พูดแล้ว เขามองไปยังเฉินจงเหล่ยที่อยู่ข้างกาย ฝืนยิ้มพร้อมพูดว่า : “ท่านผู้นี้เป็นหนึ่งในราชันสงครามแห่งสำนักว่านหลงไม่ใช่เหรอ?ว่ากันว่าพละกำลังเป็นรองพั่วจวิน แต่อยู่ตรงหน้าของคุณเย่ แค่สู้กันเพียงครั้งเดียวบางทีเขาก็อาจจะไม่ไหวแล้ว ดังนั้นดูเหมือนว่า เมื่อพั่วจวินอยู่ตรงหน้าของคุณเย่ ก็เป็นเพียงแค่คนที่ทำอะไรไม่ดูกำลังและความสามารถตัวเอง……” เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย มองไปยังเฉินจงเหล่ยที่อยู่ข้างๆ ถามเขาว่า : “เฉินจงเหล่ย พละกำลังของประมุขพวกนายเป็นอย่างไร?” เฉินจงเหล่ยพูดอย่างเคารพว่า : “ประมุขเป็นนักบู๊แปดดาว พละกำลังมากว่าผมไม่มากนัก” เย่เฉินพยักหน้าแล้ว พูดถามอีกว่า : “งั้นนายคิดว่า พวกเราสองคน พละกำลังของใครแข็งแกร่งกว่ากัน?” เฉินจงเหล่ยพูดโดยไม่ต้องคิดเลยว่า : “คุณแข็งแกร่งกว่าแน่นอน……แม้ว่าพละกำลังของผมจะสู้ประมุขไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถต่อสู้กับประมุขอย่างซึ่งๆหน้าได้หลายสิบรอบ แต่ผมเผชิญหน้ากับคุณ ไม่อาจจะต้านทานได้เลยสักนิด……” แต่ไหนแต่ไรมา สติของเฉินจงเหล่ยถูกเย่เฉินปิดกั้น ทำอะไร พูดอะไร ส่วนใหญ่ล้วนแต่ไม่ได้พูดจากใจจริง แต่ครั้งนี้ สติและร่างกายของเขาเอง จู่ๆก็เหมือนกันอย่างน่าแปลกใจ แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าเย่เฉินใช้พลังวิเศษอะไรก็ตาม จู่ๆสามารถปิดกั้นสติของตัวเองได้เลยอย่างสมบูรณ์ แต่เขารู้ วิธีการของเย่เฉิน สูงกว่าศิลปะการต่อสู้มากกว่าหนึ่งระดับ ความต่างระหว่างนี้ ก็เหมือนกับความต่างระหว่างอาวุธเย็นและอาวุธร้อน ไม่สามารถเหนือกว่าได้ เย่เฉินฟังเนื้อหาที่เฉินจงเหล่ยพูดมาทั้งหมดแล้ว พยักหน้ายิ้มและพูดว่า : “นักบู๊แปดดาว ก็ไม่ธรรมดาเลย ว่านพั่วจวินเพื่อให้ถึงผลการฝึกฝนนี้ ยี่สิบปีที่ผ่านมา น่าจะต้องอดทนกับความยากลำบากไม่น้อยเลยสินะ?” เฉินจงเหล่ยพยักหน้าพร้อมพูดว่า : “ประมุขนั่นเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะต่อสู้ที่พบเจอบนโลกได้น้อยมาก แถมมีคำแนะนำของจู่ซือคอยหนุนหลังอยู่ จุดเริ่มต้นสูงกว่านักศิลปะต่อสู้ส่วนใหญ่มาก และประมุขอยากที่จะแก้แค้นให้พ่อแม่ เพื่อเป้าหมายนี้ เขาฝึกฝนช่วงที่หนาวและร้อนที่สุดมาอย่างหนัก จะฝึก18ชั่วโมงทุกวัน ยืนหยัดที่จะฝึกต่อเนื่องมาหลายปี ถึงได้มีพละกำลังเช่นตอนนี้ ” เย่เฉินยิ้มอย่างราบเรียบพร้อมพูดว่า : “ยอมลำบากอดทนกับความอัปยศมายี่สิบปี สุดท้ายก็ทำเพื่อแบกโลงศพของพ่อแม่ไปตาย เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว โชคชะตาของเขาช่างน่าอนาถเหลือเกิน” พูดแล้ว เขาก็มองไปยังซูโสว่เต้า ยิ้มพร้อมพูดว่า : “คุณซูคืนนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่นะ พรุ่งนี้ยังต้องไปเจอกับหลานชายของคุณอีก ฉันไม่รบกวนอะไรมากแล้ว ” ซูโสว่เต้าอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ทันใดนั้น เย่เฉินก็มองไปยังเหอหงเซิ่ง พูดสั่งว่า : “ท่านเหอ พรุ่งนี้ก่อนเจ็ดโมงเช้า พาพวกเขามาส่งที่ภูเขาเย่หลิงซาน พอถึงตอนนั้นฉันจะรออยู่ที่ภูเขาเย่หลิงซาน” เหอหงเซิ่งประสานมือสองข้างคารวะทันที พูดอย่างเคารพว่า : “คุณเย่ได้โปรดวางใจ พรุ่งนี้เช้า ข้าจะนำตัวสองคนนี้ไปส่งที่ภูเขาเย่หลิงซานเองกับมือ! ” เย่เฉินพยักหน้า ยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดว่า : “ลำบากทุกท่านแล้วนะ หลังจากวันพรุ่งนี้ไป เย่เฉินมีของขวัญชิ้นใหม่มอบให้!” ซูโสว่เต้าพูดอย่างลนลานมากว่า : “คุณเย่……พั่วจวินไม่รู้จักหน้าตาที่แท้จริงของคุณ พรุ่งนี้คุณได้โปรดยกโทษให้ถือว่าเห็นแก่ที่เขาทำไปก็เพื่ออยากแก้แค้นให้พ่อแม่ด้วยเถอะนะ ปล่อยให้เขาได้มีชีวิตรอด…… ” เย่เฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็น : “คุณซู ทำเรื่องผิดก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา เหตุผลนี้ คุณใช้ชีวิตมา 50 ปีแล้ว ยังไม่เข้าใจอีกงั้นเหรอ?” พูดแล้ว เย่เฉินก็พูดอีกว่า : “ถ้าหากในปีนั้นคุณไม่เป็นผู้นำการก่อตั้งพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่ ตอนนี้คุณจะต้องใช้ชีวิตสามคนพ่อแม่ลูกอย่างเรียบง่ายและมีความสุขแน่นอน และไม่ใช่โดนฉันจับมาขังไว้ที่นี่!” ซูโสว่เต้าพูดอย่างตึงเครียดว่า : “คุณเย่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้……ผมแค่คิดว่า พั่วจวินเด็กคนนี้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาทั้งชีวิต……เขาตั้งใจที่จะแก้แค้นให้กับพ่อแม่ ซึ่งพอให้อภัยได้……” เย่เฉินพูดอย่างเยือกเย็นว่า : “พ่อแม่ของเขาตายเพราะฆ่าตัวตาย เขามีความแค้นอะไรที่ต้องแก้นแค้น?เขาอยากจะแก้แค้นให้พ่อแม่ ต้องการจะขุดหลุมศพพ่อแม่ของฉันขึ้นมา นี่มันเหตุผลอะไรกัน?พรุ่งนี้ก่อนที่ฉันจะฆ่าเขา จะเหยียบหัวของเขาและถามเขาว่า ใครเป็นคนสอนเขากันแน่!” ซูโสว่เต้าตกใจจนตัวสั่น อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าคำพูดมาถึงปากแล้ว ก็รีบกลืนกลับลงไปทันที เขารู้ว่า ครั้งนี้ว่านพั่วจวินกวนโมโหเย่เฉินเกินไป…… เด็กคนนี้แม้ว่าจะมาหาตระกูลเย่โดยตรง โต้แย้งกันซี่งๆหน้า หรือว่าต่อสู้แข่งขันกันก็พอเข้าใจได้ แต่ทำไมเขาจะต้องไปป่าวประกาศด้วยว่า จะขุดหลุมศพของเย่ฉางอิงสองสามีภรรยา ? นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตาย แล้วจะเป็นอะไรล่ะ? ในเวลานี้เย่เฉินพูดอย่างราบเรียบว่า : “คุณซู ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คุณรีบไปอธิษฐานต่อสวรรค์ อธิษฐานว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนของตระกูลซูของพวกคุณ!ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าใครที่เข้ามีส่วนร่วม ฉันเย่เฉินไม่มีทางออมมือให้แน่!”