หลังจากที่ซูจือเฟยเอ่ยคำว่า “ผมตัดสินใจแล้ว” จบ ก็ลุกขึ้นหันหลังกลับไปยังห้องนอนตัวเองทันที
หลังกลับมายังห้องนอนแล้ว เขาก็โพสต์วิดีโอสั้นที่อัดเสร็จล่วงหน้าลงบนโซเชียล
เวลาต่อมา เขาก็โทรหาลูกน้องของตัวเอง จัดเตรียมลูกน้องที่จะติดตามตัวเองไปยังวัดต้าจาวพรุ่งนี้เช้า
ลูกน้องของเขาตกตะลึงกับการตัดสินใจของเขาเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งก็ไม่อยากไปกับเขาด้วย
ทว่า แม้ซูจือเฟยจะไม่มีเงินก้อนใหญ่ ทว่าหากต้องใช้จ่ายล้านจนถึงสิบล้านเพื่อซื้อตัวลูกน้องเหล่านี้ สำหรับเขาแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
ดังนั้น คนกลุ่มนี้จึงเริ่มเตรียมที่จะเดินทางไกลในวันพรุ่งนี้เช้าเพราะถูกเงินจำนวนมากล่อตาล่อใจ ข้างนอก ซูจือหยูและตู้ไห่ชิงไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี
ตู้ไห่ชิงเอ่ยถามซูจือหยู: “จือหยู ลูกว่าพี่ชายของลูกเป็นอะไรไป? ทำไมอยู่ๆ ถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้ออกมาได้?”
ซูจือหยูเอ่ยด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมอย่างรุนแรง: “หนูก็คิดไม่ตกจริงๆ …พี่ชายชอบกู้ชิวอี๋มากอยู่ตลอด ทุ่มเทแรงกายที่ยิ่งใหญ่มากไปกับงานคอนเสิร์ตของกู้ชิวอี๋ แต่ว่าค่ำพรุ่งนี้ก็เป็นเวลาจัดแสดงคอนเสิร์ตของกู้ชิวอี๋แล้ว ตามหลักการ เขาไม่มีทางที่จะออกไปจากจินหลิงในเวลานี้ได้ นี่มันก็เท่ากับว่าความพยายามทั้งหลายล้วนเสียเปล่าแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ใช่น่ะสิ…” ตู้ไห่ชิงเอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม: “ตอนนี้พี่ชายของลูกเหมือนถูกมนตร์ดำเข้าเลย แม่สงสัยว่าเขาถูกเรื่องอะไรทำให้สะเทือนใจมาหรือเปล่า?”
ซูจือหยูส่ายหน้า เอ่ยอย่างจริงจัง: “วันนี้หนูไปเจอเฮ่อจือชิวทางเย่เฉินมา เลยไม่รู้เรื่องพี่ชายในวันนี้ หรือไม่ให้หนูไปหาถามใครสักคนดูดีกว่าไหม”
ตู้ไห่ชิงเอ่ยเห็นด้วย: “ลูกต้องไปถามเกี่ยวกับเส้นทางการเดินทางของพี่ชายลูกวันนี้ให้แน่ชัดก่อน จากนั้นดูว่าเขาไปเจอใครมาบ้าง ไปที่ไหนมาบ้าง แล้วค่อยไปเลือกเบาะแสที่คุ้มค่า”
ซูจือหยูพยักหน้า เอ่ยว่า: “ได้ค่ะแม่ หนูเข้าใจดี แม่สบายใจได้”
ในเวลานี้ วิดีโอสั้นของซูจือเฟย ก็โด่งดังขึ้นมาบนโซเชียล
เรื่องระยะนี้ที่เกิดขึ้นในตระกูลซู ถูกประชาชนทั้งประเทศนำมาเป็นเรื่องฆ่าเวลาและหัวข้อสนทนากันเรียบร้อย จนกระทั่งถึงช่วงเวลาแรก ขณะที่ซูจือหยูจัดงานประกาศทางออนไลน์ ประชาชนทั้งประเทศล้วนติดตามการกระทำทุกก้าวของตระกูลซูอย่างคึกคัก
เดิมทีคิดว่า ซูจือหยูเมื่ออยู่ในงานประกาศ จะไม่หยิบยกประเด็นที่ว่าให้ซูเฉิงเฟิงรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ แสดงถึงการประนีประนอมของซูจือหยู และแสดงออกถึงจุดจบของความแค้นของบ้านเศรษฐีนี้
ทว่า ที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ จนถึงวันนี้เรื่องนี้กลับมีตอนต่อไปใหม่!
ซูจือเฟยหลานชายคนโตแห่งตระกูลซู กลับอยู่ๆ ก็แสดงตัวออกมา ตำหนิติเตียนตระกูลซู อีกทั้งยังแจ้งว่าจะเดินหมอบกราบหัวแตะพื้น ไปจนถึงวันต้าจาว เพื่อเป็นการไถ่บาปให้กับตระกูลซู ในสายตาของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ช่างเป็นเรื่องที่สนุกเสียจริง
ดังนั้น วิดีโอนี้ก็ดึงกระแสระลอกใหญ่ออกมาได้ไม่น้อย ถึงขั้นว่าขึ้นแท่นเป็นคำค้นหายอดฮิตบนเวย์ปั๋ว
และในเวลานี้ คุณท่านใหญ่ซูเนื่องจากหมดสติไปกะทันหัน ได้ถูกเข้าห้องฉุกเฉินยังโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในซูหางเรียบร้อยแล้ว ลูกชายทายาทตระกูลซู รีบมายังโรงพยาบาล พร้อมนั่งในรถ มองดูวิดีโอของซูจือเฟยพร้อมทั้งด่าทอเขาว่าเป็นกบฏผู้สมควรตาย
ทว่าเย่เฉิน ผู้ที่ริเริ่มทุกอย่าง ในเวลานี้กลับนั่งอย่างสบายๆ ขับรถไปรับภรรยาเซียวชูหรันกลับบ้าน
เย่เฉินจอดรถเข้าเรียบร้อย จูงมือภรรยาเข้าบ้านไป โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมา
หลังจากเข้าบ้านมาแล้ว ช่วงเวลาที่เซียวชูหรันไปล้างมือนั้น เย่เฉินก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นเป็นข้อความจากวีแชท
เมื่อเปิดดู ไม่นึกเลยว่าจะเป็นซูจือหยูส่งมา
เนื้อหาข้อความเขียนว่า: “ผู้มีพระคุณ วันนี้พี่ชายฉันไปที่ตี้เหากรุ๊ป ไปเจอคุณหรือเปล่า?”
เย่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ซูจือหยูทำไมถึงตามหาตนได้เร็วขนาดนี้?
ดูเช่นนี้แล้ว ยัยตัวเล็กนี้ในใจจะต้องนำเรื่องของพี่ชายตัวเอง เข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเองแล้ว
เมื่อคิดได้ว่าในอนาคตทั้งสองฝ่ายยังต้องร่วมมือกัน เย่เฉินก็ไม่ได้ปิดบัง เขาเดินออกจากประตู เดินเข้าสวน จากนั้นตอบกลับด้วยการส่งข้อความเสียง: “ถูกต้อง วันนี้พี่ของเธอมาที่ตี้เหากรุ๊ป มองผิวเผินคือมาหาหวังตงเสวี่ยน แต่ที่จริงต้องการสืบเรื่องตัวตนของฉัน”
ซูจือหยูก็ส่งข้อความเสียงสอบถาม: “ถ้างั้นอยู่ๆ ที่เขากลายเป็นแบบนี้ เป็นเพราะคุณเหรอ?”
เย่เฉินยอมรับอย่างตรงไปตรงมา: “ถูกต้อง เขาให้คนไปเช็กทะเบียนรถเมียฉัน การกระทำนี้ทำให้ฉันไม่พอใจมาก ไม่เพียงแต่เท่านี้นะ เขายังคิดที่จะล้วงสถานะที่แท้จริงของฉันให้ได้ด้วย ในเมื่อเขาดันทุรังมาหาเรื่องเอง ถ้างั้นฉันก็ทำได้แค่สนองให้เขา”