“อรุณสวัสดิ์” 

 

“อรุณสวัสดิ์จ้า” 

 

วันนี้เป็นวันศุกร์ 

 

ขณะที่ทุกคนกำลังทักทายกันและกัน ผมก็มานอนฟุบลงที่โต๊ะ 

 

ผมต้องแบ่งเวลาให้กับการเรียนและงาน ทำให้ผมเหนื่อยสุดๆในช่วงสุดสัปดาห์ 

 

เย็นนี้เองก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน วันนี้ผมจึงจะประหยัดพลังงานตัวเองเอาไว้ 

 

“โย่ว! อรุณสวัสดิ์ทาคุยะ! เป็นอะไรไปเนี่ย? นายจะนอนตายตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?” 

 

“…..หุบปากน่า ฉันก็ต้องเก็บแรงไว้สำหรับงานวันนี้” 

 

คนที่ทักทายผมคือยามาโมโตะ ทาคายูกิซึ่งผมรู้จักเขามานานมากแล้ว 

 

ทาคายูกิเป็นคนที่สูงและหุ่นดี เขาทั้งหล่อเหลาและเก่งด้านกีฬา จนเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากทีมบาสเกตบอล 

 

ทาคายูกิซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆซึ่งดูจะเป็นขั้วตรงข้ามกับผม แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ดีและอยู่กับผมมาตั้งแต่ชั้นประถม 

 

ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงตกหลุมรักไปแล้ว! เขาเป็นคนดีสุดๆเลยในความคิดของผม 

 

“…..นี่นายคิดอะไรแปลกๆอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย? อย่าปล่อยให้เวลาอันแสนล้ำค่านี้สูญเปล่าสิ ทำตัวให้มันสดใสหน่อย” 

 

ทาคายูกิหัวเราะออกมาและตบหลังผมก่อนที่จะเดินไปยังที่นั่งของเขา พร้อมกับทักทายคนอื่นๆไปด้วย 

 

ผมตัดสินใจที่จะนอนต่อ แต่ว่าจู่ๆบรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไป จนแม้แต่ผมที่หลับอยู่ยังรู้สึกได้ 

 

ผมรู้สาเหตุได้โดยที่ไม่ต้องมองด้วยซ้ำ 

 

มันเป็นเพราะว่าซาเองุสะซังได้มาถึงแล้วอย่างแน่นอน 

 

แต่ผมก็ไม่ได้สนใจและนอนเอาแรงไว้สำหรับทำงานต่อไป 

 

ซาเองุสะซังที่ดูลึกลับซึ่งโผล่หน้ามาที่ๆผมทำงานอยู่บ่อยๆ ก็น่าจะเป็นเพราะว่าเธออาศัยอยู่แถวๆนั้น ผมสามารถได้ยินเธอทักทายคนอื่นอย่างที่เธอทำเป็นประจำ 

 

แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าทำไมซาเองุสะซังถึงทำตัวน่าสงสัยที่ร้านสะดวกซื้ออยู่ตลอด 

 

ตั้งแต่ผมทำงานที่นั่นผมก็เห็นหน้าเธออยู่ตลอด เธอทำตัวแปลกๆและน่าสงสัยแบบที่ทำเมื่อวาน 

 

แต่ซาเองุสะซังดูจะคิดว่าเธอปลอมตัวดีแล้วและผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ด้วย 

 

ถ้าใครมีคนมาบอกว่ารู้อยู่แล้วว่าตัวเองชอบทำตัวแปลกๆ เป็นผมก็คงอายจนอยากจะคลานลงหลุมเลยล่ะ 

 

ผมมั่นใจว่าต่อให้ผมบอกเรื่องนิสัยแปลกๆของซาเองุสะซังไปก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก 

 

 

“เอาล่ะ ทุกคนคงจะคุ้นกับเพื่อนๆบ้างแล้วสินะ งั้นเรามาเปลี่ยนที่นั่งกันเถอะ…..” 

 

เช้านี้อาจารย์โฮมรูมบอกให้พวกเราเปลี่ยนที่นั่งกัน 

 

เหล่านักเรียนต่างดีใจและเศร้ากับเรื่องนี้ ซึ่งก็เดาไม่ยากว่าเป็นเพราะอะไร 

 

คนที่ได้นั่งใกล้ๆกับซาเองุสะซังมีสีหน้าที่สิ้นหวัง ส่วนคนที่อยู่ห่างจากเธอก็ทำหน้ามีความสุข 

 

ผมนั่งอยู่แถวแรกที่ติดกับหน้าต่างซึ่งเรียงตามเลขที่ 

 

ผมชอบที่ตรงนี้มากเพราะว่ามันมีแสงแดดส่องเข้ามาด้วยทำให้ผมมองกระดานได้ชัดๆ แต่ว่าผมคงต้องบอกลามันแล้วล่ะ

 

ผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก จึงไม่ได้ใส่ใจการเปลี่ยนที่นั่งครั้งนี้เท่าไหร่ 

 

“โอเค อิจิโจคุงได้หมายเลข 7 คนต่อไปเป็นอุเอดะซัง” 

 

ผมได้ที่นั่งตามหมายเลขที่จับออกมา 

 

ชั้นเรียนของผมมีนักเรียนทั้งหมด 40 คนต่อหนึ่งห้อง เพราะงั้นจึงมีสี่แถวสำหรับนักเรียนเจ็ดคนและสองแถวสำหรับนักเรียนหกคน หมายเลขที่นั่งนั้นเริ่มนับจากแถวด้านข้างหน้าต่าง 

 

นับว่าผมโชคดีมากที่ได้นั่งอยู่มุมห้องแม้ว่าจะอยู่ห่างจากกระดานก็ตาม 

 

แต่เมื่อผมได้ที่นั่งแล้ว ผมก็ได้ยินเสียงซาเองุสะซังที่นั่งเฉียงๆอยู่ด้านหลังผม พึมพำอะสักอย่างเหมือนกำลังสวดมนต์อยู่ “หก….สี่….สิบ….สี่” 

 

ซาเองุสะซัง? นี่ไม่ใช่ที่ร้านสะดวกซื้อนะครับ หยุดทำตัวแปลกๆได้แล้ว ผมกล่าวเตือนเธอในใจ 

 

“โอเค คนต่อไปซาเองุสะซัง” 

 

“ค่ะ!” 

 

เมื่อถูกเรียกคุณซาเองุซะก็ลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น จากนั้นก็เดินไปที่โพเดี้ยมหน้าห้องและหยับสลากออกมา 

 

ก่อนจะค่อยๆคือสลากออกด้วยท่าทางสั่นๆราวกับลุ้นว่าสอบผ่านหรือเปล่า 

 

ทุกคนในห้องจ้องมองเธออย่างลุ้นระทึก 

 

ไม่ใช่แค่ในห้องเท่านั้น แต่ในโรงเรียนหรือแม้แต่ในประเทศ ที่นั่งใหม่ของไอดอลชื่อดังกำลังจะถูดตัดสิน ในตอนนี้ในห้องเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ 

 

“ไม่จริงน่า…..เรื่องจริงเหรอเนี่ย…?” 

 

ซาเองุสะซังที่ได้เห็นผลการจับสลากเอามือป้องปากอย่างสั่นๆ 

 

อะไร? เกิดอะไรขึ้น? 

 

อาจารย์ดูสลากของเธอและเขียนมันบนกระดาน 

 

“หมายเลขของคุณซาเองุสะก็คือ 14 คนต่อไปชิมิซุคุง” 

 

ซาเองุสะซังที่ยังคงตัวสั่นเดินกลับมาที่นั่งของเธอ 

 

ทุกคนต่างไม่รู้เลยว่าทำไมซาเองุสะซังถึงได้ทำตัวแบบนั้นแต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรทั้งนั้น เนื่องจากตอนนี้ที่นั่งของเธอได้ถูกตัดสินแล้ว ทำให้ความตื่นเต้นในห้องเพิ่มมากขึ้นไปอีก โดยหวังว่าตนจะได้นั่งใกล้กับเธอ 

 

มันก็แค่ที่นั่งไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น…. ผมคิดกับตัวเองขณะที่จ้องมองที่นั่งใหม่ซึ่งเขียนอยู่บนกระดาน 

 

โอ้….นั่นคือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นงั้นสินะ 

 

ในที่สุดผมก็นึกได้ว่าคนที่จะนั่งข้างๆผมนั้นก็คือซาเองุสะซังนั่นเอง