เมื่อได้ยินว่าสมิธโอนเงินห้าล้านดอลล่าเข้าบัญชีหงห้าอย่างว่องไว เย่เฉินก็รู้ในทันทีว่าเรื่องนี้ต้องมีคนคอยผลักดันสมิธอยู่เบื้องหลังแน่ๆ

ไม่อย่างนั้นจากสภาพการณ์ของเขาในตอนนี้ ก็เป็นไปได้ยากที่จะนำเงินห้าล้านดอลล่าออกมาภายในเวลาสั้นๆแบบนี้

หงห้าเอ่ยพูดขึ้นว่า “จริงสิอาจารย์เย่ สมิธอะไรนั่นยังบอกอีกว่า ยากระเพาะเก้าเสวียนได้รับอนุมัติให้วางขายในตลาดอเมริกาแล้ว บอกว่าจะส่งหลักฐานการอนุมัติมาให้ในไม่ช้า”

เย่เฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่เหนือจากที่คิดไว้”

ขณะที่พูด เย่เฉินก็พูดกับหงห้าว่า “หงห้า พรุ่งนี้เช้านายบอกสมิธ ว่าเว่ยเลี่ยงตัดสินใจแล้วว่าจะไปเจอเขา ให้เขามาร่วมงานเลี้ยงช่วงเที่ยงที่เทียนเซียงฝู่ พอถึงตอนนั้นฉันจะไปที่งานพร้อมเว่ยเลี่ยง”

“ได้ครับ!” หงห้าเอ่ยพูดอย่างนอบน้อม “ผมจะให้คนไปเตรียมห้องส่วนตัวไว้ล่วงหน้า พรุ่งนี้จะไม่มีการต้อนรับแขกคนอื่น”

เย่เฉินออกคำสั่งว่า “นายนัดหมายเวลากับเว่ยเลี่ยงได้เลย ถ้าพรุ่งนี้ช่วงเที่ยงเขาไม่สะดวกก็เปลี่ยนเป็นช่วงเย็น ถึงยังไงพรุ่งนี้ฉันก็ว่างตั้งแต่เที่ยงถึงเย็นอยู่แล้ว”

“ได้ครับ”

……

คืนนี้ทั้งคืน สมิธแทบจะนอนไม่หลับ

สิ่งที่เขากลัวที่สุด คือเว่ยเลี่ยงไม่ยอมเอายาเกิดใหม่เก้าเสวียนมาให้อีก

ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คงไม่ใช่แค่ช่วยลูกชายไม่ได้ แม้แต่สูตรยาที่กระทรวงสาธารณสุขอยากได้ เพื่อส่งให้อินเดียผลิตต่อ ก็คงต้องคว้าน้ำเหลวทั้งหมด

แม้ว่าวิธีนี้มันจะดูขี้โกงไปหน่อย แต่เขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าถ้าหากไม่สามารถนำยาเกิดใหม่เก้าเสวียนเข้าไปในอเมริกาได้อย่างราบรื่น วิธีนี้ถึงจะถือว่าเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกาและลูกของเขา

เพราะว่าเมื่อใดที่แกะสูตรยาสำเร็จ นั่นก็หมายความว่า ลูกชายของเขาจะมีโอกาสทานยาชนิดนี้ได้ในระยะยาว

ถึงแม้กระทรวงสาธารณสุขจะใช้อินเดียเป็นทางผ่านเรื่องกรรมสิทธิ์ แต่อย่างน้อยลูกของเขาก็ยังได้รับการช่วยเหลือ

แต่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ มันขึ้นอยู่กับว่าเว่ยเลี่ยงจะยินยอมมอบยาเกิดใหม่เก้าเสวียนให้เขาไหมก็เท่านั้น ถ้าหากเว่ยเลี่ยงปิดช่องทางทุกอย่าง งั้นก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว

สมิธทานข้าวเช้าด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จากนั้นก็ได้รับสายโทรศัพท์จากหงห้า ทันทีที่กดรับ หงห้าก็บอกเขาว่า “คุณสมิธ ผมนัดหมายกับประธานเว่ยเสร็จแล้วนะครับ เขาว่างช่วงเที่ยง คุณไม่ติดปัญหาอะไรใช่ไหม?”

สมิธเอ่ยพูดอย่างดีใจแทบบ้า “ผมไม่มีปัญหา!ตอนไหนได้หมด!”

“ครับ” หงห้าพูดขึ้นมาอีกว่า “งั้นเวลา12นาฬิกาคุณมารอที่หน้าโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงได้เลยนะครับ ผมจะส่งลูกน้องคนเมื่อวานไปรับคุณเหมือนเดิม”

สมิธตื่นเต้นเป็นที่สุด รีบตอบกลับว่า “ขอบคุณครับคุณหง!”

เวลา11.45 ในตอนที่เย่เฉินมาถึงเทียนเซียงฝู่ หงห้ากับเว่ยเลี่ยงก็มารอเขาอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว

เมื่อได้รับเงินสองล้านห้าที่หงห้าโอนมาให้ เว่ยเลี่ยงก็ขอบคุณเย่เฉินยกใหญ่ เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็รีบลุกขึ้น เอ่ยพูดอย่างนอบน้อมว่า “อาจารย์เย่ เงินที่คุณให้ท่านห้าโอนให้ผม เอาจริงๆผมไม่กล้ารับมันเอาไว้เลย…..”

เย่เฉินโบกมือ เอ่ยพูดอย่างราบเรียบว่า “ถือซะว่าเป็นค่าเหนื่อย สมควรรับไว้ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เงินฉันด้วย”

เย่เฉินหันไปถามหงห้าว่า “ส่งคนไปรับสมิธแล้วหรือยัง?”

“เรียบร้อยครับ” หงห้ารีบพูดขึ้นมา “นัดเวลาเขาแล้วว่าเจอกันตอน12นาฬิกา คาดว่าน่าจะมาถึงตอนเที่ยงพอดีนะครับ”

เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยพูดกับเว่ยเลี่ยงว่า “อีกสักพักถ้าสมิธมาถึง นายบอกเขาว่าฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ เรื่องรายละเอียดต่างๆให้เขามาคุยกับฉัน”

เว่ยเลี่ยงพยักหน้าอย่างนอบน้อม “ได้ครับอาจารย์เย่!”

เย่เฉินพูดยิ้มๆว่า “ถ้าถึงเวลานัดแล้วอย่าเรียกฉันว่าอาจารย์เย่ล่ะ เรียกฉันว่าผู้จัดการเย่แทน ทางที่ดีหัดเรียกให้ชินปากตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้นะ”

เว่ยเลี่ยงเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ได้ครับอาจารย์เย่!ไม่สิ ผู้จัดการเย่!