โอมาน ราโมวิชซึ่งนั่งถัดจากเฮเลน่า กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “คุณเย่ สัญญาการอภิเษกสมรสนั้นเป็นเพียงสัญญาฉบับหนึ่งเท่านั้น คุณสามารถเลือกที่จะปฏิบัติตามสัญญา และแน่นอนว่าคุณยังสามารถเลือกที่จะไม่ปฏิบัติตามสัญญาก็ได้ ถ้าหากก่อนหน้านั้นทั้งสองฝ่ายกำหนดเงื่อนไขการละเมิดสัญญาไว้ ฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาก็ชดใช้ค่าเสียหายตามเงื่อนไข! และถ้าหากไม่ได้ละเมิดสัญญา ก็มีอิสระที่จะตัดสินใจ ทุกคนล้วนเป็นอารยชน ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องพูดข่มขู่เช่นนี้?”

เย่เฉินขมวดคิ้วและถามว่า “ผมขอถามว่าคุณเป็นใคร? คุณมีสิทธิ์มาพูดอยู่ที่นี่หรือ?”

โอมาน ราโมวิชนึกไม่ถึงว่าเด็กกะโปโลอย่างเย่เฉิน กล้าที่จะทำให้เขาอับอายขายหน้าต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้!

ดูแล้วเย่เฉินน่าจะอายุประมาณยี่สิบกว่า แต่โอมาน ราโมวิชนั้นอายุห้าสิบกว่าแล้ว ซึ่งแก่กว่าเย่เฉินเกือบยี่สิบปี ถูกเย่เฉินทำให้เขาอับอายขายหน้าขนาดนี้ ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถทนได้

ดังนั้น เขาจึงลุกขึ้นยืนทันที ตบโต๊ะและด่าด้วยความโมโหว่า “คนแซ่เย่! คุณรู้ไหมว่าที่นี่คือยุโรป? หรือคุณคิดว่าที่นี่คือหัวเซี่ย? อาศัยเรื่องที่คุณเสียมารยาทต่อผมเมื่อสักครู่ คุณเชื่อหรือไม่ว่าผมสามารถทำให้คุณตายในยุโรปได้?”

เมื่อเห็นโอมาน ราโมวิชกัดฟัน เย่เฉินไม่พูดอะไร แต่ก้าวเดินไปข้างหน้าทันที แล้วคว้าคอปกเสื้อของเขาเอาไว้ แล้วใช้มือตบไปที่หน้าของเขาอย่างแรง จากนั้นผลักเขาไปข้างหลัง ปล่อยให้เขาล้มหงายหลังบนพื้น

ทุกคนรู้สึกตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

ไม่มีใครคิดว่าเย่เฉินจะทำเช่นนั้น!

ริชาร์ดในฐานะเจ้าภาพก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

และโอมาน ราโมวิชก็นึกไม่ถึงว่าเย่เฉินจะกล้าลงมือทำร้ายตนเอง การตบครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกมึนงง และล้มหงายหลัง ทำให้กระดูกทั่วร่างกายเคลื่อนที่ เขาอยากจะด่าแต่เนื่องจากเจ็บร้าวไปทั่วร่างกาย จนทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นชนชั้นสูงของยุโรป หลักการของพวกเขาคือกูสามารถฆ่าคนทั้งตระกูลของเขาลับหลังได้ แต่ต่อหน้าแล้วต้องแสดงสุภาพ และต้องมีมาดของคนชนชั้นสูง

แต่ใครจะคิดว่าเย่เฉินจะหยาบคายขนาดนี้ เดินเข้ามาไม่พูดอะไรก็ตบหน้าทันที และเพียงชั่วครู่ก็ทำให้โอมาน ราโมวิชลงล้มบนพื้น

ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง เย่เฉินย้ายเก้าอี้ไปนั่งตรงตำแหน่งที่โอมาน ราโมวิชนั่งก่อนหน้านั้น และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เป็นแค่ราชวงศ์ยุโรปเหนือ และอีกคนเป็นแค่ผู้ทรงอิทธิพลชาวรัสเซีย ที่มีทรัพย์สินเพียงแค่สองหมื่นล้านสหรัฐ ก็คิดว่าตระกูลเย่ของผมนั้นอ่อนแอใช่ไหม? ทรัพย์สินของพวกคุณสองคนรวมกันแล้วยังไม่เท่าหนึ่งในสิบของตระกูลเย่!”

หลังจากกล่าวจบ เย่เฉินหันศีรษะและเหลือบมองโอมาน ราโมวิชแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมรู้ว่าคุณมีอิทธิพลในรัสเซีย และสามารถขอแหล่งทรัพยากรพิเศษบางอย่างได้ แต่ผมสามารถบอกคุณได้อย่างชัดเจนว่าความสามารถของคุณแค่นั้น สำหรับผมแล้วไม่สามารถนับเป็นอะไรได้ ถ้ารู้จักเอาตัวรอดก็ย้ายเก้าอี้ออกไปนั่งไกล ๆ มิเช่นนั้น ผมมีวิธีที่จะทำให้คุณตายทั้งเป็น”

โอมาน ราโมวิชรู้สึกหวาดกลัวกับความโหดเหี้ยมของเย่เฉิน แต่ชั่วขณะหนึ่งเขาไม่ยินยอมที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากขนาดนี้

ขณะนี้ เจ้าชายริชาร์ดกำลังคิดไตร่ตรอง“ ทำไมคนแซ่เย่คนนี้ถึงได้ยโสโอหังขนาดนี้? ตระกูลเย่เพิ่งถูกสำนักว่านหลงจัดการไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้จักถ่อมตนเลย?”

ขณะที่เขากำลังสงสัย ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ และอุทานอยู่ในใจว่า “แย่แล้ว แย่แล้ว! เกือบลืมไปเลย! สำนักว่านหลงยึดทรัพย์สินของตระกูลเย่ไปครึ่งหนึ่ง มันต้องไม่ใช่เงินสดทั้งหมด และส่วนใหญ่ต้องเป็นหุ้นของตระกูลเย่แน่นอน! สำนักว่านหลงบริหารธุรกิจไม่เก่ง และในอนาคตยังคงต้องพึ่งพาอาศัยตระกูลเย่บริหาร?”

“ถ้าเป็นตามที่กล่าว แม้ว่าตระกูลเย่จะสูญเสียทรัพย์สินไปครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้ตระกูลเย่กับสำนักว่านหลง สามารถถือได้ว่าพวกเขามีผลประโยชน์ร่วมกันแล้ว!”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ริชาร์ดรู้สึกตกใจกลัวเป็นอย่างมาก “มิน่าเย่เฉินถึงได้ไม่มีความกลัวเพราะถือว่ามีคนหนุนหลัง! ตอนนี้ตระกูลเย่ผูกติดกับสำนักว่านหลงแล้ว!”