ในตอนที่เย่เฉินกัยกู้เย้นจงพ่อแม่ลูกทั้งสามคนกำลังชนแก้วกันอยู่นั้น เย่เฟิงก็ส่งเฮเลน่ากลับโรงแรม แล้วกลับไปยังตระกูลเย่เพื่อรายงาน เย่โจงฉวนเห็นว่าเย่เฉินไม่ได้กลับมาด้วย จึงรีบถามว่า“เกิดอะไรขึ้น?เฉินเอ๋อล่ะ?ไม่ได้กลับมากับพวกแกหรอ?” เย่เฟิงจะรอกลับมาฟ้อง เมื่อได้ยินเย่โจงฉวนเอ่ยถาม แล้วกล่าวโทษด้วยความโกรธ“คุณปู่ครับ เย่เฉินไอ้หมอนั่นมันทำเกินไปแล้ว!คนของเราเยอะขนาดนี้ เคลื่อนทัพออกไปรับเขา เขาไม่มาก็ช่างเถอะ ยังพูดจาไร้มารยาทกับคุณปู่อีกด้วย!ผมพูดกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าคุณปู่กำลังรอเขากลับบ้าน แต่เขากลับบอกว่าจะทำอะไรก็เชิญ ไม่มีใครอยู่ในสายตาเลย!” เย่โจงฉวนขมวดคิ้วเบาๆ แล้วถามเขาว่า“แล้วเฉินเอ๋อไปไหน?” “ไปตระกูลกู้แล้วครับ”เย่เฟิงพูดอย่างหงุดหงิด“กู้ชิวอี๋คนของตระกูลกู้นั่นขับรถไปรับเขา แล้วไปด้วยกันทั้งสองคน” เย่โจงฉวนพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดอย่างเรียบเฉย“ไปก็ไปสิ ไปกับตระกูลกู้น่ะสิดี” พูดจบ เขาก็มองไปที่ถังซื่อไห่ แล้วถามว่า“ซื่อไห่ แกได้พูดกับเฉินเอ๋อไหม พรุ่งนี้ไม่ว่ายังไงให้เขามาที่บ้านหน่อย?” ถังซื่อไห่รีบก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า“เรียนคุณท่าน ผมพูดกับคุณชายเฉินแล้วครับ เขาบอกว่าจะหลับมาที่บ้านตอนเช้าครับ” “งั้นก็ดี”เย่โจงฉวนรู้สึกเบาใจลง แล้วกล่าวว่า“ในเมื่อเขาอยากมาพรุ่งนี้ งั้นก็รอเขาเถอะ” เย่เฟิงคิดไม่ถึงว่า ตนพึ่งมาหาคุณปู่เพื่อฟ้องเรื่องที่เกิดขึ้น ฟ้องว่าเย่เฉินไม่เชื่อฟังคุณท่าน แต่คุณท่านกลับไม่โกรธแม้แต่น้อย เขาอดสบถด่าในใจไม่ได้“ปกติคุณท่านให้ความสำคัญกับกฎระเบียบของตระกูล แต่พอมาถึงเย่เฉิน ทำไมถึงได้มีความคิดแยกเป็นสองทางแบบนี้?ถ้าเป็นเย่เฉินจะไม่รักษากฎก็ได้ จะไม่เชื่อฟังเขาก็ไม่ว่าอะไร?มีสิทธิ์อะไรกัน?” เย่เฟิงรีบพูดอย่างไม่พอใจว่า“คุณปู่ครับ!ยังมีเรื่องหนึ่งครับ ผมต้องขอให้คุณปู่ช่วยผมทวงคืนยุติธรรมด้วย!” เย่โจงฉวนขมวดคิ้ว“เรื่องอะไร?” เย่เฟิงพูดอย่างโกรธเคือง“วันนี้ที่สนามบิน หลังจากที่เย่เฉินพบเห็นเฮเลน่า แต่กลับแตะเนื้อต้องตัวเฮเลน่า และทำพฤติกรรมไม่ให้เกียรติอีกด้วย!” พูดถึงตรงนี้ เย่เฟิงก็รู้สึกเดือดดาลมากยิ่งขึ้น เขาโพล่งออกไปว่า“อีกทั้งเขายังพูดจาไร้สาระกับเฮเลน่า!จนทำให้เฮเลน่าตกใจ!ตอนแรกเฮเลน่าจะกลับมาพร้อมกับเรา แต่เพราะถูกเย่เฉินทำให้ขุ่นเคือง เลยอารมณ์ไม่ดี เพราะฉะนั้นเลยขอตัวกลับโรงแรมไปก่อน” เย่โจงฉวนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ แล้วถามว่า“มีเรื่องนี้ด้วยหรอ?เหตุการณ์มันเป็นยังไง ไหนลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ!” เย่เฟิงจึงรีบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกไปทั้งหมดอย่างตรงไปตรงมา เพราะถังซื่อไห่ก็อยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าใส่สีตีไข่ แต่ เขาคิดว่า เย่เฉินแตะเนื้อต้องตัวเฮเลน่าก่อน ยังพูดจาไร้สาระ มันเป็นสิ่งที่ไร้มารยาทอยู่แล้ว เมื่อเย่โจงฉวนได้ฟังจบ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เฮเลน่าเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของเย่เฉิน แน่นอนว่าเย่เฉินควรรักษาระยะห่าง การจับมือของคนอื่นแบบนี้ มันดูค่อนข้างหยาบคาย ดังนั้น เขาจึงขมวดคิ้วถามเย่เฟิงว่า“แกว่าเฉินเอ๋อพูดจาไร้สาระ ตกลงเขาพูดอะไรไป?” เย่เฟิงพูดอย่างโกรธเคืองว่า“เขาบอกว่าเฮเลน่าอาการไม่ดี ช่วงนี้ให้ระวังอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ยังจับมือของเฮเลน่าด้วย แล้วบอกว่าให้เฮเลน่ากัดปลายนิ้วมือข้างขวาในตอนที่คับขัน!นี่มันไร้สาระทั้งเพไม่ใช่หรอครับ?ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าให้กัดปลายนิ้วมือแล้วจะได้ผล!ผมว่าเขาแค่อยากจะแตะอั๋งเฮเลน่าก็เท่านั้นแหละ!” เวลานี้เอง เย่ฉางโคงพ่อของเย่เฟิงที่อยู่ข้างๆก็รีบก้าวออกมาหนึ่งก้าว แล้วพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า“พ่อครับ!เฮเลน่าเกิดในราชวงศ์เหนือ เธอมีกฎเกณฑ์และมารยาทมากมาย หากเหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่เกี่ยวกับตระกูลเย่ของเรา บางทีตระกูลเย่ของเรากำลังจะสร้างเรื่องอื้อฉาวระดับนานาชาติ!ถ้าเป็นแบบนั้น ตระกูลเย่ของเราก็จะอับอายขายขี้หน้าไปถึงต่างประเทศ!!