หลังจากการจับสลาก ผมก็รีบยกโต๊ะมายังที่นั่งใหม่ 

 

ที่นั่งของผมเป็นที่นั่งข้างหน้าต่างซึ่งอยู่ไกลที่สุด ซึ่งผมก็เห็นว่ามันเป็นทำเลที่ดีทีเดียว 

 

ผมไม่ได้อยากจะยุ่งอะไรกับผู้คนรอบๆซาเองุสะซังสักเท่าไหร่ การที่อยู่มุมห้องแบบนี้ถือเป็นเป็นที่ๆเพอร์เฟค

 

และแล้วสิ่งที่ราวปาฏิหาริย์อีกอย่างก็ได้เกิดขึ้น 

 

ที่นั่งด้านหน้าของผมนั้นเป็นของทาคายูกิ เพื่อนที่ผมรู้จักมานาน 

 

ตัวอักษรของทาคายูกิคือตัว “ยะ” ในชื่อยามาโมโตะ เขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่ได้จับสลาก ซึ่งผมก็แปลกใจไม่น้อยที่หมายเลขหกนั้นไม่มีใครจับได้เลยจนถึงเมื่อครู่นี้

 

“ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี อย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ ฝากตัวด้วยล่ะทาคุยะ!” 

 

ทาคายูกิเดินมาที่นั่งด้านหน้าของผมด้วยสีหน้าที่มีความสุข 

 

ผมเองก็คิดเหมือนเขาจึงได้ตอบกลับไป “โอ้! ฝากตัวด้วย!” 

 

แล้วผมก็ได้ยินเสียงโต๊ะที่ถูกยกมาข้างๆ ขณะที่กำลังพูดคุยกัน ผมกับทาคายูกิหันมองตามเสียงไป ซึ่งก็คือซาเองุสะ ชิออนที่กำลังย้ายโต๊ะของเธออยู่ 

 

ผมมาเรียนได้ร่วมสองสัปดาห์แล้ว แต่การที่ไอดอลตัวจริงซึ่งผมเห็นในทีวีหลายครั้งนั้นใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนนี้และมานั่งอยู่ข้างๆ ก็ยังคงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้น 

 

“สวัสดี ฉันชื่อยามาโมโตะนะ ส่วนหมอนี่ชื่ออิจิโจ” 

 

“ฉันรู้แล้ว!” 

 

ทาคายูกิที่เข้ากันได้กับทุกคนกล่าวทักทายซาเองุสะซังตามปกติแม้ว่าเธอจะเคยเป็นไอดอลก็ตาม 

 

อย่างที่คิดทาคายูกินั้นสุดยอดจริงๆ

 

แต่ว่าใบหน้าของซาเองุสะซังขึ้นสีแดงเมื่อเธอตอบมาว่า “ฉันรู้แล้ว” 

 

แล้วไอ้การตอบว่า “ฉันรู้แล้ว” ในการแนะนำตัวนี่มันหมายความว่ายังไงเนี่ย? 

 

จากนั้นเธอก็หันหน้ามองตรงและไม่ได้หันมามองที่ผมเลย ราวกับเธอเขินอายกับการสนทนาเมื่อสักครู่ 

 

ผมรู้สึกดีนะที่เธอรู้ตัวน่ะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเธอทำไปเพื่ออะไร 

 

“จริงด้วย โทรศัพท์ฉันพังเมื่อวันก่อนน่ะ ฉันเลยต้องซื้อเครื่องใหม่ แต่ว่าฉันลืมรหัสผ่านไลม์ก็เลยต้องสมัครใหม่ นายแอดเพื่อนฉันทีสิ” 

 

“โชคร้ายจังนะนายเนี่ย” 

 

จากนั้นทาคายูกิก็เปิด QR โค้ดของบัญชีใหม่และผมก็สแกนมันเพื่อขอเป็นเพื่อน 

 

ผมรู้สึกเหมือนกับว่าซาเองุสะซังนั้นกำลังจ้องพวกเราอยู่ แต่ว่าผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ล่ะมั้ง 

 

 

“เอาล่ะ ทุกคนเปลี่ยนกระดาษคำตอบกับเพื่อนที่นั่งข้างๆแล้วตรวจคำตอบตามครูนะ” 

 

คาบของวันนี้ก็คือภาษาญี่ปุ่น 

 

อาจารย์ให้เราเปลี่ยนกระดาษคำตอบกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆและตรวจให้เขา เมื่อพวกเราทำแบบทดสอบเสร็จตอนช่วงท้ายของคาบ 

 

ผมจึงต้องแลกกระดาษกับซาเองุสะซัง 

 

เธอยื่นกระดาษของเธอมาให้กับผมด้วยท่าทางเหมือนกันตอนที่ยื่นแบงค์พันเยนให้กับผมที่ร้านสะดวกซื้อ ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ ผมรับกระดาษของเธอมาและยื่นของผมให้กับเธอ 

 

ลายมือของซาเองุสะซังนั้นสวยมากๆ 

 

ผมทึ่งไปเลยที่คนสวยแบบนั้นมีลายมือที่สวยมากเช่นเดียวกัน 

 

ผมใช้ปากกาแดงตรวจคำตอบตามที่อาจารย์เฉลย 

 

ขณะที่กำลังตรวจ ผมก็รู้ตัวว่าผมทำข้อนี้ผิด 

 

ผมมองไปที่ซาเองุสะซังที่กำลังตรวจกระดาษของผมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม 

 

ผมล่ะสงสัยจริงๆว่าการตรวจมันมีอะไรที่น่าสนุกกัน แต่ผมก็เก็ยความสงสัยไว้และหันมาตรวจต่อไป 

 

ซึ่งซาเองุสะซังนั้นได้คะแนนเต็ม 

 

ส่วนผมทำผิดไปสามข้อจึงได้ 70 คะแนน 

 

ผมไม่อยากละเลยการเรียนเพราะว่าผมต้องทำงานด้วย ผมจึงรู้สึกเซ็งกับคะแนนที่ได้ 

 

ผมรู้ตัวว่าผมทำงานหนัก ทำให้ผมมีเวลาให้กับการเรียนที่น้อยลง 

 

อย่างไรก็ตาม ผมต้องตรวจดูว่าผมนั้นได้พลาดตรงไหนไป 

 

ผมมองกระดาษคำตอบที่ได้กลับมาจากซาเองุสะซังและมองดูข้อที่ผมทำผิด แล้วผมก็เห็นสิ่งเล็กๆที่ถูกเขียนไว้ด้วยปากกาสีแดงถัดจากคำถามของผม 

 

“shion-s.1012” 

 

…..เอิ่ม? นี่มันอะไรเนี่ย? 

 

ชิออนคือชื่อของคุณซาเองุสะสินะ? แล้วไอ้ข้างหลังมันคืออะไร? 

 

หรือว่าเธอจะชอบเขียนอะไรแปลกๆลงบนกระดาษของคนอื่น? 

 

เป็นอีกครั้งที่ผมต้องงงงวยกับการกระทำอันแสนลึกลับของซาเองุสะซัง 

 

ผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง เมื่อผมลองหันไปมองเธอก็พบว่าเธอมองตรงไปด้านหน้าด้วยสีหน้าแข็งทื่อและหูของเธอก็กลายเป็นสีแดง 

 

พอสักทีเถอะ….. ผมรีบเก็บกระดาษคำตอบลงไปในกระเป๋า โดยที่ยังไม่ได้ตรวจมันเลยด้วยซ้ำ 

 

ซาเองุสะที่กรอกตามามองผมนั้นมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและความเศร้า เป็นอีกครั้งที่เธอทำท่าทางที่ยากจะเข้าใจ