ตอนที่ 44 ชนะอย่างเลือดเย็น
หลินหนานนั่งรอไม่นานนัก การแข่งขันงัดข้อก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ..
พิธีกรสาวในชุดบิกินี่หูกระต่าย ได้เริ่มประกาศผ่านไมโครโฟน กระตุ้นเร้าให้บรรยากาศในการแข่งขันตื่นเต้น และร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ละคนที่ลงแข่งขันนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กหนุ่มที่ร่างกายกำยำแข็งแกร่งทั้งสิ้น รูปร่างของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บ่งบอว่าได้ผ่านการเข้ายิมออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อกันมาเป็นอย่างดี
และเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของบัตรสีเงินใบนี้ หลายคนถึงกับทำกันเป็นขบวนการ โดยให้เพื่อนที่แข็งแกร่งของตนเองมาลงแข่งแทน หรือที่เรียกว่า ‘มือปืนรับจ้าง’ นั่นเอง
บัตรสมาชิกแพลตตินั่มของโกลเดนพาเลซแห่งนี้ สามารถนำไปขายในท้องตลาดได้ในราคาหลายแสนหยวนเลยทีเดียว เพราะบัตรสมาชิกแพลตตินั่มนี้ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะของผู้ถือ แต่ผู้ที่ถือบัตรนี้ยังจะได้รับผลประโยชน์อย่างมากมายในการใช้บริการที่นี่อีกด้วย
และยิ่งไปกว่านั้น บัตรสมาชิกแพลตตินั่มใบนี้ ยังสามารถนำไปขายโก่งราคาให้กับเหล่านักธุรกิจที่ต้องการ ได้ในราคาที่สูงกว่าราคาท้องตลาดอีกด้วย
……
คู่ต่อสู้ของหลินหนานคนแรกเป็นชายร่างอ้วน หนักกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัมเลยทีเดียว และชายร่างอ้วนคนนี้ก็มั่นใจอย่างมากว่า เขาจะต้องเป็นฝ่ายชนะหลินหนานได้อย่างแน่นอน!
เพราะทั้งคู่มีขนาดร่างกายที่แตกต่างกันอย่างมาก..
หลินหนานเป็นเพียงชายหนุ่มร่างผอม และดูจากรูปร่างของเขาแล้ว เพียงแค่จะหิ้วไก่สักตัวก็ไม่น่าจะไหว เช่นนั้นเขาจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างไรกันเล่า?
ชายร่างอ้วนมองเห็นหลินหนานเป็นเพียงเนื้อหอมหวานชิ้นหนึ่งเท่านั้น..
เมื่อทั้งคู่เดินไปที่โต๊ะสำหรับทำการแข่งขันงัดข้อ ชายสวมสูทใส่รองเท้าหนังซึ่งทำหน้าที่เป็นกรรมการ ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับประกาศกฏการแข่งงัดข้อให้ทุกคนฟังอีกครั้ง
จากนั้น กรรมการก็ได้สั่งให้หลินหนานและชายร่างอ้วน วางมือขวาของตนลงบนโต๊ะ และอยู่ในท่าเตรียมพร้อม
จากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็งอข้อศอกขึ้น และจับฝ่ามือของกันและกันไว้ ชายร่างอ้วนจ้องมองหลินหนาน พร้อมกับพูดจายียวนใส่หน้า
“ไอ้ลิงผอมแห้ง ฉันจะทำให้แกต้องร้องไห้กลับบ้านไปหาแม่เลยล่ะ!”
แต่หลินหนานกลับเพียงแค่ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย..
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง”
“เริ่มได้!”
ทันทีที่กรรมการประกาศให้เริ่มการงัดข้อได้ ชายร่างอ้วนก็ออกแรงทั้งหมดที่มี เพื่อหมายทำการเชือดหลินหนานลงในทันที
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า แขนผอมแห้งที่ดูไร้เรี่ยวแรงของหลินหนานนั้น กลับแข็งแกร่งมั่นคงประหนึ่งศิลาที่หนักอึ้ง
“อ๊าก!!!”
ชายร่างอ้วนร้องคำรามออกมาเสียงดัง ก้นของเขากระดกขึ้น และออกกำลังเต็มแรง ในขณะที่หลินหนานยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย
“ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถเอาชนะแกได้..”
ชายร่างอ้วนยังคงมั่นอกมั่นใจ และรีบออกแรงในเฮือกสุดท้ายทั้งหมดที่มี แต่ครั้งนี้หลินหนานเพียงแค่ตอบกลับเบาๆว่า
“ได้เวลาที่แกต้องแพ้แล้ว!”
หลังจากพูดจบ หลินหนานก็ขยับมือออกแรงเบาๆ ไม่นานนักก็สามารถดันแขนของชายร่างอ้วนลงไปกับโต๊ะได้ โดยที่ชายร่างอ้วนไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย
“หมายเลขสิบสี่เป็นฝ่ายชนะ!”
สิ้นเสียงประกาศของกรรมการ ชายร่างอ้วนถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
คู่แข่งของหลินหนานคนที่สองเป็นชายร่างเตี้ย แต่กำยำแข็งแกร่งอย่างมากเช่นกัน และครั้งนี้หลินหนานก็ไม่รีรอ และจัดการเอาชนะคู่แข่งลงในทันที
ในการแข่งขันกับคู่ต่อสู้คนที่สามก็เช่นเดียวกัน หลินหนานไม่มีการออมมือให้เสียเวลา และหลินหนานก็สามารถเอาชนะคู่แข่งคนแล้วคนรอดได้ จนกระทั่งเหลือคู่แข่งขันคนสุดท้าย..
และคู่แข่งขันคนสุดท้ายของเขานั้นก็เป็นชายหนุ่มรูปร่างปานกลาง แต่กล้ามเนื้อตามร่างกายของเขานั้น ดูเหมือนจะผ่านการฝึกฝนมาดีกว่าคนอื่นๆ
แต่ที่ทำให้หลายคนรู้สึกแปลกใจอย่างมากก็คือ กล้ามเนื้อแขนซ้ายและกล้ามเนื้อแขนขวาของเขานั้น กลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะกล้ามเนื้อแขนข้างขวาของเขานั้น ดูเหมือนจะใหญ่โต และแข็งแกร่งกว่ากล้ามเนื้อแขนข้างซ้ายมาก
หลินหนานสังเกตดูอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณา และรู้สึกว่าคู่แข่งของเขาคนนี้ดูเหมือนจะมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และดูท่าจะมีทักษะและแข็งแกร่งกว่าผู้แข่งขันคนอื่นๆมากด้วย
ลักษณะของเขาดูราวกับนักแข่งงัดข้อมืออาชีพ และหลินหนานเองก็เชื่อเช่นนั้น!
หลังจากที่ทั้งคู่ยืนนิ่งมั่นคงแล้ว ทั้งสองคนก็มองหน้ากันและกัน ในระหว่างนั้นชายหนุ่มสวมแว่นตาคนหนึ่งก็โบกไม้โบกมือ พร้อมกับร้องตะโกนว่า
“หยวนเชียง.. พวกเราจะได้กินแค่ข้าวต้ม หรืออาหารมื้อใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับนายแล้วนะ!”
“ไม่ต้องห่วง! สบายมาก ไม่มีอะไรให้ต้องหนักใจ” ชายหนุ่มที่ชื่อหยวนเชียงตอบกลับไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“ก็แหงล่ะ! นายเป็นถึงแชมป์การแข่งขันงัดข้อนี่นา!ชายหนุ่มสวมแว่นร้องตะโกนบอกพร้อมกับยกนิ้วให้
หยวนเชียงพยักหน้า แล้วหันไปพูดกับหลินหนานว่า “น้องชาย ได้เวลาที่นายต้องออกจากสนามแล้ว”
“หืมม.. ทำไมล่ะ?” หลินหนานเอ่ยถามยิ้มๆ
“ขอบอกนายตามตรง ฉันเป็นแชมป์ในการแข่งงัดข้อระดับประเทศ ต่อให้ฉันสามารถเอาชนะนายได้ในคืนนี้ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจเลยแม้แต่น้อย” หยวนเชียงยักไหล่ขณะตอบกลับไป
หลังจากที่พูดจบ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทั่วทั้งสนาม..
นี่มันโกงกันชัดๆ ที่แท้ก็เป็นแชมป์การแข่งขันงัดข้ออยู่แล้ว!
หยวนเชียงเห็นผู้คนฮือไม่พอใจ จึงได้ร้องตะโกนตอบกลับไปว่า “กฏของที่นี่ไม่ได้บอกว่า ห้ามไม่ให้นักกีฬามืออาชีพเข้าแข่งขันไม่ใช่เหรอ? ถ้ามีใครไม่พอใจ ก็เชิญลงมาแข่งกับฉันด้วยตัวเองได้เลย”
และเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนในห้องโถงต่างก็พากันเงียบกริบ..
นั่นเพราะกฏระเบียบในการแข่งขันของที่นี่ ไม่ได้ระบุไว้ว่าห้ามนักแข่งงัดข้อมืออาชีพเข้าร่วมแข่งขันจริงๆ
แต่ถึงอย่างนั้น สีหน้าท่าทางที่จองหองของหยวนเชียง ก็ทำให้หลายๆคนในห้องไม่พอใจเช่นกัน
“ว่าไง.. ยังไงนายก็แพ้อยู่แล้ว! ยอมแพ้แล้วลงไปรับรางวัลที่สองเลยจะดีกว่า!” หยวนเชียงเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
ตามกฏของที่นี่ ผู้ชนะที่หนึ่งจะได้บัตรสมาชิกแพลตตินั่มเป็นรางวัล ส่วนที่สองจะได้เงินรางวัลมูลค่าหลายหมื่นหยวน และที่สามจะได้ส่วนลดในการใช้บริการครั้งต่อไป10%
ฉะนั้น การได้รางวัลที่สองก็ไม่ได้เลวร้ายเลย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หลินหนานต้องการ..
“แล้วทำไมฉันต้องเป็นที่สองด้วยล่ะ?” หลินหนานตอบกลับยิ้มๆ
หยวนเชียงได้ยินแบบนั้นถึงกับตกตะลึง และผู้คนที่ดูอยู่ก็ส่งเสียงร้องตะโกนเชียร์เช่นกัน
“มันกร่างมากไปแล้ว ถือว่าตัวเองเป็นแชมป์มาก่อน!”
“นั่นสิ สั่งสอนให้มันหายโอหังหน่อย!”
“นั่นสิ! ไม่รู้ว่าจะเป็นแชมป์จริง หรือว่าราคาคุยกันแน่? ต้องรอดูหลังแข่ง..”
หลายคนในห้องต่างก็พากันร้องตะโกนเชียร์หลินหนาน และทำให้อีกฝ่ายมีอารมณ์เดือดดาล..
แม้ทุกคนจะเห็นว่าหยวนเชียนเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมาก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศ และความสนุกลดลงเลยแม้แต่น้อย ทุกคนในห้องต่างก็พากันส่งเสียงเชียร์กันอย่างครึกครื้น
“ได้.. ในเมื่อแกร้องขอเอง ก็อย่าได้มาคร่ำครวญหลังจากที่แพ้ล่ะ!” หยวนเชียงวางแขนข้างขวาลงบนโต๊ะทันที
หลินหนานเองก็ไม่ตอบโต้ และวางแขนลงบนโต๊ะเช่นเดียวกัน..
ทันทีที่กรรมการเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นแชมป์งัดข้อระดับประเทศ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจังขึ้นมาทันที
“สาม..”
“สอง..”
“หนึ่ง..”
“เริ่มได้!”
สิ้นเสียงประกาศของกรรมการ หยวนเชียงก็ยืดขาตรง พร้อมกับเอนกายไปข้างหน้าเล็กน้อย
ความจริงแล้ว การแข่งขันงัดข้อนั้น สิ่งสำคัญมิใช่อยู่ที่การงอข้อศอก แต่อยู่ที่ความแข็งแรงของเอว หน้าท้อง และท่อนแขน!
นอกจากความเป็นมืออาชีพที่รู้จักตำแหน่งการวางร่างกายให้ได้เปรียบแล้ว หยวนเชียงยังผ่านการฝึกฝนอยู่เป็นประจำอีกด้วย
ฉะนั้น ในความคิดของหยวนเชียงเวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรหลินหนานก็เป็นได้เพียงแค่อันดับสองเท่านั้น!
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หยวนเชียงคิดไว้นัก เพราะภายใต้แรงกดจากจากข้อมือของเขาอย่างแรงนั้น ฝ่ามือของหลินหนานกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งสีหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง ดั่งสายน้ำที่ราบเรียบ..
ประหนึ่งว่าไม่ได้รับแรงกดดันอะไรเลยแม้แต่น้อย..
ในฐานะแชมป์งัดข้อระดับประเทศ หยวนเชียงไม่มีทางยอมเสียหน้าอย่างแน่นอน เขาออกแรงเพิ่มขึ้น และกดลงบนฝ่ามือของหลินหนานในทันที
และเวลานี้ กล้ามเนื้อบนแขนของหยวนเชียงก็ได้ขยายใหญ่ จนกระทั่งเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมาประหนึ่งรากไม้
“แย่แล้ว! แย่แล้ว! ไอ้หนุ่มคนนั้นกำลังจะแพ้แล้ว!”
เสียงของใครบางคนร้องตะโกนออกมา เมื่อหยวนเชียงได้ออกแรงกดข้อมือของหลินหนานลง..
ทีละเล็ก.. ทีละน้อย..
เวลานี้แขนของหลินหนานเกือบจะขนานกับพื้นโต๊ะแล้ว และดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่สามารถต้านทานแรงกดของคู่แข่งได้อีกต่อไป..
“อย่าฝืนอีกเลยน่า! เพียงแค่นี้ก็นับว่านายแข็งแกร่งไม่เบาแล้วล่ะ!” หยวนเชียงเอ่ยบอกหลินหนาน และมั่นใจว่าตนเองต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน
หยวนเชียงมั่นใจว่า หากเขาออกแรงมากกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
แต่เขายังไม่ต้องการที่จะทำเช่นนั้น..
เพราะต้องการที่จะเห็นแววตาผิดหวังของคู่ต่อสู้ หลังจากที่ได้พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ต่างหากเล่า
นี่ต่างหากจึงเป็นการเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างเลือดเย็นที่แท้จริง และเวลานี้ หยวนเชียงก็กำลังมีความสุขกับความรู้สึกนี้!