บทที่ 3401 ไม่ปกปิดแล้ว หงายไพ่เลยแล้วกัน

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

ว่านพั่วจวินเป็นคนที่มีคุณธรรมน้ำมิตรมากที่สุด นี่จึงทำให้สำนักว่านหลงสามารถอยู่ได้มาจนถึงวันนี้ ทั้งยังตั้งอยู่ในจุดสำคัญที่ได้ผลประกอบการดีไม่น้อย

ตอนแรกเป็นเพราะเย่เฉินเห็นใจเขาเรื่องที่ต้องฝังศพพ่อกับแม่ เขาจึงซาบซึ้งใจในตัวเย่เฉินจนน้ำตาไหล แต่ต่อมา ได้มาเห็นพวกหน้าไม่อายอย่างสมาชิกสายรองของตระกูลเย่เหล่านี้แล้ว ในใจจึงเดือดดาลสุดขีด

และก็เพราะความเดือดดาลของเขา ทำให้เขาไม่ทันระวัง เผลอพูดคำว่า “คุณเย่” ออกมา ทั้งยังเผลอพูดออกมาถึงสองครั้ง

คราวนี้จึงทำให้สมาชิกสายรองตระกูลเย่เหล่านี้ ค่อยๆ ได้ซึมซาบรสชาติสุดพิเศษนี้ขึ้นมา

หากว่าเป็นตระกูลเย่เองที่เลิกต่อต้าน ยอมศิโรราบให้กับสำนักว่านหลงได้ในที่สุดล่ะก็ ว่านพั่วจวินจะรับเย่เฉินมาเป็นสุนัขรับใช้ นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผิดปกติอะไร

แต่จู่ๆ ว่านพั่วจวินก็เรียกเย่เฉินอย่างเคารพว่าคุณเย่ นี่ดูแล้วไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง

ทว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะประหลาดใจไปมากกว่านี้ ทหารหลายนายของสำนักว่านหลงก็พุ่งเข้าไปในฝูงชน เพื่อลากกลุ่มคนเมื่อครู่ที่คุยโวโอ้อวดเหล่านั้นทั้งหมดออกมา

ต่อมา ก็เป็นเสียงตบหน้าติดๆ กันที่ดังสนั่นไปทั่วทั้งภูเขาราวกับประทัด

นายทารกลุ่มนี้ของสำนักว่านหลงแต่ละคนล้วนเป็นนักบู๊ยอดฝีมือ กำลังมือของพวกเขา แทบจะไม่ด้อยไปกว่าหรือถึงขั้นสูงเทียบเท่าเสือโตเต็มวันตัวหนึ่ง

หากมือไม่ออมแรงไว้ เกรงว่าอาจทำให้อีกฝ่ายถึงตายได้ในฝ่ามือเดียว

แม้ว่าเย่เฉินจะไม่พอใจสมาชิกสายรองของตระกูลเย่กลุ่มนี้มากนัก แต่ก็ยังไม่เคยคิดที่จะเอาชีวิตของพวกเขา

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเอ่ยปากห้ามไว้ว่า “พอแล้ว ไม่ต้องตีแล้ว”

เย่เฉินเพียงเอ่ยขึ้นเรียบๆ ไม่กี่ประโยค พวกทหารของสำนักว่านหลงเหล่านั้นแต่ละคนก็หยุดมือทันที

ฉากนี้ ทำให้สมาชิกตระกูลย่อยของตระกูลเย่กลุ่มนี้แปลกใจเป็นอย่างยิ่ง

หากบอกว่าเมื่อกี้ว่านพั่วจวินเรียกเย่เฉินว่า “คุณเย่” ออกมาอย่างเคารพนบนอบ ทำให้พวกเขาคิดไม่ตกอยู่บ้าง อย่างนั้นทหารของสำนักว่านหลงเหล่านี้ ถึงกับแสดงออกว่าเชื่อฟังคำพูดของเย่เฉิน ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาดวงตาเบิกกว้างแล้ว

สมาชิกแทบทุกคนในตระกูลย่อยต่างกำลังถามคำถามที่กำลังตีกันอยู่ในส่วนลึกภายในจิตใจว่า: ว่านพั่วจวินรวมถึงทหารของสำนักว่านหลง ทำไมถึงเคารพเย่เฉินถึงขนาดนี้?

หรือเป็นเพราะตระกูลเย่เอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งมอบให้สำนักว่านหลงใช่ไหม?

นี่ดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเกินไป

แต่ไรมาไม่เคยได้ยินว่าผู้รุกรานคนไหน หลังรุกรานจนสำเร็จแล้ว กลับมีความยำเกรงต่อผู้ถูกรุกรานมากขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว มีแต่ผู้รุกราน ที่ล้วนแต่เป็นพวกไร้ขอบเขต ไร้ความน่าเชื่อถือ

พวกเขาจะเอ่ยความต้องการขั้นแรกต่อผู้ถูกรุกรานก่อน หากผู้ถูกรุกรานทำตาม พวกเขาก็จะไม่ยอมเลิกรา มีแต่จะยิ่งเอ่ยความต้องการขั้นที่สอง ขั้นที่สามออกมาอีก จวบจนกระทั่งทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดของผู้ถูกรุกรานถูกรีดไปจนหมด

ต่อให้สำนักว่านหลงมีความน่าเชื่อถือสูงมาก หลังตระกูลเย่หยิบทรัพย์สินออกมาครึ่งหนึ่งก็พูดจริงทำจริง ไม่สร้างความยุ่งยากให้ตระกูลเย่อีก แต่ก็ไม่ถึงขั้นเคารพนอบน้อมต่อตระกูลเย่ถึงขนาดนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้น พวกเขาล้วนอยากรู้ว่า เบื้องหลังนี้ท้ายที่สุดแล้วซ่อนความลับใดที่ไม่อยากให้ใครรู้กันแน่?

เวลานี้ เย่เฉินมองเห็นคนตระกูลเย่ที่ปากอ้าตาค้าง ลำคอตีบตันเหล่านี้แล้ว ก็เอ่ยปากขึ้นว่า “เดิมทีคิดจะรอหลังจากที่พวกคุณคลานขึ้นมาบนยอดเขาแล้ว ค่อยให้พวกคุณรู้ความจริง แต่ในเมื่อพวกคุณแต่ละคนต่างรู้สึกเอะใจขึ้นมาแล้ว อย่างนั้นผมก็จะไม่ปกปิดแล้ว หงายไพ่เลยแล้วกัน”

สมาชิกตระกูลย่อยเจ็ดร้อยกว่าคน แต่ละคนตัวสั่นงันงก จับจ้องเย่เฉินอย่างไม่เคลื่อนสายตา รอคอยประโยคต่อไปของเขา

แต่ยังไม่ทันที่เย่เฉินจะพูดอะไร ว่านพั่วจวินที่อยู่ด้านข้าง ก็คุกเข่าข้างเดียวลงกับพื้นด้วยสีหน้าสะอายใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างตำหนิตัวเองอย่างมาก “เมื่อสักครู่ผมบุ่มบ่ามไปชั่วขณะ ไม่ได้ระวังปากตัวเองให้ดี หวังว่าคุณเย่จะลงโทษ!”