ใครๆ ต่างก็คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินถึงกับจะนำงานไหว้บรรพบุรุษที่12ปีมีครั้งหนึ่ง เปลี่ยนเป็นปีละครั้ง
พึงรู้ไว้ว่า แม้งานไหว้บรรพบุรุษจะมีความหมายไม่ธรรมดา แต่ก็เป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยและสิ้นเปลืองเงินทองอย่างมากเรื่องหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ สมาชิกตระกูลย่อยที่มีอายุมากหน่อยบางคนในฝูงชน จึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “เย่เฉิน……งานไหว้บรรพบุรุษที่ทุกสิบสองปีมีครั้ง เป็นกฎเกณฑ์ที่บรรพบุรุษตั้งขึ้นมา ถ้าเธอเปลี่ยนให้มีปีละครั้ง มันจะบ่อยเกินไปหรือเปล่า? ตัวฉันคิดว่าเราไปรบกวนความสงบบรรพบุรุษบ่อยครั้งเช่นนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดี! ถ้าเกิดบรรพบุรุษไม่สบายใจ นั่นเท่ากับไม่เคารพบรรพบุรุษนะ!”
เย่เฉินมองเขา พลางกล่าวเสียงเย็น “ก็เพราะว่าเมื่อก่อนสิบสองปีมีครั้งนี่แหละ ดังนั้นคนแซ่เย่อย่างพวกคุณจึงเอาบรรพบุรุษไปลืมไว้เสียไกลแสนไกล! ผู้อื่นบอกว่าจะมาขุดสุสานบรรพบุรุษของพวกคุณ พวกคุณแต่ละคนถึงกับหนีไปจากเย่นจิงกลางดึกกลางดื่น! นี่ก็คือการเคารพบรรพบุรุษของพวกคุณหรือ?!”
ชายชราผู้นั้นพลันหน้าแดงหูแดง รีบหุบปากทันที
เย่เฉินเห็นเขาไม่พูด จึงซักถามว่า “ทำไมไม่พูดแล้ว? เมื่อกี้ยังพูดฉอดๆๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
กล่าวจบ เย่เฉินก็ชี้ไปที่สุสานบรรพบุรุษตระกูลเย่ที่อยู่ด้านหลัง แล้วถามเขาเสียงเย็น “มา ต่อหน้าบรรพบุรุษ คุณลองอธิบายกับบรรพบุรุษให้ฟังหน่อย แท้จริงแล้วคุณเคารพบรรพบุรุษอย่างไรกันแน่?”
ชายชราผู้นั้นกล่าวด้วยความอับอายจนสุดจะรับได้ “ฉัน……ฉันผิดไปแล้ว……”
เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “อย่ามาพูดกับผม! เดินออกไป พูดกับบรรพบุรุษด้วยตัวเอง!”
ชายชราได้แต่เดินออกมาจากฝูงชน หันหน้าเข้าหาเนินดินสุสานร้อยกว่าแห่งของบรรพบุรุษตระกูลเย่ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างละอายใจ “บรรพบุรุษตระกูลเย่ที่อยู่เบื้องบน หลานอกตัญญูเย่เหว่ยหมิงผิดไปแล้ว! หวังว่าบรรพบุรุษจะให้อภัย!”
เย่เฉินแค่นเสียงเย็นชา ไม่สนใจชายชราผู้นี้อีก ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเฉียบขาดต่อสมาชิกตระกูลย่อยเจ็ดร้อยกว่าคนตรงหน้าต่อ “พวกคุณไม่ต้องการรู้สึกว่าพวกคุณเป็นสมาชิกตระกูลย่อย ผู้นำตระกูลหลักอย่างผมเอ่ยความต้องการกับพวกคุณ ก็คือการรังแกพวกคุณงั้นสิ!”
กล่าวจบ เขาก็ชี้ไปที่พวกเย่ฉางโคง เย่ฉางหยุน รวมถึงเย่เฟิง เย่เห้าที่กำลังคุกเข่าอยู่อีกด้านหนี่ง พลางกล่าวขึ้นเสียงเย็น “พวกคุณจงเบิกตามองคนเหล่านี้ที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ พวกคุณให้ดี! พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นสมาชิกสายตรงของตระกูลเย่! ที่นี้มีลุงใหญ่ อาชาย อาหญิง แล้วก็พวกลูกพี่ลูกน้องของผม พวกเขาทำผิด ยังต้องคุกเข่าให้ผมอยู่ที่นี่สามวันสามคืน!”
พอประโยคนี้พูดออกมา พวกเย่ฉางโคงสมาชิกสายตรงของตระกูลเย่ แต่ละคนต่างก้มหน้าลงด้วยความอับอาย และสมาชิกตระกูลย่อยเจ็ดร้อยกว่าคน แต่ละคนต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดเช่นเดียวกัน!
พวกเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่า จิตใจอันเด็ดเดี่ยวของเย่เฉินไม่ใช่แค่ทิ่มตำคนนอกอย่างพวกเขา
กับครอบครัวของตัวเอง เขากลับลงมืออย่างโหดเหี้ยมยิ่งกว่า!
เวลานี้เย่เฉินกล่าวคำที่ทำให้คนตกใจต่อ “อีกทั้งผมบอกพวกคุณให้ก็ได้ คนจำนวนมากในบรรดาพวกคุณ นับแต่นี้ไป จะต้องไว้ทุกข์ให้บรรพบุรุษอยู่ที่ภูเขาเย่หลิงซานเป็นเวลาสามปี!”
“ภายในเวลาสามปี ต่อให้มีดตกลงมาจากฟ้า พวกเขาก็ห้ามจากไปแม้แต่ครึ่งก้าว!”
“ต่อให้คนคนนั้นจะป่วยหนักจนต้องเข้าICU ผมก็จะเอาICUมาสร้างบนภูเขาเย่หลิงซานให้เขา!”
พอสมาชิกตระกูลย่อยกลุ่มนี้ได้ยินแบบนี้เข้า เจ้าตัวก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว เมื่อครู่ยังนึกว่าเย่เฉินให้ครอบครัวตัวเองคุกเข่าอยู่ที่นี่สามวันสามคืนก็โหดร้ายมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีที่โหดร้ายกว่านี้อีก!
เวลานี้ เย่เฉินมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ดังนั้นพวกคุณแต่ละคนจงฟังผมให้ดี นับแต่นี้ไป หากพวกคุณคนใดกล้าหักหลังตระกูลเย่ หรือทำให้ตระกูลเย่ได้รับความสูญเสีย อย่างนั้นพวกคุณไม่ว่าใคร จุดจบจะต้องอนาถกว่าพวกเขาแน่นอน!”
สมาชิกตระกูลย่อยกลุ่มนี้เห็นเช่นนี้ จึงไม่มีใครกล้าไปแตะต้องเรื่องงานไหว้บรรพบุรุษ และเอ่ยความเห็นต่อต้านใดๆ ออกมาอีก