ดังนั้น เธอจึงเอ่ยปากพูดกับซูเฉิงเฟิงว่า“ที่พ่อของหนูต้องไปพบนางาฮิโกะ อิโตะ คงจะเป็นเพราะเรื่องธุรกิจเดินเรือในมหาสมุทรใช่ไหมคะ?”
“ใช่”ซูเฉิงเฟิงพูดอย่างเปิดใจ“ธุรกิจขนส่งทางทะเลของเรา ตอนนี้ได้หยุดชะงักไปแล้ว เบื้องบนมีความไม่พอใจตระกูลซู ดังนั้นช่วงนี้จึงยังไม่ยอมปล่อย ครั้งนี้พ่อของแกอยากจะเอาเรือและทรัพยากรของเรา ย้ายไปที่ญี่ปุ่น เพื่อใช้ใบอนุญาตการขนส่งทางทะเลรวมถึงทรัพยากรเส้นทางเดินเรือ ท่าเทียบเรือ เพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป แต่น่าเสียดาย……”
ซูจือหยูในเวลานี้จึงกล่าวขึ้นมาว่า“เอาแบบนี้ค่ะ หนูจะขอธุรกิจของตระกูลซูย้ายมาไว้ในมือของหนู ธุรกิจการขนส่งทางทะเลในอนาคตของตระกูลซูจะต้องเป็นของหนู ทรัพยากรทุกอย่างหนูจะเป็นคนจัดการควบคุมเอง”
“อีกทั้ง หนูจะขอรับผิดชอบการดำเนินกิจการ การเงิน ทั้งหมดคนเดียว หุ้นทั้งหมดก็ต้องเป็นของหนูคนเดียว และจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลซู!”
ซูเฉิงเฟิงคิดไม่ถึงว่า ซูจือหยูจะมีความต้องการขนาดนี้
เขาแอบคิดในใจว่า
“จือหยูเด็กผู้หญิงคนนี้ อยากได้กิจการขนส่งทางทะเลทั้งหมดของตระกูลซู?”
“ลำพังทรัพย์สินกิจการในส่วนนี้ของตระกูลซู มีมูลค่าเกินกว่าสามแสนล้าน!ซึ่งคิดเป็นอัตรามากกว่า20%ขึ้นไปของทรัพย์สินตระกูลซู!”
“อยากฮุบเอาไปมากขนาดนี้ในพริบตาเดียว เด็กผู้หญิงคนนี้มีความต้องการมากจริงๆ!”
ซูเฉิงเฟิงหมกมุ่นอยู่กับอำนาจ สำหรับเขาแล้ว เขาไม่ยอมให้คนอื่นมาแบ่งอำนาจในมือของเขาไป
ดังนั้น คนที่อายุมากขนาดนี้อย่างเขา ยังคงต้องการควบคุมตำแหน่งผู้นำตระกูลซูไว้ อีกทั้งควบคุมทุกภาคส่วนในกิจการของตระกูลซู รวมถึงอำนาจทางการเงินทั้งหมด
ลูกของเขาทั้งเจ็ดคน เมื่อก่อนไม่ใช่ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องแบ่งมรดก เพียงแต่ในทุกครั้งที่พูดถูกเขาจะยืนกรานปฏิเสธ
จากนั้นมาลูกทั้งเจ็ดคนเปลี่ยนวิธีการแบบหนึ่ง ไม่แบ่งมรดกก็ได้ แต่อย่างน้อยธุรกิจจะต้องถูกแบ่งออกมา มอบหมายให้คนต่างๆผลัดกันรับผิดชอบ
แต่ซูเฉิงเฟิงยังคงไม่ยินยอม
เขาเหมือนฮ่องเต้ในอดีต ที่ไม่เพียงแต่ไม่ยอมแบ่งอาณาจักรให้เหล่าองค์ชาย ในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้ลูกหลานของเขาได้เป็นจักรพรรดิด้วยเช่นกัน
โดยสรุปแล้ว ตระกูลซูเป็นของเขา ดังนั้น จะไม่มีส่วนไหนถูกแบ่งออกไปทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้ ในตอนที่เขาได้ยินคำขอจากซูจือหยู เขาจึงโกรธเป็นอย่างมาก
ถ้าเป็นเมื่อก่อน อย่าว่าแต่ซูจือหยูเลย ถึงจะเป็นลูกของตัวเอง ไม่ว่าใครคนไหนที่กล้าพูดกับตัวเองแบบนี้ ตนจะต้องตบคนผู้นั้นไปอย่างแน่นอน หลังจากนั้นค่อยไล่ออกไปต่างประเทศ
แต่ตอนนี้ ภัยคุกคามต่างๆทำให้เขาต้องพิจารณาถึงคำขอของซูจือหยู
เขาคิดในใจว่า“ถ้าฉันไม่ตกลง คืนนี้ในงานแถลงข่าวของเธอ ชื่อเสียงของฉันจะต้องไม่สามารถพลิกกลับมาได้อย่างแน่นอน”
“อีกทั้ง ถ้าเกิดเธอออกหน้าแทนผู้มีพระคุณคนนั้น แล้วหันมาลงมือกับฉันจะทำยังไง?”
“ก่อนที่ซวนเฟิงเหนียนจะกำจัดผู้มีพระคุณคนนั้นของเธอทิ้ง ฉันทำได้แค่ตอบตกลงเธอไปก่อน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้กิจการขนส่งทางทะเลของตระกูลซูได้หยุดชะงักไปแล้ว ถึงจะให้เธอไปชั่วคราว เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และเธอคงจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร!”
“รอฉันจัดการภัยคุกคามที่อยู่เบื้องหลังแกได้ก่อนเถอะ ฉันก็จะสามารถเอากิจการพวกนี้กลับมาได้อย่างง่ายดาย”
เมื่อคิดได้ดังนี้ ซูเฉิงเฟิงของกัดฟัน กล่าวออกไปว่า“ได้!ปู่รับปากแก!กิจการขนส่งทางทะเล จากนี้เป็นของแก ถ้าสะดวกล่ะก็ มาหาปู่ที่ซูหางหน่อย ปู่จะเอาเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสัญญาทุกอ่าง ส่งมอบให้แกด้วยตัวเอง”
ซูจือหยูจึงกล่าวว่า“คุณปู่คะ หนูไม่ขอปิดบังแล้วกัน ตอนนี้หนูยังคงกล่าวโทษคุณปู่อยู่ ดังนั้นตอนนี้หนูไม่มีทางไปพบกับคุณปู่ได้ค่ะ สำหรับเรื่องเอกสารสัญญา หนูจะส่งทนายไปช่วยค่ะ”
ซูเฉิงลังเลไปสามวินาที แล้วตอบรับอย่างรวดเร็วว่า“ไม่มีปัญหา!ในเมื่อเป็นแบบนี้ ปู่จะให้ซูอานสุ้นไปซูหาง แกหาทนายไปรับช่วงจากเขาแล้วกัน หลังจากจัดการเสร็จ บริษัทขนส่งทางทะเลของตระกูลซูก็จะเป็นของแก!