ในขณะเดียวกัน กู้ชิวอี๋ที่นั่งอยู่ในรถวอลโว่ กู้ชิวอี๋ขับรถไปด้วย ถามเย่เฉินไปด้วยว่า“พี่เย่เฉินคะ เมื่อกี้พี่บอกว่าเฮเลน่าผู้หญิงคนนั้นอาการไม่ดี เธอป่วยหรอคะ?” เย่เฉินพยักหน้า“ใช่แล้ว” กู้ชิวอี๋อดที่ถามไม่ได้ว่า“เธอป่วยเป็นอะไรคะ?” เย่เฉินครุ่นคิด แล้วพูดอย่างจริงจังว่า“พูดยาก มันซับซ้อนมาก และระบบที่เกี่ยวข้องกับหัวใจก็มีปัญหาใหญ่” กู้ชิวอี๋ถามอย่างประหลาดใจว่า“ห้ะ?หนักขนาดนั้นเลยหรอคะ?” “ใช่แล้ว”เย่เฉินพยักหน้า“หนักมาก” กู้ชิวอี๋ถามอีกว่า“แล้วอันตรายถึงชีวิตไหมคะ?” เย่เฉินอธิบาย“อาการของเธอเหมือนเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็ง มีโอกาสเหยียบพลาด ตกน้ำได้ตลอดเวลา” กู้ชิวอี๋เบิกตากว้าง“ไม่ใช่มั้งคะ เธอดูยังเด็กอยู่เลย” เย่เฉินพูดอย่างเรียบเฉยว่า“ความเจ็บป่วยไม่เคยสนใจว่าคนเราจะอายุน้อยหรือแก่ชรา ดังนั้นจึงมักมีคนจำนวนมากที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก หรือแม้แต่คนจำนวนไม่น้อย ที่ยังไม่ทันได้โตก็ด่วนจากไปก่อน” “นี่มัน……”กู้ชิวอี๋พยักหน้าเบาๆ แล้วถามว่า“พี่เย่เฉินคะ แล้วพี่มีวิธีช่วยเธอได้ไหมคะ?” พูดจบ กู้ชิวอี๋ถามเองตอบเองว่า“พี่ต้องมีวิธีช่วยเธอแน่นอน ใช่ไหมคะ?ตอนนั้นอาการของพ่อฉันหนักขนาดนั้น พี่ยังสามารถรักษาเขาหายเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฮเลน่าคนนี้ใช่ไหมคะ?” เย่เฉินพูดอย่างใจกว้าง“ช่วยน่ะสามารถช่วยได้ ฉันให้พ่อของเธอกินยาแบบนั้นแค่ครึ่งเม็ดก็สามารถรักษาหายได้แล้ว” พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินก็เปลี่ยนบทสนทนา แล้วพูดอย่างจริงจังว่า“แต่ยาแบบนี้มันล้ำค่ามากๆ แต่ฉันกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน วันนี้ก็พึ่งเจอกันครั้งแรก แน่นอนว่าไม่สามารถช่วยเธอเปล่าๆ” กู้ชิวอี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้ากล่าวว่า“จริงด้วย มีคนตายมากมายในโลกใบนี้ ถึงจะเป็นเทพเจ้าก็ไม่สามารถช่วยได้” เย่เฉินหัวเราะ แล้วกล่าวว่า“แต่คนเราเจอกันก็เพราะโชคชะตา ดังนั้นเมื่อกี้ฉันช่วยเธอไปนิดหน่อย ถ้าเธอโรคหัวใจกำเริบ ขอแค่ทำตามที่ฉันบอก จะต้องช่วยชีวิตเธอได้แน่นอน” กู้ชิวอี๋ถามอย่างแปลกใจว่า“กัดปลายนิ้วกลางของมือข้างขวาที่พี่บอกเมื่อกี้ใช่ไหมคะ?” เย่เฉินพยักหน้า“ใช่แล้ว!” กู้ชิวอี๋พูดอย่างยิ้มๆ“นี่เป็นเคล็ดลับใช่ไหมคะ หรือว่าโรคหัวใจกำเริบกัดปลายนิ้วกลางแล้วจะได้ผล?” เย่เฉินส่ายหัวไปมา แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า“คนอื่นกัดจะช่วยอะไรไม่ได้ เธอต้องกัดเองถึงได้ผล” “แปลกจัง……”กู้ชิวอี๋ถามอย่างแปลกใจ“มนุษย์มีโครงสร้างทางสรีรวิทยาที่คล้ายคลึงกัน ดังนั้นทำไมนิ้วกลางขวาของเธอถึงช่วยชีวิตได้ แต่คนอื่นทำไมไม่ได้คะ?” เย่เฉินพูดอย่างมีลับลมคมใน“ความลับจะรั่วไหลไม่ได้!” พูดจบ ก็รีบกำชับเธอว่า“เธออย่าถามอะไรมาก ได้ไหม?ตั้งใจขับรถไปเถอะ!” กู้ชิวอี๋แลบลิ้น“ก็ได้ค่ะ……” ทั้งสองมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลกู้ กู้เย้นจงกับหลินหว่านชิวเข้าครัว ทำอาหารทั้งโต๊ะด้วยตัวเอง พอเห็นว่าเย่เฉินมาถึง สองสามีภรรยาจึงรู้สึกปลื้มปีติมาก กู้เย้นจงตรงเข้าไปลากเขามานั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วหยิบเหล้าที่เขาเก็บสะสมออกมา เพื่อรินให้เขา หลินหว่านชิวรู้สึกอารมณ์ดีมาก เธอหยิบไวน์แดงออกมาดื่มด้วย สำหรับเย่เฉิน หลินหว่านชิวชิวเขามาก และพึงพอใจในตัวเขามากเช่นกัน ดังนั้นในตอนที่เธอเห็นเย่เฉิน เธอไม่ได้เห็นเย่เฉินเป็นว่าที่ลูกเขยแล้ว เธอเห็นว่าเขาเป็นเหมือนลูกชายของตัวเองยังไงอย่างงั้น เย่เฉินชอบความรู้สึกแบบนี้ของตระกูลกู้ ตระกูลกู้พ่อแม่ลูกทั้งสามคนปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจ ประกอบกับทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กันมานานหลายปี และทำให้เย่เฉินสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของครอบครัวที่แท้จริง