แผนการในตอนแรกของเย่เฉิน คือนำยาอายุวัฒนะออกมาให้เฮเลน่าหนึ่งเม็ด
ในจำนวนครึ่งเม็ดนั้นรักษาโรคให้เฮเลน่า ครึ่งเม็ดที่เหลือให้เธอนำกลับไปมอบให้ควีนแห่งยุโรปเหนือที่ชีวิตใกล้จะสูญสิ้น
ขอเพียงเธอสามารถกลับยุโรปเหนือไปพบควีนได้ นำยาอายุวัฒนะครึ่งเม็ดที่เหลือแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกให้ควีนเสวยก่อน จะต้องทำให้ควีนฟื้นขึ้นมาจากการหลับลึกได้แน่
ถึงเวลาก็สามารถใช้อีกครึ่งมาเป็นข้อต่อรองได้ ให้ควีนยกบัลลังก์ให้เธอ
และเมื่อควีนได้เห็นประสิทธิผลของยาอายุวัฒนะ ก็จะต้องทุ่มสุดกำลังดันเธอขึ้นบัลลังก์อย่างแน่นอน
เย่เฉินเชื่อ สำหรับคนชราที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง สลบไสลไม่ได้สติคนหนึ่ง การที่สามารถฟื้นขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง นั่นก็เท่ากับได้ชีวิตใหม่ครั้งหนึ่งแล้ว
ดังนั้นเธอจึงต้องถนอมโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ด
หากสามารถได้รับยาอายุวัฒนะส่วนที่สอง ชีวิตของเธอยังสามารถยืดอายุต่อไปได้อีกหลายปีถึงขั้นนานกว่านี้ก็ยังได้ เชื่อว่าเธอจะต้องไร้หนทางต้านทานความเย้ายวนเช่นนี้แน่
แต่ตอนนี้จู่ๆ เย่เฉินก็ได้ยินว่าน้องสาวที่ชื่อโอลิเวียคนนั้นของเฮเลน่า ถึงก้บต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลรอธส์ไชลด์
นี่กลับเป็นโอกาสดีที่จะได้เข้าถึงตระกูลรอธส์ไชลด์ก่อนกำหนด
ดังนั้น เขาจึงอยากจะไปยุโรปเหนือด้วยตัวเองดูสักหน่อย เพื่อดูว่าที่ตระกูลรอธส์ไชลด์แต่งงานกับราชวงศ์ยุโรปเหนือมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ และถือโอกาสคลำหาเบาะแสนี้จากตระกูลรอธส์ไชลด์ไปด้วยเสียเลย
พอเฮเลน่าได้ยินเย่เฉินบอกว่าต้องการไปยุโรปเหนือด้วยกันกับตน ย่อมจะดีใจอย่างบ้าคลั่ง
เธอประจักษ์กับความสามารถของเย่เฉินด้วยตาตัวเองแล้ว รู้ว่าหากเย่เฉินออกโรง จะต้องทำให้ตนขึ้นครองราชย์ได้อย่างราบรื่นแน่นอน!
ถึงเวลานั้น ตนไม่เพียงช่วยแม่ออกมาได้ ยังสามารถล้างอายได้ในที่สุดอีกด้วย!
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงกล่าวกับเย่เฉินด้วยความซาบซึ้งอย่างหาใดเปรียบ “คุณเย่ ขอบคุณนะ!”
เย่เฉินโบกมือไปมา มองไปทางกลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่ พลางเอ่ยปากกล่าวว่า “ขอบคุณสหายทุกคนที่รุดมายังเขาเย่หลิงซานในวันนี้โดยไม่สนอันตราย ทุกคนต่างเดินทางมาไกล ทำไมไม่ไปพักผ่อนที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงกันก่อนสักเดี๋ยวหนึ่งล่ะ วันนี้ดึกหน่อยผมจะไปยุโรปเหนือสักเที่ยวหนึ่งก่อน ก่อนออกเดินทาง ผมอยากจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณทุกคนที่ป๋ายจินฮ่านกง หวังว่าทุกคนจะให้เกียรติมาร่วมงาน!”
อิโตะ นานาโกะรีบร้อนพูดว่า “เย่เฉินซัง คุณมีธุระต้องจัดการไม่ต้องสนใจพวกเรา อีกอย่างพวกเรามาที่นี่ก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร แล้วจะรับงานเลี้ยงขอบคุณที่คุณจัดขึ้นเองได้ที่ไหนกัน……”
เย่เฉินกล่าวขึ้นด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง “นานาโกะ ที่คนหัวเซี่ยอย่างพวกเราให้ความสำคัญคือน้ำใจไมตรี แม้ว่าวันนี้การต่อสู้ของผมกับสำนักว่านหลง ไม่ได้ทำให้ทุกคนกับสำนักว่านหลงหันอาวุธเข้าหากัน แต่น้ำใจนี้ที่ทุกคนยินดีมาช่วยผมเย่เฉินในเวลาเช่นนี้ ย่อมมีค่ามากมายในสายตาผม”
ยามนี้กู้เย้นจงเดินออกมา ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ทุกท่าน ทุกคนที่มาชุมนุมกันอยู่ที่นี่ในวันนี้ ล้วนเห็นเฉินเอ๋อเป็นสหายที่ดี เห็นเป็นคนในครอบครัว ในเมื่อเฉินเอ๋อพูดเช่นนี้แล้ว ทุกท่านก็รออยู่เย่นจิงอีกสักครู่หนึ่งจะเป็นไรไป หลังงานไหว้บรรพบุรุษของตระกูลเย่ ค่อยร่วมดื่มกับเฉินเอ๋อสักหลายแก้ว!”
คุณท่านซ่งได้ยินเช่นนี้ พลันเอ่ยปากกล่าวว่า “ในเมื่ออาจารย์เย่พูดเช่นนี้แล้ว ผู้แซ่ซ่งก็จะรอหลังอาจารย์เย่เสร็จสิ้นงานไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะร่วมดื่มสังสรรค์ด้วยกัน!”
นางาฮิโกะ อิโตะก็เอ่ยปากกล่าวเช่นกันว่า “คุณเย่! คืนนี้โปรดเตรียมเหล้าดีๆ ของหัวเซี่ยให้มากหน่อยนะ! ผมไม่เมาไม่เลิก!”
เย่เฉินยิ้มกล่าวว่า “คุณอิโตะวางใจ เหล้าดีมีเพียงพอแน่!”
จากนั้นเย่เฉินก็ทองไปทางซ่งหวั่นถิงอีกครั้ง แล้วเอ่ยปากกล่าวว่า “หวั่นถิง รบกวนเธอจัดหารถบัสมาที่นี่ที พาทุกคนไปส่งป๋ายจินฮ่านกงเพื่อพักผ่อนสักหน่อย”
ซ่งหวั่นถิงตอบรับทันที กล่าวด้วยเสียงอ่อนนุ่มว่า “อาจารย์เย่วางใจ หวั่นถิงจะเตรียมการให้ทุกคนอย่างดี”
“ดี” เย่เฉินประสานมือคำนับไปทางกลุ่มคนอีกครั้ง พร้อมกล่าวว่า “ทุกท่าน อีกเดี๋ยวจะเป็นงานไหว้บรรพบุรุษของตระกูลเย่ ขอรบกวนทุกท่านไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน พอหลังงานไหว้บรรพบุรุษเสร็จสิ้นแล้ว ผมจะไปที่นั่นทันที!