พูดจบ เธอก็อดสะท้อนใจไม่ได้“พรเจ้าคุ้มครองดูแลฉัน ตอนแรกฉันก็คิดว่าชาตินี้ฉันจะไม่ได้เจอผู้มีพระคุณอีกแล้ว คิดไม่ถึงว่า ผู้มีพระคุณจะช่วยชีวิตฉันที่จินหลิงอีกครั้ง……”

เมื่อซูจือเฟยได้ยินอย่างนั้น ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า“จริงสิจือหยู ฉันสงสัยมาตลอด ผู้มีพระคุณของเราเป็นคนหัวเซี่ย หรือชาวจีนสัญชาติญี่ปุ่นกันแน่?ครั้งนี้เขาช่วยชีวิตเธอที่จินหลิง ตกลงเขาอยู่จินหลิงตลอด หรือเขาแอบติดตามเธออย่างเงียบๆกัน?”

คำถามของซูจือเฟย ก็คือการอยากหลอกถามข้อมูลของผู้มีพระคุณเพิ่มเติม ถ้าผู้มีพระคุณเป็นคนจินหลิงอยู่แล้ว ถ้าอย่างงั้นจะสามารถทำให้ขอบเขตแคบลงมาได้

ซูจือหยูจะไม่รู้ความคิดของพี่ชายได้อย่างไร แต่เธอกลับแสร้งทำเป็นเขินอาย ท่าทีเหมือนหญิงสาวที่กำลังขี้อาย แล้วพูดอย่างเขินๆว่า“โธ่พี่คะ ฉันบอกพี่ไม่ได้หรอกค่ะ พี่ลองเดาดูเองสิ?”

ซูจือเฟยคิดในใจ“เธอเปลี่ยนมาเขินขนาดนี้ ท่าทางเหมือนผู้หญิงกำลังมีความรัก ฉันยังต้องทายอะไรอีก?”

“ถึงว่าล่ะ……ถึงว่าผู้มีพระคุณคนนั้นครั้งก่อนปรากฏตัวที่เกียวโต ครั้งนี้ปรากฏตัวที่จินหลิง ที่แท้ครั้งนี้ตามจือหยูมานี่เอง……หรือตั้งแต่ครั้งก่อน เขาก็ไม่สามารถลืมจือหยูได้?”

“จริงด้วย!เวลาทุกอย่างก็เหมาะเจาะ!จือหยูไปที่จินหลิงกับแม่ พักอยู่ที่จินหลิงตั้งหลายวันกว่าจะเกิดเรื่อง คาดว่าตอนที่เธอพึ่งไปถึงจินหลิง ผู้มีพระคุณที่ได้ยินข่าวก็ได้ตามไปแล้ว……”

“ไม่อย่างนั้น ผู้มีพระคุณจะมาช่วยจือหยูได้ยังไงด้วยระยะเวลาที่สั้นขนาดนั้น……”

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูจือเฟยก็รู้สึกร้อนใจมากยิ่งขึ้น

เดิมที เขากับคุณปู่เป็นกังวลถึงงานแถลงข่าว ว่าจะทำให้ชื่อเสียงของคุณท่านแย่ลงไปกว่าเดิม

แต่ว่า ดูจากตอนนี้ “ผู้มีพระคุณ”ที่ซ่อนอยู่ในความมืด แต่กลับมีพลังมหาศาล เป็นภัยร้ายที่แท้จริงที่ต้องเฝ้าระวัง!

ดังนั้น ซูจือเฟยถอนหายใจ แล้วพูดว่า“เห้อ เรื่องของเธอกับผู้มีพระคุณ ถ้าสามารถลงเอยกันได้ คนเป็นพี่ชายอย่างพี่ ก็ดีใจแทนเธอด้วย สำหรับทางด้านคุณปู่ พี่จะไม่เกลี้ยกล่อมเธออีกแล้ว แต่พี่ยังอยากแนะนำให้เธอต้องคิดก่อนทำ ยังพอมีเวลาเหลือก่อนจะถึงงานแถลงข่าว เธอลองคิดดีๆนะ”

ซูจือหยูรู้ดี ที่พี่ชายพูดอย่างนี้ ก็เพื่อหยุดการสนทนา

เป็นไปได้ว่า เขาอาจจะรีบไปรายงานสถานการณ์กับคุณท่าน

เนื่องจาก เมื่อครู่ตนเองพึ่งยกเอาผู้มีพระคุณมาพูด และปล่อยวางระเบิดควันไปอีกรูป ตอนนี้พี่ชายต้องตกใจแน่ ความรู้ความเข้าใจของเขาถูกตัวเองพาไปผิดทางแล้ว

นี่เป็นเป้าหมายของซูจือหยู

เธอรู้ความสามารถของตัวเองมีขีดจำกัด ยิ่งไม่สามารถพูดถึงเรื่องความสามารถ ดังนั้นเธอก็ทำได้เพียงแค่ยกผู้มีพระคุณออกมาพูดเพื่อเป็นสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ

ถึงแม้ในใจจะรู้สึกละอายใจอยู่เล็กน้อย แต่ดีที่เธอเป็นแค่สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลของผู้มีพระคุณออกไป

ดังนั้น เธอจึงพูดกับซูจือเฟยว่า“พี่คะ เรื่องนี้ พี่อย่าเข้าไปยุ่งเลย ให้ฉันจัดการเองดีกว่า”

ซูจือเฟยเห็นถึงความเด็ดขาดของซูจือหยู จึงไม่เกลี้ยกล่อมอะไรเธออีก เขาคิดจะไปรายงานจุดสำคัญที่สืบได้ให้คุณท่าน ดูว่าคุณท่านมีท่าทีอย่างไร

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ไม่ได้พูดเด็ดขาด แต่ถอนหายใจ“เธอคิดดูก่อนเถอะ ถ้ามีวิธีอะไร ก็มาคุยกับพี่ได้ วันนี้พี่ไม่ได้สเตเดียมแล้ว จะกลับไปนอนซะหน่อย”

“ค่ะ”

ซูจือหยูส่งซูจือเฟยออกไปจากห้องไป พอปิดประตูเสร็จ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที แต่ซูจือเฟย กลับไม่สามารถกดความกังวลไว้ได้ เธอรับกลับเข้าห้องของตัวเองไปด้วยสีหน้าวิตกกังวล…