บทที่ 2572
ถ้าตัวเองตายที่นี่ ต้องเสียหายอย่างสาหัสแน่
เพราะชีวิตของตัวเองสำคัญกว่า เขาจึงไม่กล้าแข็งข้อกับเย่เฉิน
หลังจากครุ่นคิด คามมิตกัดฟัน พยายามสู้ครั้งสุดท้าย แล้วพูดว่า “สหาย! นายลำบากดั้นดันมาตั้งไกล บวกกับโชคชะตาของเราทั้งสอง
ฉันไม่ปฏิเสธค่าขอของนาย แต่นายต้องไว้หน้ฉันด้วย อย่าให้นไม่ได้อะไรเลย นมีคำโบราณกล่าวไร้ ไม่ใช่เหรอว่า เป็นคนอย่าโหดเหี้ยมเกิน
ไป ต้องรู้จักผ่อนปรนกันบ้าง ต่อไปจะได้มองหน้ากันติด!”
เย่เฉินหัวเราะ แล้วพูดว่า “ไม่พูดก็ไม่ได้ นายเรียนภาษาจีนได้ดีมากจริงๆ ขนาดสำนวนพักท้ายในภาษาจีน นายยังพูดออกมาจนเต็ม
ประโยค”
คามมิตหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน แล้วพูดว่า “ถ้าให้อธิบายด้วยคำพูด ตอนนั้นฉันเป็นพวกบ้าเรียน”
เย่เฉินพยักหน้า แล้วถามเขาว่า “นายบอกว่าให้ฉันไว้หน้านาย ไม่ทราบว่าจะให้ไว้หน้ายังไง”
คามมิตโบกมือ แล้วพูดด้วยสีหน้ากะล่อน “สหาย เอางี้! 8 คนนี้ แบ่งกันคนละครึ่ง จีนมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า มีแขกจากแดนไกลมาหา ดัง
นั้นฉันให้นายเลือกก่อน นายเลือกได้เลยว่าจะพาสี่คนไหนไป ส่วนสี่คนที่เหลือ ทิ้งไว้ให้ฉัน”
คามมิตพูดออกมา คนที่อยู่ข้างๆ ทั้งเจ็ดคน ยกเว้นเฮ่อจื่อชิว แทบจะเป็นบ้า
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ไอ้คนที่นั่งเครื่องบินคองคอร์ด โหดเหี้ยมขนาดนี้เซียวเหรอ
ผู้บัญชาการฝ้ายค้านมาแล้ว ไม่เพียงแต่จะฆ่าเขาไม่ได้ แถมยั่งโดนเขาควบคุมอีก
ที่ไม่สมเหตุสมผลไปกว่านั้น ทั้งสองยังคุยเรื่องเงื่อนไขกันด้วย
แต่สิ่งที่ไม่เข้าท่าไปกว่านั้น คามมิตตอบตกลงเขาด้วย
เขาให้เย่เฉินพาสี่คนออกไป งั้นหมายความว่า ต้องมีสี่คน ที่จะถูกเย่เฉินช่วยออกไปใช่ไหม!
ในเมื่อเฮ่อจือซิวเป็นหนึ่งในนั้น งั้นก็ยังเหลืออีกสามคน!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายเชื้อสายจันพูดว่า “คุณเย่ ช่วยผมด้วย! เราเป็นเชื้อสายเดียวกัน!ไม่ว่ายังไง คุณเจอคนยากลำบาก ก็ต้องช่วยใช่
ไหม!”
เย่เฉินโบกมือไปมา “โอ้ย นายไม่ต้องมาไม่นี้กับฉัน เมื่อกี้ตัวเองพูดอะไร จำไมได้แล้วเหรอ ฉันเห็นนายเป็นเชื้อสายเดียวกัน ถึงนายถือ
พาสปอร์ตสัญชาติอื่น แต่สายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวนาย คือสายเลือดชาวจีน ในสายตาฉัน นายคือเชื้อสายเดียวกับฉัน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่ฉินพูดอย่างเหนื่อยใจ “แต่สิ่งที่นายพูดเมื่อครู่ นายเกิดและโตที่อเมริกา บ้านเกิดของนายคืออเมริกา นายพูดขนาดนี้
ฉันก็ไม่กล้าถือว่านายเป็นคนเชื้อสายเดียวกับฉันแล้ว นี่เป็นการบังคับให้นายทรยศประเทศบ้านเกิดไม่ใช่เหรอ”
จู่ๆ อีกฝ่ายร้องไห้ออกมา เขาพูดอย่างสะอีกสะอื้น “คุณเย์ ผมผิดไปแล้ว! อันที่จริง ผมไม่ได้เกิดที่อเมริกา ผมเกิดที่จีน แต่พ่อแม่ของผม
อพยพไปที่อมริกา และใช้สัญขาติอเมริกา การที่ผมป่าวประกาศว่าตัเองเกิดที่อเมริกา ผมแค่ไม่อยากโดนคนอเมริกันดูถูก อยากให้พวกเขารั
ถึงผมหน้าตาไม่เหมือนคนอเมริกัน แต่ผมเกิดที่อเมริกา เป็นคนอเมริกันแท้ๆ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาร้องให้หนักมาก “อันที่จริงผมประจบประแจงต่างซาติ ตอนนี้ผมสำนึกผิดแล้ว ผมรู้ว่าสายเลือดในตัวผม ยังเป็น…
เย่เฉินพูดตัดบทว่า “พอแล้วๆ นายไม่ต้องพูดแล้ว ฉันเข้าใจที่นายจะพูด”
เมื่ออีกฝ่ายได้ยิน เขารู้สึกถึงความหวังในชีวิต เขาร้องห้แล้วพูดว่า “คุณเ ขอบพระคุณครับ! ต่อไปผมยอมรับใช้คุณทุกอย่าง เพื่อ
เป็นการตอบแทนคุณ!”
ชายผิวขาวซาวอเมริกันที่ยืนข้างๆ รีบพูดว่า “คุณเย่ ผมขอโทษกับการกระทำที่ไร้มารยาทของผม คุณช่วยพาผมออกไปด้วยนะครับ….
ชายชาวอมริกันเชื้อสายอินเดีย ก็ร้องให้ออกมาเช่นกัน เขาร้องไห่โฮ น้ำหูน้ำตาไหล “คุณเย่…ผมมีตาหามีแววไม่ อันที่จริง ผมสนใจ
ประวัติศาสตร์และอารยธรรมอันรุงโรจน์ของจีนมาตลอด และให้ความเสื่อมสเป็นอย่างมาก ฮีโร่ที่กล้หาญและเด๊ดเดี่ยวอย่างคุณ อย่าได้
ถือสาคนต้อยต่ำอย่างผมเลยนะครับ ให้โอกาสผมสักครั้ง….
เมื่อคนอื่นเห็นพวกเขาพูดอ้อนวอน จึงรับพากันร้องไห้และพูดออกมา
เย่เฉินหัวเราะออกมา เขาห์นไปมองคามมิต และพูดอย่างจริงจัง “เอิ่ม จอมพลคาม”
คามมิตรับพูตว่า “สหาย โชซะตาทำให้พบกัน มีโชคซะตาต่อกันอมิตรสหาย ไม่ต้องเห็นเป็นคนนอกหรอก ไม่ต้องเรียกผู้บัญซาการ
ก้ได้! นอกจากนั้น พี่ขอพูดจากใจเลยนะ ชื่อของฉันคือ ‘คามมิต’ สองคำเรียงติดกัน นายพยายามอย่าพูดแยกกัน”
พูดจบ เขาหัวเราะแล้วพูดต่อ “แน่นอน ถ้านายรู้สึกว่าพูดสองคำมันเหนื่อยไป ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดประโยคเมื่อกี้ก็แล้วกัน…”