เมื่อเย่เฉินฟังที่เธอพูดจบ ก็ยิ้มเย็นพร้อมกับพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องปรับความเข้าใจหรอกครับ ผมไม่อยากคบค้าสมาคมกับพวกคุณอีกแล้ว ครอบครัวผมก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้วคุณไม่ต้องคิดหาผลประโยชน์อะไรทั้งนั้นครับ”
ขณะที่พูด เย่เฉินก็ย้ำเตือนอย่างเคร่งครัด เพื่อดับฝันของนายญิงใหญ่ “ถ้าเรื่องวันนี้ รวมไปถึงเรื่องที่ผมยกบริษัทโมเดลลิ่งซ่างเหม่ยให้เวยเวยดูแล หลุดไปถึงหูชูหรัน และพ่อตาแม่ยายผมล่ะก็ ผมขอเตือนไว้ก่อน ว่าผมคงต้องยึดทุกอย่างคืน!”
นายหญิงใหญ่เซียวได้ยินคำพูดนี้ ในใจพลันกระตุกวูบ
เธอรู้ว่าเย่เฉินรับรู้ถึงจุดประสงค์ของเธอ
สำหรับนายหญิงใหญ่แล้ว หลังจากที่ได้รู้ว่าเย่เฉินคือกุ้ยเหรินของเซียวเวยเวย ก็สำเหนียกได้ในทันทีว่า เย่เฉินไม่เพียงแค่ไม่ได้ถังแตก แต่อำนาจและอิทธิพลมีมากเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการถึง เมื่อตระหนักถึงข้อนี้ ในใจของนายหญิงใหญ๋จึงเริ่มคิดว่าจะหาโอกาสฟื้นฟู้ความสัมพันธ์กับครอบครัวของเย่เฉินอีกครั้ง เมื่อเป็นแบบนี้ ผลประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคตต้องมีมากกว่าตอนนี้แน่นอน
แต่เธอไม่คิดเลยว่า เย่เฉินจะอ่านความคิดของเธอออกเพียงมองแค่แวบเดียว เย่เฉินไม่เพียงแค่ปฏิเสธ แต่ยังขัดขวางไม่ให้เธอมีโอกาสเข้าหาเซียวชูหรัน เซียวฉางควานหรือแม้กระทั่งหม่าหลัน
ในใจของเธอในตอนนี้ รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “เฮ้อ!ถ้ารู้ว่าเย่เฉินมีอำนาจขนาดนี้ตั้งแต่แรกก็ดีสิ ตอนนั้นฉันจ้องจะเล่นงานเขากับครอบครัวเขาทำไมนะ? ตอนนี้ฉันทำให้ทั้งครอบครัวของเขาไม่พอใจ ดูเหมือนว่าหลังจากนี้คงไม่มีโอกาสได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์แล้วล่ะ…..”
เย่เฉินเห็นนายหญิงใหญ่เซียวนิ่งเงียบ ทั้งยังทำสีหน้าแปลกๆ จึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ที่ผมพูดไปเมื่อสักครู่ เข้าใจไหมครับ?”
“เข้าใจแล้ว…….” นายหญิงใหญ่เซียวจะไปกล้าคัดค้านเย่เฉินได้ยังไงล่ะ ถึงยังไงงานที่เซียวเวยเวยทำอยู่ตอนนี้ก็เป็นหลักประกันความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอ ถ้าหากไปขัดใจเย่เฉินเข้า คงมีจุดจบที่ไม่สวยเท่าไหร่แน่
ดังนั้น เธอจึงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างขัดเคือง “อืม…..รู้แล้ว……”
เย่เฉินพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นก็เอ่ยพูดว่า “รู้ไว้ก็ดีแล้ว จำคำที่ผมพูดเมื่อกี้เอาไว้ให้ดี ต่อไปนี้ให้ต่างคนต่างอยู่!”
พูดจบ เขาก็มองมาที่เซียวเวยเวย “เธอพาย่าเธอกลับไปได้แล้ว”
เซียวเวยเวยพยักหน้าเบาๆ เอ่ยพูดอย่างเชื่อฟัง “ได้ค่ะพี่เขย ฉันจะพาคุณย่ากลับเดี๋ยวนี้”
ต่อมา เธอก็พยุ่งนายหญิงใหญ่เซียว แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณย่า กลับบ้านได้แล้ว”
นายหญิงใหญ่เซียวพยักหน้าเบาๆเหมือนไก่ชนที่ตีแพ้
เย่เฉินเห็นอย่างนั้น ก็ปิดประตูลงทันที แล้วเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์
ด้านนอกประตู นายหญิงใหญ่เซียวหันหลังเตรียมจะกลับได้ไม่ทันไร ก็เห็นเซียวเวยเวยกำลังถือถุงแอร์เมสขนาดไม่ใหญ่อยู่ในมือ ข้างในถุงยังมีกล่องอยู่อีกด้วย
เธอเอ่ยถามขึ้นมาทันทีว่า “เวยเวย ทำไมแกยังซื้อของอะไรแบบนี้อยู่อีก? ดูสภาพการเงินของครอบครัวเราในตอนนี้ดด้วย จะไปมีปัญญาไปซื้อของหรูๆแบบนี้ได้ที่ไหนกัน!”
เซียวเวยเวยลนลานขึ้นมาในทันที “อ๊ะ เอ่อ….คุณย่า….อันนี้ฉันซื้อให้คนอื่น….คุณย่าไม่ต้องสนใจหรอก……”
“ซื้อให้คนอื่น?!” นายหญิงใหญ่เซียวฟึดฟัดขึ้นมาในทันที “ตอนนี้ทั้งครอบครัวต้องประหยัดกินประหยัดใช้ นี่ฉันก็รอให้พ่อแกกับพี่ชายแกหายดี จะได้ออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ แต่ดูแกสิ เพิ่งหาเงินได้ไม่ทันไร ก็ซื้อของหรูๆให้คนอื่นแล้ว?! สภาพครอบครัวเราในตอนนี้คิดจะอยากซื้ออะไรให้ใครก็ได้แล้วเหรอ?”
ขณะที่พูด เธอก็เอื้อมมือไปแย่งถุงนั้นมา แล้วล้วงใบเสร็จในถุงออกมาดู อุทานอย่างตกใจว่า “ให้ตาย!เข็มขัดแค่เส้นเดียวราคาเกือบหมื่นเลยเหรอ? บ้าไปแล้วหรือไง!เงินก็แทบจะไม่มีซื้อข้าวกิน แล้วยังจะมาสิ้นเปลืองกับอะไรแบบนี้อีก แกรีบเอาไปคืนเลยนะ!”