ตอนที่ 2 หน่วยมังกรซ่อนกาย
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” หลินหนานถามย้ำอีกครั้ง เพราะคิดว่าตนเองอาจจะฟังผิดไป
“นายกับฉัน.. นับจากนี้พวกเราสองคนขาดกัน และไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก!”
เย่จิงเฉิงไม่สนใจว่าหลินหนานจะตอบกลับมาเช่นไร หลังจากพูดจบ เธอก็เดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าเย็นชา
“ไอ้คนหลอกลวงต้มตุ๋น คราวนี้แกตายแน่!”
เย่เข่อเอ๋อกรอกตามองบนพร้อมกับกร่นด่าหลินหนาน ก่อนจะรีบวิ่งตามพี่สาวออกไปทันที “พี่ใหญ่รอฉันด้วย!!”
“นี่!! อย่าเพิ่งไป ฟังผมอธิบายก่อน..” หลินหนานลุกขึ้นยืน และพยายามที่จะวิ่งตามไปอธิบาย
แต่แล้วจู่ๆ ใบหน้าของหลินหนานก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด พร้อมกับมีเหงื่อไหลออกมาเต็มใบหน้าไปหมด
เขารู้สึกเจ็บปวดที่ท้องน้อยขึ้นมาอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ราวกับว่าภายในมีพายุลูกใหญ่ก่อตัวขึ้น และใครก็ยากที่จะทานทนได้ไหว
“เห้ย!! ทำไมต้องมาเป็นตอนนี้ด้วยวะ?”
หลินหนานไม่รู้ว่าตนเองควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี เขาเปลี่ยนใจและไม่คิดที่จะตามเย่จิงเฉิงออกไปอีก แต่กลับเอื้อมที่สั่นเทิ้มนั้นไปคว้าเสื้อผ้าของตัวเองแทน
เขาหยิบกล่องใส่บุหรี่ในกระเป๋าเสื้อออกมา และรีบเปิดฝากล่องออก แล้วหยิบห่อผ้าเล็กๆที่อยู่ภายในออกมา
หลงเฉินจัดการแกะห่อผ้าเล็กๆนั้นออก เผยให้เห็นเข็มเงินเก้าเล่มซึ่งมีขนาดความยาวที่แตกต่างกันไป เขาหยิบเอาเข็มที่ยาวที่สุดสองเล่มออกมา จากนั้นจึงสูดลมหายใจลึก ก่อนจะแทงเข็มทั้งสองเล่มลงบนศรีษะของตนเอง
จุดเฟิงฉือกับจุดไป๋หุ้ย!
นี่เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
จุดที่หลงเฉินแทงเข็มสองเล่มลงไปนั้น ความจริงก็คือจุดตายบนร่างกายของมนุษย์!
“อ๊าก!!!” หลินหนานร้องคำรามออกมาเสียงดัง
เส้นเลือดที่ลำคอของเขาปูดโปนขึ้นมา ราวกับรากไม้มากมายที่พร้อมจะแทงทะลุออกมาได้ทุกเมื่อ
ดวงตาของหลินหนานแดงก่ำ และลูกนัยน์ตาของเขาก็สั่นระริก ภายในแววตาที่เจ็บปวดอย่างยิ่งนั้น แฝงไว้ด้วยร่องรอยของความเย็นชาปรากฏขึ้นด้วย
แววตาคู่นั้นช่างดูราวกับปีศาจในยุคโบราณกาล!
โหดเหี้ยมและไร้ซึ่งความปราณี!
ในเวลาเดียวกัน กลุ่มควันสีขาวแปลกประหลาด ก็ได้พวยพุ่งออกมา และห่อหุ้มร่างของหลงเฉินไว้อย่างมิดชิด
……
ด้านนอกโรงแรม..
เย่เข่อเอ๋อพยายามวิ่งไล่ตามเย่จิงเฉิงไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่.. คราวนี้หลักฐานหนักแน่นยิ่งกว่าขุนเขา รอให้พ่อกลับมาเมื่อไหร่ พวกเราค่อยเอาหลักฐานพวกนี้ไปให้พ่อดู ครั้งนี้พ่อคงปกป้องหลินหนานไม่ได้อีกแล้วล่ะ!” เย่เข่อเอ๋อบอกกับพี่สาวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
“พี่หวังว่าหมอนั่นจะรู้ตัว และยอมเซ็นต์ใบหย่าแต่โดยดี! ไม่อย่างนั้น เรื่องนี้คงต้องย้อนกลับมาฉีกหน้าพวกเราเอง ถึงตอนนั้นทุกคนคงต้องขายหน้ามาก” เย่จิงเฉิงตอบกลับอย่างชัดเจน
เย่จิงเฉิงไม่สามารถทนอยู่กับคนอารมณ์เช่นนั้นได้แน่ ถึงเวลาที่การแต่งงานจะต้องจบลงเสียที!
“พี่ใหญ่คะ.. นี่พี่จะปล่อยไอ้ขยะนั่นไปง่ายๆแบบนี้เหรอ? แบบนี้มันก็สบายเกินไปน่ะสิ!” เย่เข่อเอ๋อถามกลับไปทันที
“พี่จะให้เงินก้อนหนึ่งเป็นค่าชดเชยกับเขา มันมากพอที่เขาจะใช้ชีวิตไปได้อย่างสบายจนตายเลยล่ะ” เย่จิงเฉิงขมวดคิ้วพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ทำไมต้องให้เงินเขาด้วย? หมอนั่นเกาะครอบครัวเรามาตั้งสองปีแล้วนะ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าเสื้อผ้า หรือค่าอะไรอื่นๆ เขาก็ไม่เคยต้องออกแม้แต่หยวนเดียว พวกเราดูแลเขามาอย่างดีโดยตลอด!”
เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ครั้งนี้หมอนั่นถึงกับแอบทำเรื่องเลวๆลับหลังพี่แบบนี้ พี่ควรเฉดหัวไอ้ขยะเอาแต่ได้นั่นออกไปโดยไม่ต้องให้อะไรมันด้วยซ้ำ”
เย่จิงเฉิงไม่ตอบอะไร แต่หันไปมองเข่อเอ๋อด้วยสีหน้าสงบนิ่ง..
เย่เข่เอ๋อจ้องมองสายตาของพี่สาวด้วยความหวาดกลัว เธอรีบยกมือขึ้นจับใบหูของตนเองโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับร้องถามเสียงหลง
“พี่ใหญ่.. พี่มองฉันแบบนี้ทำไม? ฉันทำอะไรผิดเหรอ?”
“เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้.. เป็นแผนการของเธอใช่มั๊ยเข่อเอ๋อ?” เย่จิงเฉิงเอ่ยถามเสียงเรียบ
“พี่ใหญ่.. นี่พี่พูดเรื่องอะไรกัน? ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย!” เย่เข่อเอ๋อร้องถามด้วยแววตาตื่นตระหนก มือทั้งสองกำชายเสื้อไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
“เลิกโกหกพี่ได้แล้ว ตั้งแต่เด็กจนโต เวลาที่เธอพูดโกหกมือของเธอก็จะกำชายเสื้อแน่นแบบนี้ตลอด..”
น้ำเสียงของเย่จิงเฉิงเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ คล้ายกับว่ากำลังพูดสิ่งที่เป็นความจริงอยู่เท่านั้น
ดวงตาใสเป็นประกายของเธอที่จ้องมองมานั้น ราวกับจะบอกว่าเธอมองเห็นทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง
เย่เข่อเอ๋ออึกอักอยู่นาน ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า แล้วพูดออกไปว่า “ค่ะพี่ใหญ่! ทั้งหมดเป็นแผนของฉันเอง!’
“แต่พี่ใหญ่คะ ฉันทนเห็นพี่อยู่โดยไม่มีความสุขไม่ได้นี่นา พ่อก็หัวโบราณเกินไป นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ยังจะคลุมถุงชนอีก แล้วยังไม่ยอมถามความเห็นของพี่ก่อนด้วย!”
แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเย่จิงเฉิงเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เย่เข่อเอ๋อก็รีบหุบปากทันที หลังจากนั่งนิ่งไปครู่ใหญ่ ในที่สุดเธอก็เอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“พี่ใหญ่คะ พี่โกรธฉันมั๊ยที่ทำแบบนี้?”
เย่จิงเฉิงส่ายหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า “ไม่! พี่รู้ว่าเธอทำเพื่อพี่!”
เย่เข่อเอ๋อยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเอง พร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วจึงพูดยิ้มๆ “เฮ้อ.. โล่งอกไปที ฉันกลัวแทบตายว่า ถ้าพี่รู้ความจริงเข้าจะโกรธจนไม่พูดกับฉัน ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ฉันลงทุนลงแรงไปคงเสียเปล่า.. นี่พี่ใหญ่.. จะว่าไปเสี่ยวหยานก็แสดงได้สมจริงสมจังมาเลยเนอะ..”
“ใครคือเสี่ยวหยาน?”
“ก็ผู้หญิงที่ไปหลอกหลินหนานยังไงล่ะ เธอเป็นเพื่อนฉันเอง!” เย่เข่อเอ๋อร้องบอกด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
“แล้วเพื่อนของเธอ..” เย่จิงเฉิงถามขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางลังเล
“เรื่องนั้นพี่ไม่ต้องห่วง เธอทำเพราะเงินเท่านั้น เธอไม่สนใจคนขี้ขลาดอย่างหลินหนานแน่” เย่เข่อเอ๋อหัวเราะคิกคัก
“’งั้นก็ดี!”
เย่จิงเฉิงหันมองไปทางโรงแรมพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะพูดออกมาว่า “ดูเหมือนหมอนั่นคงจะรู้ตัวเองดี ไม่เห็นเขาวิ่งตามพวกเราออกมาเลย”
“ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายผิดเต็มๆ จะกล้าตามพวกเราออกมาได้ยังไงล่ะ?” เย่เข่อเอ๋อตอบกลับด้วยน้ำเสียงภูมิอกภูมิใจ แผนการของเธอครั้งนี้นับได้ว่าไร้ที่ติ และคงจะมีแต่คนเฉลียวฉลาดเข้าขั้นอัจฉริยะเช่นเธอเท่านั้น ที่จะสามารถคิดแผนการแยบยลแบบนี้ออกมาได้!
“เอาล่ะ.. พี่จะต้องรีบกลับไปที่บริษัทก่อน ช่วงนี้งานยุ่งมาก ส่วนเธอก็รีบกลับไปที่มหาวิทยาลัยได้แล้ว” เย่จิงเฉิงพูดจบ ก็รีบเดินตรงไปที่จอดรถซึ่งเธอได้จอดเฟอรารี่สีแดงของตัวเองไว้
“เดี๋ยวก่อนพี่ใหญ่!!” เย่เข่อเอ๋อรีบร้องตะโกนห้าม
“มีอะไรอีกล่ะ?” เย่จิงเฉิงร้องถาม
“พี่ใหญ่.. ถ้าผู้ชายคนนั้นปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพี่ พี่จะแต่งงานกับเขาจริงๆเหรอ?” เย่เข่อเอ๋อรวบรวมความกล้าก่อนที่จะเอ่ยถามออกไป
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ใบหน้าของเย่จิงเฉิงถึงกับเปลี่ยนเป็นเย็นชาดุจน้ำแข็งขึ้นมาทันที
เขา!
เธอเฝ้ารอเขามานานหลายปี!
เขาคือคนที่เธอใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดเฝ้ารอ!
หลังจากที่สะกดอารมณ์ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านภายในกายได้แล้ว เย่จิงเฉิงจึงตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล “แต่งสิ!”
จากนั้น เธอก็เดินตรงไปที่รถเฟอรารี่ของตนเอง
เย่เข่อเอ๋อได้แต่ยืนมองรถเฟอรารี่สีแดงพุ่งผ่านหน้าไปพร้อมกับถอนหายใจ..
“ยัยพี่สาวหน้าโง่! ‘ผู้ชายคนนั้น’ ช่วยชีวิตพี่ไว้เพียงแค่ครั้งเดียว เพียงแค่นั้นมันมีค่าถึงกับทำให้พี่ตกหลุมรักเขาลึกได้ขนาดนี้เลยเหรอ? พี่ไม่เห็นแม้แต่หน้าของเขาด้วยซ้ำไป..”
……
หนึ่งชั่วโมงต่อมา.. ภายในห้อง 402
หลินหนานสูดลมหายใจเข้าลึก หมอกหนาเมื่อครู่กลั่นตัวเป็นไอน้ำ และถูกเขาดูดกลืนเข้าไปในร่าง
หลังจากนั้น กระดูกแขนขาและลำตัวของเขา ก็ได้มีเสียงดังเป๊าะแป๊ะเกิดขึ้น ก่อนจะค่อยๆเงียบสงบไป
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ลำแสงสีทองก็ได้สว่างวาบขึ้นในดวงตาทั้งคู่ของเขา
หากใครสักคนได้สังเกตอย่างละเอียด จะพบว่าภายในแววตาของหลินหนานนั้น ได้ปรากฏรังสีสังหารที่ดุดันขึ้น และนั่นสามารถทำให้ผู้คนถึงกับขนหัวลุกได้ในทันที
“เมื่อสามปีก่อน ฉันถูกคนทรยศหลอกล่อให้ตกหลุมพรางเพื่อหมายสังหารให้ตาย สมาชิกทั้งหมดของหน่วยมังกรซ่อนกายถูกสังหารตายจนหมด ส่วนตัวฉันเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เส้นลมปราณและจุดตันเถียนซึ่งเปรียบเสมือนทะเลปราณ ได้ถูกทำลายจนสิ้น ทำให้ต้องสูญสิ้นกำลังภายในทั้งหมดที่มี”
“ใครๆต่างก็คิดว่าฉันตายไปแล้วสินะ! แต่เป็นเพราะร่างไร้วิญญาณของเหล่าพี่น้อง ทำให้ฉันสามรถรอดชีวิตมาได้!”
“ในที่สุด วันนี้ฉันก็สามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณ และจุดตันเถียนซึ่งเป็นทะเลลมปราณของตัวเองได้สำเร็จแล้ว!”
หลินหนานเอ่ยเรียกชื่อพี่น้องทั้งแปดคนในหน่วยของเขาทีละคนด้วยดวงตาที่เปียกชื้น..
พี่น้องทั้งแปดคนนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกน้องในทีม แต่ทั้งหมดเป็นกำลังสำคัญของหน่วยมังกรซ่อนกาย อีกทั้งยังเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของเขาด้วย!
“ฉันสาบานว่าจะแก้แค้นให้กับพวกนายทุกคน ขอให้พวกนายจงไปสู่สุขติภูมิ!”
คำพูดทุกคำที่หลินหนานเอ่ยออกมานั้น เสมือนสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจ เขานั่งกำหมัดแน่นและกัดฟันกรอด สายตาจับจ้องอยู่ที่หนังสือหย่าร้างที่วางอยู่ หลินหนานพยายามสะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนี้ให้สงบนิ่ง
ใช่แล้ว.. เวลานี้เขาคือลูกเขย!!
นี่เป็นฐานะที่เขาใช้ปิดบังตัวเองในระหว่างที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ แต่ก็เป็นฐานะที่เขาเองก็มิได้ประทับใจเท่าไหร่นัก!
นั่นเพราะภรรยาสาวสวยผู้แสนเย็นชาของเขานั้น เขายังไม่เคยแม้แต่จะได้แตะต้องสัมผัส อย่าว่าแต่จูบเลย แม้แต่มือเขาก็ยังไม่เคยได้จับ!
แต่หลินหนานก็ไม่ได้สนใจใยดีนัก เพราะเขาเองก็เพียงแค่ต้องการฐานะนี้ในการปกปิดตัวเองเท่านั้น! เมื่อใดที่ครบกำหนดสามปีตามสัญญา เขาก็จะออกไปจากตระกูลเย่ทันที!
แต่ก็คิดไม่ถึงว่า สองสาวพี่น้องตระกูลเย่ กลับเป็นฝ่ายเริ่มที่จะยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ก่อน..
“ถ้าต้องวางแผนถึงขนาดนี้ คงจะมีอะไรมากกว่าการหย่าร้างแน่!”
ระหว่างที่หลินหนานกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นั้น เขาก็ได้ฉีกหนังสือหย่าร้างออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที จากนั้นรอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏขั้นบนใบหน้าของเขา ก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบา
“ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า สองพี่น้องยังมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีก!”