไม่เป็นสุข กินไม่ได้นอนไม่หลับ
กระทั่งหลินสวินออกจากดินแดนรกร้างโบราณ มุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนได้ไม่นาน
สำนักในดินแดนรกร้างโบราณมากมายที่รู้ข่าวล้วนเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่ เหมือนได้ขจัดมารในใจ ส่งตัวซวยให้จากไป
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าผ่านไปหลายปี กลับได้มาเจอคนที่เหมือนกับเทพมารนี่ในโลกชั้นล่าง!
ทว่าจากนั้นหรงหลินเหอก็ใจเย็นลง
วันนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน หลายสิบปีมานี้บางทีพลังปราณของเขาหลินสวินอาจพัฒนาขึ้นอย่างมาก แต่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ของเขาก็ไม่ใช่พวกไก่อ่อน!
โดยเฉพาะหลายปีนี้ที่ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา ฝั่งดินแดนรกร้างโบราณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงบางส่วน แม้ไม่อาจเทียบกับโลกชั้นล่างได้มากนัก แต่ก็ทำให้อำนาจอิทธิพลทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ยกระดับขึ้นอีกช่วงใหญ่!
“หลินสวิน เรื่องนี้เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่ง”
หรงหลินเหอกล่าวอย่างเย็นชา หลังจากคืนสู่ความสงบ เขาวางท่างามสง่าและเฉยชานั่นอีกครั้ง “ยุคสมัยของเจ้าผ่านไปนานแล้ว ตอนนี้ใต้หล้ามีบุคคลที่เจิดจรัสกว่าเจ้าในปีนั้นไม่รู้เท่าไหร่!”
เขารู้จักหลินสวิน แต่หลินสวินไม่รู้จักเขา รู้แค่อีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็เพียงพอแล้ว
บรรยากาศเงียบสงัดลงอีกครั้งทันที ทุกคนตื่นตระหนกไม่หยุด
ที่หรงหลินเหอพูดเป็นเรื่องจริง หลายสิบปีมานี้ปีศาจ อัจฉริยะ ผู้มีพรสวรรค์ปรากฏตัวเหมือนหน่อไม้หลังฝนฤดูใบไม้ผลิ มีมากจนนับไม่ถ้วน
ความเชี่ยวชาญที่แต่ละคนได้มาบนมรรคา เรียกได้ว่าเย้ยฟ้าอย่างยิ่ง ทำให้ใต้หล้าเกิดความปั่นป่วนนับครั้งไม่ถ้วน
หากเปรียบเทียบกันแล้ว ‘คนรุ่นอาวุโส’ อย่างหลินสวินย่อมดูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นี่ทำให้คนในตระกูลเย่พวกนั้นอดห่วงและเป็นกังวลไม่ได้
กลับเห็นแววตาหลินสวินราบเรียบ ไม่หวั่นไหวสักนิด
ถูกยุคสมัยคัดออก?
เจ้าเฒ่านี่น่าจะไม่รู้เรื่องที่เขาหลินสวินทำบนทางเดินโบราณฟ้าดาราช่วงหลายปีนี้ ยังใช้สายตาในอดีตมาประเมินเขา
นี่เห็นได้ว่าน่าขันอย่างยิ่ง
หากมหาจักรพรรดิบนทางเดินโบราณฟ้าดาราพวกนั้นได้ยินคำพูดพวกนี้จะมีสีหน้าเป็นอย่างไร
เห็นหลินสวินไม่ตอบสนองอะไร ในใจหรงหลินเหอลนลานอย่างไม่อาจอธิบายได้ กล่าวเสียงขรึม
“ข้ารู้ว่าด้วยรากฐานพลังของเจ้า หลายปีที่เงียบหายไปนี้พลังปราณต้องมีการพัฒนาอย่างมากแน่ แต่หากเจ้ากล้าแทรกแซงเรื่องนี้จริง ไม่เพียงแต่ล่วงเกินแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ของข้าอย่างสมบูรณ์ ยังจะทำให้ทายาทรุ่นเยาว์ของตระกูลเย่ที่ถูก ‘เชิญไป’ พวกนั้นประสบเคราะห์ด้วย!”
นี่คือการข่มขู่โดยไม่อำพรางแม้แต่น้อยแล้ว
จริงดังคาด ทันทีที่กล่าววาจานี้ออกมา คนในตระกูลเย่ที่อยู่ตรงนั้นล้วนหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด
ก็เห็น…
หลินสวินเลิกคิ้ว ในดวงตาฉายแววเย็นเยียบ “อย่าว่าแต่กึ่งจักรพรรดิตัวจ้อยอย่างเจ้า ต่อให้ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มา ก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะท้าทายข้าคนแซ่หลิน”
เขายื่นมือออกไปคว้า
หรงหลินเหอหน้าเปลี่ยนสี คิดไม่ถึงว่าพอพูดไม่เข้าหูหลินสวินก็ลงมือเลย!
“เปิด!”
เขาระเบิดเสียงตวาด กำลังจะลงมือเต็มกำลัง แต่กลับพบอย่างน่าตระหนกว่าพลังรอบกายถึงกับถูกผนึกไว้แน่นหนา อย่าว่าแต่ต้านทาน แม้แต่แรงจะยกนิ้วมือยังไม่มี
แย่แล้ว!
วิญญาณของเขาเกือบหลุดออกจากร่าง
ครู่ต่อมาทั้งตัวก็ถูกกระชากให้คุกเข่าลงตรงหน้าหลินสวินเหมือนลูกไก่ หัวเข่าแหลกกระจุย พื้นดินแตกระแหง เจ็บจนเบื้องหน้าเขามืดมน เกือบจะหมดสติไป
ทุกคนตะลึงอึ้งโดยสิ้นเชิง ใจกระตุกวูบอย่างหนักหน่วง
หรงหลินเหอ ผู้อาวุโสที่มีอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง หากอยู่ในแดนหมื่นมรรคปัจจุบันต้องเป็นบุคคลที่เหมือนราชันแน่
แต่เวลานี้กลับถูกกำราบให้คุกเข่าลงกับพื้นอย่างสบายๆ!
เหตุการณ์นี้สะเทือนใจทุกคนในที่นั้นอย่างสุดซึ้ง
“หลินสวิน หากเจ้ากล้าฆ่าข้า คนรุ่นเยาว์ของตระกูลเย่พวกนั้นก็อย่าหวังว่าจะรอด!” หรงหลินเหอเอ่ยปากด้วยเสียงแหบพร่า สีหน้าเหี้ยมเกรียม ไม่วางท่างามสง่าและเฉยชาเหมือนก่อนหน้านี้อีก
“พี่หลิน”
เย่เสี่ยวชีก็นั่งไม่ติด ห่วงว่าถ้าหลินสวินฆ่าหรงหลินเหอแล้ว คนรุ่นเยาว์ของตระกูลเย่พวกนั้นจะประสบเคราะห์
“เจ้าอ้วน เจ้าเปลี่ยนเป็นใจเสาะเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ วางใจเถอะ”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ แล้วตบฝ่ามือลงไป
ปึง!
ร่างกายของหรงหลินเหอระเบิดกระจุย กลายเป็นเถ้าถ่านลอยล่อง
ส่วนพลังจิตของเขาก็ถูกหลินสวินกำไว้ในมือ ทำการตรวจสอบ
‘ฆ่าทั้งอย่างนี้เลยหรือ…’ คนในตระกูลเย่พวกนั้นตกใจจนอกสั่นขวัญหาย ในใจมีแค่ความคิดเดียว จบเห่แล้ว คราวนี้เท่ากับล่วงเกินแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์อย่างสิ้นเชิงแล้ว
ส่วนผู้นำขุมอำนาจที่ติดตามหรงหลินเหอมาพวกนั้น แต่ละคนขวัญหนีดีฝ่อ ถูกทำให้ตกใจจนเกือบเยี่ยวราด ล้วนคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะตรงไปตรงมาและเผด็จการเช่นนี้ บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่า ไม่สนว่าฐานะของหรงหลินเหอนั้นสูงส่งระดับใด
ท่าทางกำเริบเสิบสานและไม่เกรงกลัวฟ้าดินเช่นนี้ ทำให้พวกเขาเพิ่งรู้ซึ้งว่าผู้นำแห่งภูเขาชำระจิตที่เคยโดดเด่นเป็นสง่าในจักรวรรดิจื่อเย่าเมื่อปีนั้นคนนี้ แข็งกร้าวดุดันระดับใด!
คนในตระกูลเย่ล้วนแต่ทุกข์ร้อน รู้สึกว้าวุ่นใจ มีเพียงเย่หลิงซวงที่รู้สึกสะใจหาใดเปรียบ นัยน์ตาคู่งามเปล่งประกาย กล่าวด้วยเสียงกังวาน “ผู้อาวุโสฆ่าได้ดี!”
เย่เสี่ยวชียิ้มขื่น อุปนิสัยของหลานสาวคนนี้เหมือนเขาตอนหนุ่มมาก น่าเสียดาย เขาในตอนนี้ไม่ได้หนุ่มแน่นอีกต่อไปแล้ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง แค่หลินสวินบิดนิ้วพลังจิตของหรงหลินเหอก็พังทลายดับสลาย
ผู้นำขุมอำนาจเหล่านั้นเห็นดังนี้แล้วจิตใจพังทลาย สีหน้าหดหู่ หรงหลินเหอตายแล้ว หลินสวินมีหรือจะปล่อยบริวารอย่างพวกเขา
จริงดังคาด พลันเห็นหลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ผู้นำขุมอำนาจที่ติดสอยห้อยตามแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มาล้วนถูกผนึกทั้งหมด
จากนั้นก็เห็นเงาร่างหลินสวินพริบไหวทะลวงขึ้นเหนือเมฆ กลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง ชั่วพริบตาก็หายไปในส่วนลึกของชั้นเมฆ มีแค่ประโยคเดียวที่ดังแว่วไกลๆ
“เจ้าอ้วน ยกให้เจ้าจัดการ ข้าไปช่วยคนก่อน ครู่เดียวก็กลับมา”
ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้างมองไปยังจุดที่หลินสวินหายไป แม้แต่เย่เสี่ยวชียังอึ้งงันพูดไม่ออก
พอมองผู้นำขุมอำนาจมากมายที่ล้มระเนระนาดกันอยู่ในที่นั้นอีกครั้ง คนในตระกูลเย่ทั้งหมดล้วนมีความรู้สึกเหมือนฝันไป
…
ทะเลตะวันออก
เกาะวิญญาณเมฆาเหิน
ที่แห่งนี้เดิมเป็นอาณาเขตของขุมอำนาจหนึ่ง แต่เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เปิดช่องทางมาเยือนโลกชั้นล่าง ก็ยึดครองเกาะวิญญาณเมฆาเหินตั้งแต่พริบตาแรกทันที มองที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่น
ผ่านการยึดครองมาหลายปี เกาะวิญญาณเมฆาเหินเปลี่ยนต่างออกไป บนเกาะมีแท่นบูชาหอสูง คฤหาสน์ใหญ่เรียงราย แสงมงคลไหลวน ไอวิญญาณอบอวล กลายเป็นภาพแดนมงคลเซียนสวรรค์
ฟุ่บ!
แสงเคลื่อนสายหนึ่งทะลวงฟ้ามาเยือน เงาร่างของหลินสวินปรากฏ
จิตรับรู้ของเขาแผ่ขยายปกคลุมลงมา เพียงพริบตาก็คลุมเกาะวิญญาณเมฆาเหินได้ทั้งหมด
‘กระบวนผนึกขนาดใหญ่สามสิบหกแห่ง กระบวนผนึกป้องกันหนึ่งร้อยแปดแห่ง นอกจากนี้ยังมีระดับกึ่งจักรพรรดิควบคุมดูแลสามคน มีผู้สืบทอดสามร้อยสิบเก้าคน…’
ชั่วพริบตาในหัวหลินสวินก็ปรากฏสถานการณ์โดยละเอียดบนเกาะวิญญาณเมฆาเหิน
กอปรกับข้อมูลที่ได้มาจากพลังจิตของหรงหลินเหอก่อนหน้านี้ ทำให้หลินสวินรู้สถานการณ์ของที่แห่งนี้อย่างปรุโปร่งเช่นกัน
เงาร่างเขาไหววูบลอยล่องลงบนเกาะวิญญาณเมฆาเหินนั่น ชายเสื้อพลิ้วไหว สองมือไพล่หลังเดินไปข้างหน้า
ระหว่างทางหลินสวินเจอผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มากมาย และมีผู้ฝึกปราณที่อยู่ภายใต้อาณัติของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์อีกมาก
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่มีใครพบร่องรอยของหลินสวิน
ถึงขั้นว่าพลังผนึกที่ปกคลุมอยู่บนเกาะอย่างแน่นหนานั้นก็เหมือนไร้ตัวตน ไม่เกิดปฏิกิริยาตอบสนองแม้เพียงเสี้ยว ถูกหลินสวินก้าวผ่านไปอย่างสบายๆ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
ตำหนักที่มีกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่งปรากฏอยู่ในครรลองสายตาของหลินสวิน
หน้าตำหนักมีผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์สี่คนประจำการอยู่ กำลังพูดคุยกันโดยไม่สังเกตเห็นว่ามีเงาร่างหนึ่งเดินผ่านหน้าพวกเขาไป
ในตำหนักคนรุ่นเยาว์สิบกว่าคนหมดสติอยู่กับพื้น มีทั้งชายและหญิง พลังปราณรอบตัวล้วนถูกพันธนาการ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเด็กพวกนี้ก็คือคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเย่ที่ถูกจับมา
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง คนในตระกูลเย่พวกนี้ก็ถูกพาตัวไป
จากนั้นหลินสวินจึงหันหลังจากไป ยามผ่านหน้าประตูตำหนักอีกครั้ง ผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์สี่คนนั้นก็ยังไม่สังเกตเห็นสักนิด
ความจริงแล้วด้วยพลังปราณของหลินสวินในตอนนี้ หากคิดปกปิดเงาร่าง อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณบนเกาะวิญญาณเมฆาเหินนี้เลย ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิทั่วไปอยู่ที่นี่ก็ยากจะสังเกตเห็น!
ไม่ทันไรหลินสวินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เขายืนอยู่บนยอดเมฆ ก้มมองลงมาพลางกล่าวกับตัวเอง “ไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นไม่พบหน้า ต้องโทษพวกเจ้าที่ดันมาเจอข้าคนแซ่หลินอีกครั้ง ชีวิตจึงถูกลิขิตให้ประสบเคราะห์นี้”
เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
วู้ม…
เสียงกระบี่ครวญดังก้องฟ้าราวกระแสน้ำ ปราณกระบี่แวววาวนับไม่ถ้วนเกาะกลุ่มปกคลุมห้วงอากาศแถบนี้เหมือนย้ายภูเขาคว่ำสมุทร
ปราณกระบี่หนาแน่นบังฟ้าคลุมตะวัน
“หืม?”
“นั่นคือ…”
“ปราณกระบี่งามตระการยิ่ง ใครกำลังฝึกมรรคกระบี่ในเมฆนั้นกัน”
…บนเกาะวิญญาณเมฆาเหิน คนนับไม่ถ้วนถูกทำให้ตกใจ เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นว่าบนท้องฟ้ามีปราณกระบี่เจิดจรัส ตัดสลับไขว้ขนานราวกับธารกระบี่ที่ปกคลุมเวิ้งฟ้าสายหนึ่ง!
ภาพนั้นยิ่งใหญ่เกรียงไกรนัก
แต่ครู่ต่อมาเสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกก็ดังขึ้น คนนับไม่ถ้วนหลบหนีหวาดผวา ทั้งเกาะวุ่นวายอลหม่าน
ด้วยปราณกระบี่แน่นขนัดนั้นตัดทำลายแหวกอากาศ สาดเทลงมาดั่งมรสุมคลั่งจากฟากฟ้า
ตูม!
กระบวนผนึกมากมายที่ปกคลุมบนเกาะวิญญาณเมฆาเหิน ระเบิดกระจุยดังสนั่นในพริบตาเหมือนกระดาษเปื่อยยุ่ย กลายเป็นสภาพอากาศแปรปรวนแผ่กระจาย
ทุกหนแห่งที่ปราณกระบี่เคลื่อนผ่าน
ผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์สามร้อยกว่าคนที่กระจายกันอยู่บนเกาะ ล้วนถูกปราณกระบี่เจิดจรัสฝังกลบทันที
ชั่วพริบตาสีแห่งการนองเลือดปรากฏเป็นวงกว้างเหมือนยามแรกย้อม ชโลมเกาะวิญญาณเมฆาเหินนั้นจนกลายเป็นสีแดงสดบาดตา
“ใครกล้ามาเหิมเกริมบนอาณาเขตแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ของข้า!”
ในตำหนักหลังหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งที่กำลังนั่งสมาธิฝึกปราณพลันผุดลุกขึ้น เงาร่างพุ่งทะยานออกมาจากตำหนัก
แต่เมื่อเงาร่างเขาเพิ่งออกมานอกตำหนักก็ถูกปราณกระบี่บาดตาสายหนึ่งผ่าร่าง เพียงพริบตาก็ถูกปราณกระบี่เจิดจ้าฝังกลบ
สลายกลายเป็นธุลี
แค่ดีดนิ้วไม่ถึงสามครั้ง ปราณกระบี่เทลงมาเหมือนฝนกระหน่ำ ผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ทุกคนบนเกาะล้วนถูกฆ่า เลือดอาบท้องนภา
มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใต้อาณัติของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์พวกนั้นที่โชคดีพ้นเคราะห์มาได้
แต่เมื่อเห็นภาพความตายนองเลือดที่เหมือนนรกนี้ แต่ละคนล้วนตกใจจนทรุดตัวลงกับพื้น
บนยอดเมฆ
หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง เคลื่อนผ่านฟ้ากว้างไป
กระทั่งกลับมายังมรรคสถานผาวาโยของตระกูลเย่ ตั้งแต่เริ่มจนจบเวลายังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา!