ตอนที่ 3 เดินเล่นกับพี่ชาย
หลังจากจากอาบน้ำแต่งตัวแล้ว หลินหนานก็ได้ทำการเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมไป
เขาเดินไปที่ท่ารถ และนั่งรถประจำทางหมายเลข 26
แต่หลงเฉินไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ในหมู่บ้านหมิงเหมินซึ่งเย่จิงเฉิงอาศัยอยู่ เขาไปยังเส้นทางที่อยู่ตรงกันข้าม
หลังจากที่รถประจำทางแล่นออกไปได้ไม่กี่ป้าย หลินหนานก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา
ตอนที่เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงยี่สิบแปดนาที
“ป้ายหน้าเป็นโรงเรียนมัธยมปลายหนานปู้แล้ว ใครที่จะลงก็เตรียมตัวได้เลย”
หลังจากรถประจำทางจอดที่ป้าย ผู้โดยสารก็พากันเดินลงทางประตูหลัง ส่วนที่ขึ้นมาใหม่ก็ขึ้นทางประตูหน้า
ดวงตาของหลินหนานจับจ้องอยู่ที่ประตูด้านหน้าไม่กระพริบ จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง สายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับร่างงดงามของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่กำลังก้าวขึ้นมาบนรถ
เธอเป็นเด็กสาวอายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี เรือนร่างสูงโปร่ง ผมยาวถูกรวบไว้เป็นหางม้า ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต คิ้วทั้งสองข้างโก่งดั่งคันศร โดยรวมแล้วเธอมีใบหน้างดงามในแบบของหญิงสาวชาวตะวันออกนั่นเอง
ด้วยความที่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ผิวพรรณและใบหน้าของเธอจึงเปล่งปลั่งราวกับมีคอลลาเจนอัดอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าใครที่ได้พบเห็นเด็กสาวคนนี้ ก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอเป็นเด็กสาวที่สวยมากทีเดียว
เธออยู่ในชุดนักเรียนสีขาว ด้านหลังแบกกระเป๋านักเรียนไว้ และสวมรองเท้าผ้าใบที่มีรอยปะอยู่หลายแห่ง ซึ่งสิ่งนี้สามารถบ่งบอกฐานะทางครอบครัวของเด็กสาวได้เป็นอย่างดี
เมื่อขึ้นไปบนรถ เธอก็เดินเข้าไปด้านในและยืนบิดไปมา ภายในรถค่อนข้างอัดแน่นไปด้วยนักเรียน และไม่มีที่นั่งเหลืออยู่เลย
“เฉิงซินเย่ว” หลินหนานร้องเรียกพร้อมกับยิ้มให้
เฉิงซินเย่วหันไปมองตามเสียง และยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นหลินหนาน “พี่หนาน!”
รอยยิ้มของเด็กสาวเป็นรอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใบสดใสขึ้นมาได้ทันที ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเย็นใจ
“มานั่งนี่เร็วเข้า พี่จองที่ไว้ให้เธอ!” หลินหนานลุกขึ้นพร้อมกับร้องบอกเด็กสาว
เฉิงซินเย่วเดินเข้าไปหา เธอสะบัดผมหางม้าก่อนจะนั่งลงแทนที่หลินหนานทันที จากนั้นจึงร้องตอบเสียงหวาน “ขอบคุณค่ะพี่หนาน”
“ไม่ต้องมาทำเกรงใจเลย..”
หลินหนานเอื้อมมือไปช่วยยกกระเป๋าออกจากแผ่นหลังให้ พร้อมกับเอ่ยถามเด็กสาวว่า “เหมือนเดิมนะ บะหมี่ของลุงหลิว?”
“อืมม.. ใส่ไข่ด้วย!” เฉิงซินเย่วพยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับยิ้มกว้าง
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มไร้เดียงสาของเด็กสาว หลินหนานก็ถึงกับต้องแอบถอนหายใจออกมา
เธอคือน้องสาวของหนึ่งในสมาชิกหน่วยมังกรซ่อนกาย!
พี่ชายกับน้องสาวคู่นี้ต่างก็เป็นเด็กกำพร้า และใช้ชีวิตตามลำพังมาตั้งแต่เด็ก..
หลังจากที่หยินอิง ได้เข้าไปอยู่ในหน่วยมังกรซ่อนกาย ทุกครั้งที่ได้เงินรางวัล เขาจะเป็นคนที่ประหยัดและมัธยัสถ์ที่สุด ทุกครั้งที่เพื่อนๆในทีมพากันหัวเราะ และหยอกเย้าว่าจะเก็บเงินไว้แต่งภรรยา หยินอิงก็มักจะแก้ตัวว่า เขาเก็บเงินไว้ให้น้องสาวในวันแต่งงาน
ทุกครั้งก่อนที่จะไปปฏิบัติภารกิจหยินอิง ก็จะต้องหยิบรูปถ่ายของน้องสาวออกมาดูก่อนทุกครั้ง!
หลายครั้งที่เขามักบอกกับเพื่อนร่วมทีมว่า หากเขาเป็นอะไรไป ขอให้เพื่อนๆช่วยดูแลน้องสาวแทนเขาด้วย และในการปฏิบัติภารกิจครั้งหนึ่งของหน่วยมังกรซ่อนกาย หยินอิงก็ได้ตายจริงๆ
แต่ไม่ใช่เพียงแค่หยินอิงเท่านั้น ทุกคนในหน่วยมังกรซ่อนกายล้วนตายหมด เหลือเพียงแค่หลินหนานคนเดียวเท่านั้น!
ด้วยเหตุนี้ ทำให้หลินหนาต้องกลายมาเป็นลูกเขยตระกูลเย่อย่างลับๆ จุดประสงค์หนึ่งก็คือเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง และช่วยหยินอิงดูแลเฉิงซินเย่วตามที่เขาฝากฝังไว้อีกด้วย..
เวลานี้เด็กสาวเรียนอยู่ปีสามของโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง และในการสอบทุกครั้งเธอก็มักจะทำคะแนนได้สูงติดหนึ่งในสามของโรงเรียนเสมอๆ
ในเวลาสิบเอ็ดโมงของวันเสาร์ หลินหนานจะต้องนั่งรถประจำทางหมายเลข 26 ไปรับเฉิงซินเย่วกลับบ้านทุกครั้ง เธอมีเรียนเพียงแค่ครึ่งเช้า จึงต้องกลับบ้านและไปโรงเรียนอีกในวันถัดไป หลินหนานเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของโรงเรียนได้..
เมื่อรถประจำทางแล่นไปถึงป้ายหนึ่งบนถนนอู่หลง ทั้งคู่ก็เดินลงจากรถ หลินหนานและเฉิงซินเย่วเดินเคียงข้างกันไป และพูดคุยกันไปด้วย..
“อีกนานมั๊ยกว่าจะถึงวันสอบเอนทรานซ์?” หลินหนานเอ่ยถามขึ้นมา
“อีกไม่ถึงสองเดือนคุ่” เฉิงซินเย่วเอียงคอเล็กน้อยขณะเอ่ยตอบ
“ช่วงนี้เธอต้องขยันให้มากล่ะ จะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้” หลินหนานรีบเอ่ยเตือน
“ฉันรู้ค่ะพี่หลินหนาน”
เฉิงซินเย่วพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะออกมา แล้วจึงพูดต่อว่า “พี่หนาน ฉันเพิ่งรู้ว่าพี่พูดมากกว่าพี่ชายของฉันซะอีก!”
“อ้าว!! เป็นงั้นไป?” หลินหนานยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับหัวเราะตาม
“ถึงพี่ใหญ่จะพูดน้อย แต่เขาก็ดีกับฉันมาก นี่ฉันไม่ได้เจอพี่ใหญ่มาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างน่ะสิ!” เฉิงซินเย่วพูดเสียงเศร้า
หลินหนานถึงกับนิ่งไม่พูดไม่จา เขารู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างจุกอยู่ที่คอ และดวงตาก็เริ่มพร่ามัว จนป่านนี้เด็กสาวไร้เดียงสาผู้นี้ยังไม่รู้อีกว่า ร่างของพี่ชายเธอได้ถูกฝังอยู่ใต้ผืนดินมานานกว่าสามปีแล้ว..
แต่เขาเองก็ไม่สามารบอกความจริงทั้งหมดกับเธอในตอนนี้ได้!
เพราะนี่เป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไปสำหรับเด็กสาวอย่างเธอ ตอนนี้เฉิงซินเย่วอายุยังไม่ถึงสิบแปดปีด้วยซ้ำไป!
หลินหนานตัดสินใจว่า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะบอกเรื่องนี้กับเธอเอง!
“พี่หนาน พี่เป็นอะไรไปเหรอ?” เฉิงซินเย่วเห็นหลินหนานมีท่าทีแปลกไป จึงได้แต่เอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่มีอะไร สงสัยลมพัดเข้าตาน่ะ” หลินหนานร้องตอบและรีบก้มหน้าลงคว้าบุหรี่ขึ้นมาสูบ เพื่อปิดบังอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง
เฉิงซินเย่วทำปากคว่ำ ก่อนจะตอบโต้กลับไป “พี่หนาน ฉันว่าพี่เป็นคนที่แปลกมากเลย”
“แปลกยังไงเหรอ?”
“พี่เช่าห้องไว้แต่กลับไม่ค่อยมาอยู่ จะกลับมาก็เฉพาะวันเสาร์เท่านั้น พี่ไม่รู้อะไร.. พี่เม่ยหลีบอกว่าพี่เป็นโจร” เฉิงซินเย่ตอบกลับไปทันที
เมื่อหลินหนานได้ฟัง ใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของเขาทันที เป็นภาพของผู้หญิงอ้วนเหมือนหมู หลินหนานถึงกับขนลุกตัวสั่น พร้อมตอบกลับไปยิ้มๆ
“อย่าไปสนใจฟังเลย ยังไงงาช้างก็ไม่มีทางงอกจากปากสุนัขได้!”
“พี่หนาน พี่ทำงานอะไรกันแน่?” เฉิงซินเย่วเอียงคอถาม
ดูเหมือนเธออยากจะรู้เรื่องนี้มาก..
หลังจากที่หลินหนานย้ายมาที่นี่ได้สองปี เขาก็กลายเป็นที่สนอกสนใจของเพื่อนบ้าน
หลินหนานก็เหมือนพี่ชายทั่วๆไป เขาเป็นคนตลกแล้วก็อารมณ์ดี และคอยดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เฉิงซินเย่วและหลินหนานจึงเข้ากันได้เป็นอย่างดี
เพียงแต่พี่ชายของเธอคนนี้แปลกประหลาดอยู่บ้าง อย่างเช่นตารางชีวิตที่ดูเหมือนจะแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป บางช่วงก็กลับบ้านดึกๆดื่นๆ เธอเคยได้ยินพี่เหมยลี่เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่า บางทีเขาก็หายไปนานกว่าจะกลับมา แต่พอกลับมาก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง และไม่ยอมให้ใครเข้าไปรบกวน
ด้วยเหตุนี้ ทำให้หลายๆคนอยากรู้จักฐานะที่แท้จริงของหลินหนาน บางคนก็ไปเที่ยวโพทะนาว่าเขาเป็นโจรขโมย บ้างก็ว่าเป็นพวกนักเลงหัวไม้ บางคนถึงกับบอกว่าเขาฆ่าคนตาย และหนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ และอีกมากมาย
“เธอเดาสิ!” หลินหนานขยิบตาให้พร้อมกับทำเสียงลึกลับ
“ฉันเดาไม่ถูกหรอก” เฉิงซินเย่วแลบลิ้นให้ และคร้านที่จะถามต่อ
แต่การที่หลินหนานทำตัวลึกลับเช่นนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกประทับใจไม่น้อย มันเป็นความรู้สึกโรแมนติกของเด็กสาวในวัยนี้
ถนนอู่หลงเส้นนี้เป็นถนนในเมือง ผู้คนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้จึงมีคนหลายประเภทหลายกลุ่มปะปนกัน ตลอดเส้นทางจึงมีผู้คนเดินพลุกพล่านเต็มไปหมด
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปบนถนนเส้นนี้ พวกเขาก็ได้กลิ่นอาหารปะปนกันเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นซาลาเปานึ่ง กลิ่นไส้กรอกย่าง กลิ่นเนื้อย่าง กลิ่นเป็ดย่าง กลิ่นอาหารทุกชนิดตลบอบอวลอยู่ในจมูกของคุณ แต่กลับไม่ตีกัน และทำให้สัมผัสได้ถึงชีวิตของผู้คนแถบนี้
และร้านบะหมี่ลุงซานก็เป็นที่ขึ้นชื่อของถนนเส้นนี้!
หลิวเหล่าซาน ชายวัยกลางคนเจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการตุ๋นเนื้อวัว และกลิ่นหอมหวนของมันก็ตลบอบอวลไปทั่วร้าน ชวนให้ท้องร้องอย่างมาก
หลินหนานที่กำลังเดินตามเฉิงซินเย่วข้ามไปที่ร้านบะหมี่ แต่สายตาพลันเหลือบเห็นจักรยานยนต์ที่พุ่งมาจากด้านหลัง
“ระวัง”
หลินหนานตาไวและมือไว เขารีบคว้าไหล่ของเฉิงซินเย่วไว้ และดึงกลับมาข้างตัวเขาทันที
บรื้น…
เสียงรถจักรยานยนต์ดังแล่นผ่านร่างของหญิงสาวไปอย่างรวดเร็ว เฉิงซินเย่วถึงกับหน้าซีดเผือด และตกใจเป็นอย่างมาก
แววตาของหลินหนานเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
เอี๊ยด..
เสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่ติดสติ๊กเกอร์โกสต์ไรเดอร์ เลี้ยวขวับเข้ามาจอดอยู่หน้าพวกเขาทั้งคู่ จากนั้นเด็กหนุ่มผมสีแดงก็กระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซค์ด้วยท่าทางที่คิดว่าเท่ห์ที่สุด
เสียงเพลงดังสนั่นออกมาจากรถมอเตอร์ไซค์ที่ติดสติ๊กเกอร์รูปโกสต์ไรเดอร์คันนั้น จนคนที่ได้ยินต่างก็รู้สึกเหมือนแก้วหูจะแตก
เด็กหนุ่มผมแดงคาบบุหรี่ เดินจังก้าเข้าไปหาหลินหนานและเฉิงซินเย่วทันที..
จากนั้น เด็กหนุ่มผมแดงก็หันไปมองเฉิงเซินเย่วพร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดัง “นี่มันเฉิงซินเย่ว ดาวประจำโรงเรียนมัธยมนี่นา? นี่น้องสาว.. อยากไปขี่รถเล่นกับพี่บ้างมั๊ย?”