เมื่อซูจือหยูได้ยินซูเฉิงเฟิงพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกมาอย่างตรงไปตรงมา จึงอดที่จะสะท้อนใจไม่ได้“การได้พูดคุยกับคนฉลาดคือความหมดห่วง ทุกคนต่างพยักหน้าได้ทันทีด้วยประโยคเดียว ไม่ต้องมีพิธีรีตองอ้อมไปอ้อมมา”

ดังนั้น เธอจึงไม่ปิดบังความคิดของตัวเองอีกต่อไป แล้วกล่าวขึ้นมาว่า“คุณปู่พูดถูก หนูอยากได้ค่าชดใช้สำหรับหนูกับแม่จริงๆนั่นแหละ หนูคิดว่านี่เป็นสิ่งที่พวกเราสมควรได้รับ”

พูดจบ เธอก็พูดเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า“จริงสิ ไม่เพียงแต่หนูกับแม่นะ ยังมีพ่อของหนูอีก!หนูได้ข่าวมาว่าเขากับอารองหายตัวไป เหมือนกัน เขาต้องหายตัวไปเพราะจัดการธุระให้ตระกูลซู ต้องได้รับค่าชดใช้เหมือนกัน ”

ซุเฉิงเฟิงกล่าวถามเธอว่า“จือหยู เรื่องที่พ่อของแกหายไป แกไม่รู้เลยหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?เขาหายที่จินหลิง อีกทั้งปู่รู้สึกว่า การหายตัวของเขา เกี่ยวข้องกับผู้มีพระคุณ”

ซูจือหยูปฏิเสธว่า“พ่อของหนูหายตัวไปยังไง หนูไม่รู้ หนูรู้แค่ว่าเขาช่วยตระกูลซูไปคุยการร่วมงานกับคนญี่ปุ่น ดังนั้นถึงมาที่จินหลิง”

ซูเฉิงเฟิงถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า“พ่อของแกไปคุยงานที่จินหลิงจริงๆนั่นแหละ ตอนแรกเขาจะไปเข้าพบนางาฮิโกะ อิโตะแห่งตระกูลอิโตะ เขาหายตัวไปโดยที่ยัง ไม่ได้เจอกับนางาฮิโกะ อิโตะด้วยซ้ำ อีกทั้งก่อนหน้าที่เขาจะหายตัวไป ในเวลากระชั้นชิด เขาได้ใช้อำนาจของเขา โอนเงินของตระกูลไปยังบัญชีต่างประเทศที่ไม่รู้จักหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ ปู่สงสัยว่าเขาจะถูกคนลักพาตัวไป”

พูดจบ ซูเฉิงเฟิงก็ถามอีกว่า“เรื่องนี้แกไม่รู้จริงๆหรอ?แกไม่ได้ถามผู้มีพระคุณคนนั้น หรือเขาไม่บอกกับแกเรื่องนี้?”

ซูจือหยูพูดอย่างใจเย็นว่า“เขาไม่ได้บอกหนูหรอกค่ะ แต่หนูคิดว่าเขาไม่มีเหตุผลที่จะต่อกรกับพ่อของหนู พ่อของหนูไม่เคยล่วงเกินเขามาก่อน อีกทั้งครั้งนี้หนูกับแม่พบเจอกับอันตราย ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาด้วย”

เมื่อซูเฉิงเฟิงได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

“จือหยูบอกว่า โสว่เต้าไม่เคยล่วงเกินผู้มีพระคุณมาก่อน เป็นเพราะโสว่เต้าไม่ได้ร่วมมือกับอุบัติเหตุที่เธอกับแม่ของเธอพบเจอ นั่นก็เป็นการพุ่งเป้ามาที่ฉันไม่ใช่หรอ?”

“จากความหมายนี้ก็คือ เพราะฉันวางแผนลอบฆ่าตู้ไห่ชิง ล่วงเกินผู้มีพระคุณ?หรือเขาจะเตรียมที่จะต่อกรกับฉันงั้นหรอ?!”

คำพูดของซูจือหยู มีภัยคุกคามเล็กน้อย ซึ่งมันทำให้ซูเฉิงเฟิงรู้สึกปวดหัวมาก

แต่ทว่า ตอนนี้เขาไม่กล้าล่วงเกินซูจือหยู

เนื่องจาก เขายังคิดที่จะกระชับความสัมพันธ์กับซูจือหยูก่อน หลังจากนั้นค่อยหาวิธีสืบว่าผู้มีพระคุณคือใครกันแน่

ถ้าสามารถหาเบาะแสให้ซวนเฟิงเหนียนได้บ้าง ให้ซวนเฟิงเหนียนใช้ซวนซวนกำจัดเขาทิ้งซะ ถ้าอย่างงั้นตนก็จะสามารถจัดการปัญหาได้ในคราวเดียว

ดังนั้น น้ำเสียงของเขาจึงรีบเปลี่ยนเป็นยอมแพ้ แล้วพูดอย่างสะท้อนใจว่า“จือหยู แกพูดถูก ฉันขอโทษแกกับแม่ของแกด้วย แต่พ่อของเขาต้องพบเจอกับอุบัติเหตุเพราะตระกูลซู ฉันจะชดเชยให้พวกแก……”

พูดจบ ซูเฉิงเฟิงก็กล่าวว่า“จือหยู แกอยากให้ชดใช้ยังไง ว่ามาได้เลย ขอแค่ฉันสามารถทำให้ได้ ฉันจะรับปากแก!”

ตอนแรก ซูจือหยูไม่อยากทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับซูเฉิงเฟิงใดๆทั้งสิ้น

เขาไม่สนใจเรื่องเงินทอง อีกทั้งไม่ให้อภัยต่อการกระทำของซูเฉิงเฟิง กระทั่งชาตินี้เธอก็ไม่มียอมให้อภัยต่อการกระทำของเขาทั้งหมด

แต่ว่า ตั้งแต่ที่เย่เฉินให้เธอเข้าไปเป็นผู้นำของตระกูลซูให้ได้ภายในสามปี เธอก็เปลี่ยนความคิดของตัวเอง

เมื่อก่อนเธออยู่ในตระกูล ไม่สู้ ไม่แย่งชิง ไม่ออกหน้า แต่ตอนนี้ เธอจะเปลี่ยนวิธีการแล้ว