ทุกคนได้ยินคำพูดของเย่เฉิน แต่ละคนตะลึงจนขากรรไกรค้าง คนเขามาช่วยเหลืออ้อนวอนว่านพั่วจวินให้ด้วยความหวังดี เย่เฉินกลับพูดจาโอหัง นี่จะไม่เป็นการตัดทางหนีทีไล่ของตัวเองเหรอ? เย่เฟิงเกือบจะเกลียดเย่เฉิงอยู่แล้ว แอบแช่งในใจ: “เย่เฉินคนนี้ไม่แกล้งโง่จะตายเหรอ! ตู้ไห่ชิงเขาก็มาเพื่อช่วยแล้ว แกยังจะทำเป็นเสแสร้ง? ทำไม? ทำตามความต้องการของแก เดี๋ยวแกจะจัดการว่านพั่วจวินให้ขี้แตกเลยงั้นเหรอ? ตู้ไห่ชิงเขามาเพื่อช่วยแกอ้อนวอน แกกลับให้เขาไม่ต้องมาอ้อนวอนพั่วจวิน แกนี่แม่งเรียกได้ว่าเป็นจอมเสแสร้งผิดมนุษย์มนาจริงๆ!” อย่าว่าแต่เย่เฟิงเลย แม้แต่คุณท่านเย่ เย่โจวงฉวน ต่างก็รู้สึกว่าเย่เฉินเสแสร้งมากเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ: “คุณนายใหญ่ตระกูลซูมาถึงนี่ด้วยตัวเอง พร้อมแบกหน้ามาขอร้องอ้อนวอนเพื่อคุณ ทำไมคุณไม่ให้เกียรติกลับไปบ้างล่ะ ไม่เพียงแค่ไม่ขอบคุณนะ ยังจะวางฟอร์มอยู่อีก ถ้าคนเขาโกรธแล้วปล่อยมือเดินจากไป แม้แต่ร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตานะ!” เย่เห้าก็กำลังจะพังทลายแล้ว เขากระซิบพ่อของเขาเย่ฉางหยุนว่า: “พ่อ! เย่เฉินหมอนี่ เป็นราชาแห่งความอวดดีจริงๆ……สำนักว่านหลงต่างก็กำลังมาที่เมืองแล้ว ตู้ไห่ชิงเขามาเพื่อช่วยเหลือ เขาก็พูดว่า ‘ไม่ต้อง’ อวดดีเลย สุดท้ายเขาพูดคำนี้ออกมาได้……บนโลกนี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็คงคิดวิธีอวดดีแบบนี้ไม่ได้ แม่งโคตรเทพเลยจริงๆ……” เย่ฉางหยุนพูดด้วยสีหน้าดำคร่ำเครียด: “เทพกับผีสิ แม่งเอ๊ยเขาให้เกียรติแล้วยังไม่รับ ไม่รู้จักการให้เกียรติหรือไงวะ?” มีชายหนุ่มอายุ 14 ปีอยู่หลังเย่ฉางหยุน เขาเป็นน้องชายแท้ๆของเย่เห้า ชื่อเย่เฟย เขาตะลึงและพูดว่า: “นี่มัน……นี่มันชัดเลยว่าเพื่อนร่วมชั้นของเราที่พูดกันบ่อยๆว่า ‘ราชาแห่งการอวดดี ราชาแห่งราชาอีกที’ แม้ว่าจะตาย ก็ต้องอวดดีจนถึงที่สุด เจ๋งจริงๆ!” เย่ฉางหยุนตบหัวของเขาและด่าว่า: “ไปโรงเรียนทุกวันอย่างกับสุนัข เรียนวิทยาลัยอีตันที่ดีที่สุด แกเรียนรู้อะไรบ้าๆแบบนี้เองเหรอ!” เย่เฟยกุมหัวและไม่กล้าพูดต่อ ในตอนนี้ สมาชิกคนอื่นในตระกูลเย่ก็รู้สึกว่าเย่เฉินคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากปาก ถึงขั้นกลัวว่าตู้ไห่ชิงจะโกรธเพราะสิ่งนี้ สะบัดแขนเสื้อและเดินจากไป แต่ตู้ไห่ชิงได้ยินคำนี้ ไม่เพียงแค่ไม่โกรธ แต่กลับดูว่าผ่อนคลายจริงๆ เธอและซูจือหยูรู้ว่าเย่เฉินสุดยอดมาก แต่พวกเธอต่างก็ไม่รู้ว่า ในที่สุดเย่เฉินสามารถต่อกรกับว่านพั่วจวินและสำนักว่านหลงได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้เห็นเย่เฉินมั่นใจเช่นนี้ พวกเธอต่างก็เชื่อว่าเย่เฉินไม่ใช่เย่อหยิ่ง แต่เย่เฉินมั่นใจอย่างมาก เย่เฉินไม่ได้จงใจปฏิเสธน้ำใจของตู้ไห่ชิง และเขาไม่ได้จงใจทำให้ตู้ไห่ชิงอึดอัด ที่เขาพูดทั้งหมด เป็นเพราะเขากลัวจริงๆว่าตู้ไห่ชิงจะหันกลับมาและอ้อนวอนว่านพั่วจวิน ยังไงซะ ว่านพั่วจวินเป็นสายเลือดของลูกน้องเก่าของซูโสว่เต้า ว่านเหลียนเฉิงและภรรยาก็ตายหมดแล้ว ถ้าตัวเองต้องการฆ่าว่านพั่วจวินจริงๆ ใครจะไปรู้ว่าตู้ไห่ชิงจะรู้สึกเห็นใจ และอ้อนวอนเขาทันที? หากอ้อนวอนจริงๆ เรื่องนี้ก็จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เดิมทีมาช่วยเย่เฉิน ผลสุดท้ายหลังจากที่มา ก็เริ่มช่วยเป็นคู่ปรับเย่เฉินซะงั้น งั้นถึงตอนนั้นมันจะไม่เก้ๆกังๆหรือ? ดังนั้น เย่เฉินรู้สึกว่า ที่ตัวเองพูดในตอนแรก ขอเพียงแค่ตัวเองไม่ให้ใครมาอ้อนวอนเพื่อตัวเองก็พอแล้ว ตู้ไห่ชิงได้ยินคำนี้ ในใจก็เข้าใจทันที เย่เฉินไม่ได้มองเห็นว่านพั่วจวินอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ และตัวเองกลับต้องมาอ้อนวอนเขา ประเมินเขาต่ำไปจริงๆ ครั้นแล้ว ตู้ไห่ชิงรีบพูดว่า: “ขอโทษคุณเย่ ฉันคิดไม่รอบคอบเอง” เย่เฉินรีบพูด: “น้าตู้ ฉันไม่ได้หมายความถึงอย่างอื่น แค่หวังว่าท่านสามารถรักษาความเป็นกลางไว้ได้” ตู้ไห่ชิงพยักหน้า: “ได้เลยคุณเย่ ฉันจะจำไว้!” เย่ฉางโคงรีบเดินมาข้างหน้าและพูดว่า: “ไห่ชิง! เฉินเอ๋อเขายังหนุ่มยังแน่น ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาก้มหัวยอมแพ้นะ แต่อีกเดี๋ยวกองทัพของว่านพั่วจวินมาฆ่ากันจริงๆ คุณพูดอะไรก็ต้องพูดแทนเราให้ดีๆหน่อย!” คำพูดของเย่ฉางโคง ถือว่าพูดแสดงความปรารถนาร่วมกันของสมาชิกในตระกูลเย่คนอื่นๆด้วย ตู้ชิงไห่ฟังและยิ้มเบาๆ แล้วก็พูดว่า: “พี่ใหญ่ คุณน่าจะมั่นใจในตัวคุณเย่หน่อยนะ ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องทำสำเร็จแน่นอน” เย่ฉางโคงถอนหายใจอย่างเสียดาย: “โธ่! เขาไม่รู้จักสำนักว่านหลงเลย มิฉะนั้นก็ไม่มีทางพูดแบบนั้นออกมาแน่นอน!”