—–กิ๊งก๊องก๊างก๊อ~ง

 

    พอได้ยินเสียงกริ่งหมดคาบเรียน ผมก็เผลอถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

    ในที่สุด เวลาก็มาถึงแล้วสินะ…..

    ก็ไม่ใช่ว่าเกลียดช่วงพักอะไรหรอก ไม่มีนักเรียนคนไหนหรอกที่เกลียดมัน

    มันก็แค่ ไม่ชอบคาบเรียนถัดไป

    เมื่อยืนยันได้แล้วว่าพวกผู้หญิงออกไปจากห้องจนหมด ผมก็เริ่มเปลี่ยนเป็นชุดพละด้วยสีหน้าหม่นหมอง

    ไม่รู้ว่าเริ่มเกลียดชั่วโมงพละตั้งแต่เมื่อไหร่

    ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้แย่ด้านออกกำลังกาย แต่ก็ไม่ได้ดีมากเหมือนกัน

    ที่ผมไม่ชอบก็คือ ระหว่างชั่วโมงพละ มันจะมีโอกาศสูงที่จะ「เอาละ หาจับคู่กัน 2 คนนะ」ถูกบอกมา

 

「…..มาโร่ เข้าใจแล้วใช่ไหม?」

「ไม่มาจองเวรกันใช่ไหม?」

 

    หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ คู่หูตะวันออก-ตะวันตกก็เข้ามาหา /// (ชื่อฮิกาชิโนะ – 東野 มีอักษร 東 ที่แปลว่าตะวันออก, ส่วนชื่อนิชิดะ – 西田 มีอักษร 西 ที่แปลว่า ตะวันตก)

    สีหน้าของทั้งคู่เองก็เคร่งเครียด

 

「อา เข้าใจแล้ว」

 

    พวกเรายื่นมือออกมาแล้วพูดพร้อมกัน

 

『ก่อนอื่นก็ค้อน เป่า-ยิ้ง-ฉุบ!』

 

    ผม-ค้อน, ฮิกาชิโนะ-กระดาษ, นิชิดะ-กระดาษ

 

「ฟาาาาาาาาาาาค!」

 

    ผมคำราม

 

「เหะเหะ งั้นคราวนี้เป็นมาโร่ที่อยู่คนเดียวนะ」

「แน่หน่อยนะ ขอให้โชคดีในการหาคู่ล่ะ」

 

    กับคู่หูตะวันออก-ตะวันตกที่ดูจะโล่งอก ผมจึงจ้องมองกลับไปด้วยสายตาเคียดแค้น

    นี่แหละ เหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ชอบชั่วโมงพละ

    ด้วยโครงสร้างของการจับคู่ 2 คน พวกเราที่ปกติเป็นกลุ่ม 3 คน จะต้องมี 1 คนที่ถูกทอดทิ้ง

    คนๆนั้นจะต้องลงเอยด้วยการมองหาคู่ของตัวเองในชั้น และในเวลานั้นก็จะรับรู้ได้ถึงความโดดเดี่ยวและน่าสมเพช…..

    ที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้น อีกคนที่จะได้จับคู่ด้วยก็มักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครคบในชั้น นั่นจึงทำให้รู้สึกถึงออร่าด้านลบระหว่างคาบเรียนมากขึ้นไปอีก

    บ้าเอ้ย นี่เป็นแบบนี้เพราะความผิดของมินามิยาม่าแท้ๆเลย

    ถ้าหมอนั่นยังอยู่ กลุ่มของพวกเราก็จะมี 4 คน สามารถแบ่งคู่ 2-2 กันง่ายๆ แต่เพราะจู่ๆก็ออกไปพวกเราจึงกลายเป็นกลุ่ม 3 คน

    เพื่อที่หลีกเลี่ยงเรื่องแบบนี้ ถึงได้เริ่มจับกลุ่มกัน 4 คนยังไงล่ะ

    ในชีวิตรั้วโรงเรียน เลข 4 น่ะมีประโยชน์ในหลายๆกิจกรรมเลย

    ไม่ว่าจะจับคู่ระหว่างคาบเรียน, จับกลุ่มช่วงทัศนศึกษาหรือการสร้างเสริมประสบการณ์, ไพ่นกกระจอก, เกมเศรษฐี, etc…..

    แล้วมัน ก็ถูกทำลายลงด้วยการทรยศของเจ้าหมอนั่น

    แกนะแก มินามิยาม่า…..

    ยิ่งไปกว่านั้น มันยิ่งน่าหมั่นไส้ที่หมอนั่นไปจับคู่กับโอโน่ได้อย่างหน้าตาเฉย

    ผมจึงเริ่มค้นหาคนที่จะจับคู่ด้วย แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะเริ่มหาผิดเวลาจึงหาใครไม่ได้เลย

    ถ้าตามปกติในช่วงเวลาแบบนี้จะมีคนที่มีท่าทางมีปัญหาอยู่ แต่คนพวกนั้นก็ถูกจับคู่ไปหมดแล้ว

    พอรู้สึกตัวอีกที ผมก็เป็นคนเดียวที่ยืนอยู่โดดเดี่ยว

    ผมมองไปมาอย่างกระสับกระส่าย

    ห-หมายความว่ายังไงกัน? มันต้องมีจำนวนของเด็กผู้ชายพอดีกันสิ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีตกหล่น หรือว่าวันนี้จะมีคนลาหยุดกัน?

    คนในชั้นเรียนกำลังจ้องมองผมเป็นไอ้งั่ง…..แค่รู้สึกนะ หมอนั่น ไม่มีคนจับคู่ด้วยเหรอ? หรือว่าจะไม่มีเพื่อนกัน? เรียกว่าไม่มีใครคบสินะ เหมือนได้ยินเสียงเหล่านี้หลอนขึ้นมา

    ม-ไม่จริงนะ มีเพื่อนอยู่หรอก ก็แค่คราวนี้เป่ายิ้งฉุบแพ้เท่านั้นเอง…..

    ขณะที่ผมกำลังแก้ตัวอยู่ในใจ ก็มีเงาคนวิ่งมายังสนาม

 

「อันตราย~ อันตราย~ เกือบจะสายเพราะมัวแต่เข้าห้องน้ำซะแล้ว โอ่ย ยังมีใครเหลืออยู่รึเปล่า? มาอยู่กับผมกันเถอะ」

 

    พอมาถึงก็ตะโกนเสียงดัง นั่นคือคันนาริที่เป็นเพื่อนร่วมชั้น

    สภาพของเขาสามารถสรุปได้ในคำเดียวว่า เสเพล ผมสีบลอนด์ที่ถูกจัดทรงอย่างแข็งๆด้วยผลิตภัณฑ์แต่งผม, หูขวาที่มีการเจาะและใส่ต่างหูอยู่ 2 หรือ 3 อัน, ด้านหน้าตาออกธรรมดา มีโครงหน้าที่เรียวยาวและดวงตาที่ดูดุร้ายราวกับงู

    พอเห็นแบบนั้นผมก็ต้องขมวดคิ้วทันที

    อึก แย่สุดๆ….. นาริคินล่ะ!

    คันนารินั้น มักจะติดตามกลุ่มเรียจูไปไม่ว่าจะในระหว่างคาบเรียนหรือว่าหลังเลิกเรียน ทว่ากลุ่มเรียจูไม่ได้เห็นว่าเขาเป็นหนึ่งในพรรคพวกด้วย….. หมอนั่นเป็นคนที่มักจะเรียกว่าพวกครึ่งๆกลางๆ

    แม้ว่าจะติดตามกระแสและแฟชั่น แต่ก็ไม่ได้ดูดีหรือว่ามีความสามารถ ทั้งยังมีนิสัยชอบดูถูกคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเรียจู เพราะแบบนั้นจึงถูกคนทั้งชั้นไม่ชอบหน้า

    คันนาริเป็นหัวหน้าของกลุ่มครึ่งๆกลางๆนี้ ชื่อเองก็ถูกเรียกลับหลังว่านาริคินที่เป็นการเล่นคำ

    พอนาริคินรู้ตัวว่าเป็นผมที่เหลืออยู่คนเดียว เขาก็ทำหน้าตาผิดหวังอย่างโจ่งแจ้ง

 

「อะไรกัน นายเองเหรอ โชคไม่ดีเลยน้า~ เอาเถอะ เพราะว่ามาสายก็เลยช่วยไม่ได้….. เฮ้อออ」

 

    ไอ้ที่โชคไม่ดีมันน่าจะเป็นผมมากกว่าที่ใบหน้ากำลังกระตุกอยู่

    พอเห็นผมที่เป็นแบบนี้ คู่หูตะวันออก-ตะวันตกและคนส่วนใหญ่ในชั้นก็ทำหน้าตาเห็นใจ แต่ก็มีบางคนที่ยิ้มเยาะและดูถูกอยู่

    นั่นก็คือกลุ่มของนาริคิน….. และมินามิยาม่า

    ไอ้หมอนี่ มีความสุขที่ได้เห็นเพื่อนมีความทุกข์หลังจากที่ตัวเองทิ้งไป

    …..บ้าเอ้ย ที่ต้องมารู้สึกแบบนี้เพราะว่าใครกันล่ะ

    ผมแอบกำหมัดเอาไว้ด้านหลัง

 

「โย้ช ทุกคนพร้อมแล้วสินะ! วันนี้จะมาเล่นเทนนิสคู่กัน ทำการแข่งแบบแพ้คัดออก มาจับฉลากได้เลย」

「…..อย่ามาถ่วงแข้งถ่วงขาล่ะ」

 

    หลังได้ฟังคำของอาจารย์พละแล้ว นาริคินก็บ่นและออกแรงต่อยมาไหล่ของผม

    อ-ไอ้เจ้าเบื้อกนี่ แกเองก็ไม่ใช่ว่าจะเก่งกีฬาซักหน่อย! อีกอย่าง รู้สึกแย่ชะมัด!

    คำด่าลอยเข้ามาในหัวเต็มไปหมดแต่ว่า…..

 

「มี’ไรรึ?」

「……………ก็ไม่มีอะไร?」

 

    สุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้พูดอะไรกลับไปซักคำ

    ตัวผมที่เป็นแบบนั้น รู้สึกหงุดหงิดที่สุดเลย…..

 

 

 

    หลังเลิกเรียนของวันนั้น

    คู่หูตะวันออก-ตะวันตกชวนไปคาราโอเกะเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ผมก็ปฏิเสธไปแล้วมาที่เขาวงกตแทน

    คาบพละกับนาริคินนั้น พูดได้เพียงว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสุดๆ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะหยุดการสำรวจเขาวงกต

    อันที่จริง มันยิ่งทำให้อยากที่จะประสพความสำเร็จด้านนักผจญภัยมากขึ้นไปอีก เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากเรื่องแย่ๆแบบนี้

    เหตุผลที่นาริคินแสดงออกกับผมแบบนั้นก็เพราะเขาคิดว่าคนอื่นอยู่ในชนชั้นที่ต่ำกว่า เป็นพวกที่เก่งกับคนที่อยู่ข้างล่างแต่ไม่กล้ากับคนที่อยู่ข้างบน

    แน่นอน ไม่ใช่แค่กับโอโน่ที่ดูไม่ค่อยสู้คน แต่ยังกับมินามิยาม่าที่ดันตัวเองขึ้นไปได้ นาริคินก็ยังเข้าไปประจบ

    นั่นก็หมายความว่า เมื่อถึงเวลาที่ผมได้ขึ้นไปชั้นบนบ้าง มันก็จะเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน

    พอคิดแบบนั้น แรงจูงใจมันก็เอ่อล้นขึ้นมา

 

    พอก้าวเข้าสู่เขาวงกตก็นำการ์ดออกมาทันที

    สมาชิกวันนี้จะเป็นคูซี่ที่ไม่ได้เรียกเมื่อวานกับกูล่า

 

「จงออกมา คูซี่!」

 

    ที่ออกมาตามคำเรียกของผมคือสุนัขที่มีขนาดใหญ่พอๆกับวัว

    ขนสีเขียวมรกตสวยงามและหางที่ม้วนขนาดใหญ่ เป็นสุนัขที่ดูน่าพิศวง

    ในด้านขนาดรู้สึกเหมือนหมาป่าโบราณมากกว่าสุนัข แต่ใบหน้ามีเสน่ห์ให้ความรู้สึกเป็นสุนัขมากกว่าหมาป่า

 

「ย-ยินดีที่ได้รู้จักฮะ นายท่าน」

 

    คูซี่ทำหูลู่ลงขณะกล่าวทักทายผม

    ให้ความรู้สึกพึ่งพาไม่ค่อยได้ แต่เพราะทักทายมาเลยทำให้มีความรู้สึกที่ดีมากกว่าการ์ดอื่น

 

「อา ยินดีที่ได้รู้จักนะ คูซี่」

 

    ผมยื่นแขนออกแล้วเรียกกูล่า

    กูล่าปรากฏตัวพร้อมสายตาล่องลอย

    ขณะที่มองเธอที่เป็นอยู่แบบนั้น ผมก็นำกระดาษโน๊ตออกมาจากกระเป๋า

   

「กูล่า ยังจำคำสั่งที่บอกไปเมื่อวานได้อยู่รึเปล่า?」

 

    -หงึก- พยักหน้า อืม รู้สึกว่าความจำเองจะไม่ได้ย่ำแย่เท่าไหร่ แต่ตรวจสอบเพื่อความแน่ใจก่อนดีกว่า

 

「งั้น ช่วยบอกมาทีว่าเป็นคำสั่งอะไร」

「…..เดินตาม, ด้านหลัง, มาสเตอร์ หาก, ลุกได้, ให้, ลุกขึ้น สู้กลับ, ศัตรู ใช้งาน, สกิล, ที่ใช้ได้, ทั้งหมด」

「โอ้ โย้ชโย้ช จำได้ดีเลยนี่ ถ้างั้นคำสั่งพวกนั้นทั้งหมดให้ลบไปทั้งหมดเลย ถ้าเข้าใจแล้วก็พยักหน้านะ」

 

    -หงึก- หลังจากยืนยันว่ากูล่าพยักหน้าแล้ว ผมก็อ่านข้อความบนกระดาษโน๊ต

 

「ถ้างั้นจะให้คำสั่งใหม่ ให้พยักหน้าทุกครั้งเมื่อเข้าใจแล้วนะ คำสั่งแรกให้เป็นพื้นฐาน เดินตามผมในเขาวงกต, คำสั่งที่ 2 ให้ใช้สกิลฟีโรโมนเพื่อดับกลิ่นภายในเขาวงกต, คำสั่งที่ 3 คอยมองหาสัญญาณของศัตรูภายในเขาวงกตเสมอ, คำสั่งที่ 4 …..」

 

    กระดาษโน๊ตที่ผมกำลังดูอยู่คือรายการคำสั่งสำหรับกูล่าที่ผมคิดระหว่างคาบเรียน ในระหว่างต่อสู้ หากไม่มีคำสั่งแล้วไม่เคลื่อนไหวอะไรมันก็ใช้งานอะไรไม่ได้ ถ้าถูกศัตรูโจมตีแล้วไม่แม้แต่จะสู้กลับ ชีวิตของผมก็ตกอยู่ในอันตราย ในสถานการณ์คับขันเองผมก็อาจจะตอบสนองได้ไม่ทันท่วงที

 

    ด้วยเหตุนี้ ถ้าเกิดเราคิดรูปแบบพฤติกรรมเอาไว้ก่อนล่วงหน้าก็จะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์บางอย่างได้

 

    โชคดีที่แม้กูล่าจะไม่มีความฉลาดนัก แต่ก็ยังมีความจำอยู่ส่วนหนึ่ง ดังนั้นหากฝึกให้ตอบสนองต่อสถานการณ์หลากหลายรูปแบบได้ด้วยคำสั่งล่วงหน้า ก็จะเคลื่อนไหวได้เองเหมือนกับมอนสเตอร์อื่นๆตามทฤษฏี

 

    ยกตัวอย่าง『คอยมองหาสัญญาณของศัตรูภายในเขาวงกตเสมอ』『เมื่อเจอศัตรูตัวเดียวให้ลอบโจมตี』『ระหว่างลอบโจมตีให้ใช้สกิลฟีโรโมนเพื่อปกปิดตัวตน』ด้วยการควบรวมคำสั่งหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน ต่อให้ผมไม่ต้องออกคำสั่งอะไรก็จะสามารถลอบโจมตีศัตรูได้….. คิดเอาไว้แบบนั้น

 

    หวั่นๆอยู่ว่าคำสั่งจะขัดแย้งกันเอง กระดาษโน๊ตนี่ก็มีไว้เพื่อจะได้ไม่ลืมสิ่งที่สั่งไปและได้คอยตรวจสอบอยู่เสมอ

 

    หลังจากออกคำสั่งเสร็จและให้กูล่าพูดทวน ผมก็เก็บกระดาษโน๊ต

 

「โย้ช ถ้างั้นก็เริ่มออกสำรวจกันเลย …..คูซี่ อยากจะให้ช่วยค้นหาศัตรูหน่อย ทำได้รึเปล่า?」

「ฮ-ฮะ ถ้าเรื่องจมูกแล้วผมมั่นใจ…..」

 

    แล้วคูซี่ก็ตอบด้วยความท่าทางไม่มั่นใจ….. จะไม่เป็นไรแน่นะ?

 

「…..ฝากด้วยล่ะ」

 

    เดินตามคูซี่ที่เริ่มดม-ฟุดฟิด- กูล่าเองก็เดินตามผมมาได้โดยไม่ต้องพูดอะไร

    …..อืม คำสั่งที่ให้เดินตามมาดูจะไม่เป็นอะไร

    ทำการติ๊ก 〇 ที่คำสั่งแรกบนกระดาษโน๊ต

 

    เดินไปในเขาวงกตด้วยความเงียบได้ซักพัก

    แสงอาทิตย์ที่ส่องค่อยๆเผาผิวหนังอย่างช้าๆ สายลมโชยอ่อนให้ความรู้สึกดีพัดมาเป็นช่วงๆ เสียงกรอบแกรบของต้นไม้ เสียงนกร้องเบาๆ

    บรรยากาศแสนสงบจนแทบจะลืมไปว่าที่นี่คือเขาวงกตอันตราย

 

「น-นายท่าน ก-กลิ่นของศัตรู กำลังมุ่งมาทางนี้」

 

    คูซี่พูดด้วยเสียงสั่น

 

「มู ง-งั้นเหรอ โย้ช มาสู้กันเลย」

 

    กูล่าที่เพิ่งได้รับคำสั่งใหม่ กับคูซี่ที่พลังต่อสู้เหลือครึ่งเดียวจากสกิลขี้ขลาดทำให้เป็นห่วง แต่ถึงจะเหลือครึ่งเดียว คูซี่ก็ยังมีพลังที่มากเกินพอ

    พลังต่อสู้ตั้งต้นของมอนสเตอร์แรงค์ F อยู่ที่ 50 หรือต่ำกว่า ถ้าเป็นที่นี่ซึ่งเป็นชั้นแรก น่าจะอยู่ที่ 10 หรือ 20 อีกด้านหนึ่งคูซี่มี 150 ต่อให้แค่ครึ่งเดียวก็ยังไหว

    แต่เดิมทีแล้ว ว่ากันว่ามอนสเตอร์ในเขาวงกตจะอ่อนแอกว่าการ์ดที่มีแรงค์เดียวกัน ถ้าแรงค์ของเรามากกว่าแล้วก็สามารถเอาชนะได้แน่นอน นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมในการลงทะเบียนนักผจญภัยจึงจำเป็นต้องมีการ์ดแรงค์ D เป็นเงื่อนไขตายตัว

 

「ม-มาแล้ว!」

 

    อย่างแรกที่รู้สึกถึงเลยคือกลิ่นไข่เน่า รู้สึกสะอิดสะเอียนจนต้องปิดจมูกโดนสัญชาตญาณ แล้วจากนั้นเจ้าของกลิ่นก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้

    มันคือปีศาจตัวเล็กที่กำลังขี่หมาป่า ผิวมีสีเขียวคล้ำ, ใบหน้าเหี่ยวย่น, ร่างกายผอมลีบ, หน้าท้องที่โผล่ยื่น รูปร่างนั้นทำเอานึกถึงเด็กที่มาจากนรก….. ก็อบบลิ้นล่ะ แถมยังมาเป็นกลุ่ม 2 ตัว

    กูล่าเมื่อเห็นศัตรูยิงฟันขู่ออกมาก็เข้าทำการจู่โจมศัตรูด้วยความรวดเร็ว

    แต่ก่อนที่การโจมตีจะเข้าเป้า จู่ๆก็หยุดไปนิ่งไปด้วยเหตุผลบางอย่าง อะ? ทำไมถึงหยุดล่ะ?

    ด้วยบางเหตุผล กูล่าไปหยุดอยู่ต่อหน้าศัตรู แล้วศัตรูก็โจมตีมาอย่างไร้ความปราณี หมาป่ากัดเข้าที่ขา ส่วนก็อบบลิ้นใช้กระบองฟาด แล้วอีกกลุ่มก็เข้ามาร่วม ทำให้กูล่าถูกกดดันด้วยจำนวนอย่างรวดเร็ว

    ในตอนนั้นเองที่กูล่าเริ่มทำการตอบโต้กลับ ต่อยหมาป่าที่เข้ามากัด, ขย้ำและฉีกเนื้อ, โจมตีกลับใส่ก็อบบลิ้นที่ใช้กระบองฟาด ผลัดกันโจมตีกลับกับมอนสเตอร์ที่เข้ามาโจมตี

    เมื่อเห็นแบบนั้นก็เข้าใจในที่สุด กูล่ากำลังตอบโต้ศัตรูที่เข้ามาโจมตีอย่างเป็นลำดับขั้นตอน ในตอนที่พยายามโจมตีครั้งแรก ที่หยุดนิ่งไปก็เพราะศัตรูมันขี่ซ้อนกันเป็นคู่ จึงทำให้ไม่รู้ว่าจะโจมตีใส่ศัตรูตัวไหน…..

    ชิ! เพราะว่าผมหละหลวมในคำสั่งมากเกินไปเอง

    ผมเดอะลิ้นแล้วรีบออกคำสั่งทันที

 

「คูซี่! มัวทำอะไรอยู่! ช่วยกูล่าสิ!」

「อุ อะ….. ผม, ผม…..」

 

    แต่ว่าคูซี่ที่แม้จะเห็นอยู่ว่ากูล่าถูกโจมตีก็ได้แค่ก้มหัวและไม่ขยับเขยื้อน

    อะไรกันอีกล่ะ หมอนี่…..! ผมตะคอกใส่อย่างช่วยไม่ได้

 

「คูซี่!」

「ฮี้….. ข-ขอโทษฮะ ขอโทษฮะ!」

 

    พอได้ยินเสียงโกรธของผม คูซี่ก็หางตกและหมอบลงพร้อมเอามือกุมหัว

    รู้สึกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้

    …..อ-เอาจริงดิ สกิลขี้ขลาดมันแย่ถึงขนาดนี้เชียว

    ถึงแม้พลังต่อสู้จะลดลงครึ่งก็คิดว่าจะยังสู้ได้อยู่ซะอีก…..

    ส่ายหัวและสับเปลี่ยนความคิด ช่วยไม่ได้ ในตอนนี้ต้องยอมแพ้เรื่องคูซี่ไปก่อน!

 

「คูซี่ กลับมา! จงออกมา ซาชิกิวาราชิ!」

「หืม? เห้อ ถึงคิวแล้วเหรอ」

 

    พอเรียกซาชิกิวาราชิออกมาแทนคูซี่ เธอก็มองมาด้วยใบหน้ามีปัญหาและถอนหายใจ

 

「ซาชิกิวาราชิ ช่วยกูล่าที!」

「ไม่อยากอะ」

「…..หา?」

 

    หันไปมองซาชิกิวาราชิด้วยความตะลึง พอเห็นผมที่เป็นแบบนั้น เธอก็แสยะยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข

 

「ทำไมจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของนายด้วยล่ะ บอกแล้วใช่ไหม ให้เลิกมองชั้นเป็นแนวรบไปได้เลย」

「อุ คุ…… ช-ใช่แล้ว เอาขนมใหม่ไหม? เป็นไง อยากได้ใช่ไหมล่ะ?」

 

   ผมเอาขนมที่ซื้อมาระหว่างทางออกมาจากกระเป๋า เป็นเค้กปอนด์จำนวนจำกัดที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อข้างบน

 

「มู…..」

 

    ซาชิกิวาราชิจ้องมองมาพร้อมทำท่าคิดอยู่ชั่วครู่

 

「ไม่ล่ะ กะแล้วว่าไม่ได้ ไม่รู้สึกอยากจะทำเลย」

 

    สะบัดหน้าหนีไปทันที

 

「บ้าเอ้ย!」

 

    มาถึงจุดนี้ การแข็งข้อของซาชิกิวาราชิกลับย่ำแย่ลงไปอีก

    การใช้ขนมมาล่อในตอนช่วงเวลาคับขันอาจจะเป็นการทำให้แย่ลงกว่าเดิม

 

    ………………..ช่วยไม่ได้ พอเป็นแบบนี้แล้วก็ไม่มีทางเลือกนอกจากตัดสินใจ

 

    ผมนำตะบองตำรวจออกมาจากกระเป๋า

    มีเตรียมเผื่อเอาไว้ ไม่คิดเลยว่าจะได้เอาออกมาใช้ทันทีแบบนี้…..!

 

「อ-โอ่ย…..」

「โอ้ววววว!」

「นะ เอาจริงดิ!」

 

    พร้อมด้วยเสียงสับสนของซาชิกิวาราชิที่อยู่เบื้องหลัง ผมพุ่งตรงไปที่กลุ่มของก็อบบลิ้น

    คงเพราะคาดไม่ถึงที่ผมจะพุ่งเข้ามา พวกก็อบบลิ้นทำตาโตและหยุดนิ่งไปเล็กน้อย อาศัยจังหวะนั้นเอง ผมใช้ตะบองฟาดไปที่หัวของก็อบบลิ้น

 

「คุ…..!」

 

    ข-แข็ง! หยั่งกับฟาดใส่ยางรถยนต์เลย มือที่ใช้ฟาดไปรู้สึกชาไปหมด

 

「กูล่า ก่อนอื่นให้จัดการหมาป่าไปทีละตัว!」

「เยส มาสเตอร์」

 

    กูล่าหันความสนใจไปที่หมาป่าที่กำลังกัดตัวเอง ในขณะที่ผมเผชิญหน้าอยู่กับพวกก็อบบลิ้น

    พอโดนฟาดเข้าไปที่หัว เจ้าปีศาจสีเขียวก็มองผมเป็นศัตรูเต็มที่ แยกเขี้ยวสีเหลืองพร้อมร้องขู่ ด้วยจิตสังหารของจริงทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัว

    ขาย่อต่ำลงโดยไม่รู้ตัว รู้สึกถึงเลือดในตัวที่เย็นลงอย่างรวดเร็ว

    ใจเย็นไว้ ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีทางที่เด็กม.ปลายอย่างผมจะมาแพ้ให้กับเจ้าตัวเล็กที่ราวกับเด็กประถมนี่ ได้เปรียบเรื่องระยะแขน บาเรียของการ์ดเองก็มีอยู่ ใจเย็นเอาไว้ ตัวผม

    พวกก็อบบลิ้นโจมตีเข้ามาพร้อมกัน

    หลบการโจมตีแรกไปได้ แต่การโจมตีที่สองหลบไม่พ้น ต้องใช้ตะบองรับเอาไว้ แต่นั้นเป็นความผิดพลาด

    -แก๊ง- แรงปะทะไหลผ่านไปทั่วร่าง มือชาไปหมดจนตะบองร่วงจากมือ

    พลังบ้าอะไรกัน! หมายความว่าต่อให้เป็นมอนสเตอร์ตัวเล็กก็ยังมีกำลังกายภาพมหาศาลขนาดนี้เชียว

    ด้วยบาเรียของการ์ดทำให้ไม่เกิดบาดแผลใดๆ แต่แรงปะทะทำให้มือของผมชาไปหมด

    แล้วภาพของความตายก็ผุดขึ้นมาในตัวผม

 

「ฮี้!」

 

    กลิ้งหลบกระบองที่ฟาดเข้ามา เฉี่ยวด้านบนหัวไป ความมั่นใจหดลง

    การตัดสินใจฮึดสู้ของผมพังทลายลงในพริบตา

    ม-ไม่ได้การแล้ว ต้องหนี แต่ไหนแต่ไรเจ้านี่มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะมาสู้ด้วยมือตรงๆได้เลย

    ขณะที่คิดอะไรแบบนั้น ก็เหลือบไปเห็นกูล่าที่ในที่สุดก็จัดการหมาป่าตัวแรกได้ แต่ยังเหลือหมาป่าอยู่อีกตัว ถ้าถอยไปตรงนี้ก็จะโดนรุมอีก

    ผทกัดฟัน-กึด- แล้วกระโจนไปหาตะบองที่ทำหล่น

    อีก 10 วินาที จะต้องถ่วงเวลาไว้อีก 10 วินาทีให้ได้…..!

    ผมตั้งท่าตะบองขณะที่กึ่งๆจะร้องไห้ พริบตานั้นเองพวกก็อบบลิ้นก็กระโจนเข้าใส่ราวกับลิงป่า

 

「คุ!?」「ก๊า!?」

 

    กระสุนแสงลอยมาจากที่ไหนซักแห่ง พุ่งเข้าใส่หัวของพวกก็อบบลิ้น

 

「อ-เอ๋?」

 

    ผมที่กำลังสับสนที่เห็นก็อบบลิ้นพร้อมสมองที่ทะลักออกมา แต่ไม่นานก็รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น

    งั้นเหรอ ซาชิกิวาราชิเคลื่อนไหวแล้วสินะ

    กูล่าก็….. ตรึงตัวหมาป่าไว้ได้แล้วและกำลังกัดกินอยู่ คงจะจัดการมันได้ในไม่ช้า

 

「ฮ้าาาาา~~~~~」

 

    ทรุดตัวลงพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    …..เหนื่อยชะมัด น่ากลัวจริงๆ นี่สินะเขาวงกต นี่สินะมอนสเตอร์

    เอาตรงๆเลย มองมันตื้นไป คิดว่ามันเป็นอาชีพที่ได้เงินเยอะและก็น่าสนใจ เหมือนกับได้เล่นเกม RPG ตะลุยเขาวงกต, เก็บสะสมเงินไปเรื่อยๆ, ได้มีชื่อเสียงในหมู่สาวๆ เป็นงานในฝัน….. ไอ้งานแบบนั้นน่ะมันมีซะที่ไหน…..

 

「หึ หึหึหึ…..」

 

    ทว่า กับแค่เขาวงกตแรงค์ F, ที่ชั้นแรก, กับศัตรูที่ใครๆก็เห็นเป็นการ์ดขยะ ต้องมาสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย

    คิดเย้ยหยันตัวเองมาอย่างช่วยไม่ได้ ทำได้แค่หัวเราะ

    แล้วแบบนี้ จะเป็นนักผจญภัยไหวเหรอ ตัวผม?

 

「โอ่ย」

 

    พอเงยหน้าขึ้น ที่อยู่ตรงนั้นก็คือซาชิกิวาราชิ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำสีหน้าดุดันมาก

    เอ อะไรอีกล่ะ? ในหัวมันคิดอะไรไม่ออก….. อ่อ งั้นเหรอ ขอบคุณสินะ

 

「อา ช่วยไว้ได้มากเลยล่ะ ขนมเหรอ แป๊ปนะ เดี๋ยวเอาออก—-」

「ไม่ใช่เรื่องนั้น!」

 

    ขณะที่ผมกำลังค้นกระเป๋าอยู่ก็ถูกเสียงดังเสียดหูเข้าปะทะ

    ตาเบิกโพล่งด้วยความตกใจ อ-อะไรกัน ยัยนี่ ทำไมถึงโกรธขนาดนั้นล่ะ?

    ที่อยากจะโกรธน่ะทางนี้มากกว่า ไม่มาช่วยผมเลยจนเกือบวินาทีสุดท้ายเชียว!?

    กับผมที่รู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผล ซาชิกิวาราชิก็ถามมา

 

「ทำไมถึงสู้?」

「ทำไมน่ะเหรอ….. ก็เพราะว่าเธอไม่ยอมสู้」

「ไม่ใช่!」

 

    ไม่สิ ต่อให้บอกว่าไม่ใช่ก็เถอะ…..

 

「ที่ชั้นอยากจะบอกก็คือ ทำไมถึงเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเพื่อกูล่ากัน การ์ดน่ะมันก็แค่ของใช้สิ้นเปลือง จะเอาชีวิตไปเสี่ยงทำไม?」

 

    ยัยนี่….. ต้องการจะสื่อถึงอะไร ไม่เข้าใจเลย

    แต่ว่าใบหน้าของซาชิกิวาราชิดูจริงจังอย่างที่สุด

    งั้นก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องตอบออกไปอย่างจริงจัง

 

「ลิ้นเปลือง ถึงจะบอกว่าเป็นของใช้สิ้นเปลืองก็เถอะ แต่กูล่าเองก็เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผม ไม่ยอมมาเสียไปในช่วงเริ่มต้นแบบนี้หรอก แล้วอีกอย่าง ไม่ใช่ว่าเสี่ยงชีวิต บาเรียของการ์ดเองก็ยังมีอยู่ ที่ผมทำก็แค่ถ่วงเวลาไว้รอกูล่าตั้งหลักได้เท่านั้นเอง」

「………………..」

 

    พอซาชิกิวาราชิได้ยินคำอธิบายของผมก็ดูจะขบคิดอะไรบางอย่าง

 

「พอแล้วใช่ไหม? ถ้างั้นก็กลับกันได้แล้ว วันนี้แค่นี้พอ เหนื่อยแล้ว」

 

    วันนี้เองก็สู้ครั้งเดียวแล้วกลับ คืบหน้าได้ช้าอะไรแบบนี้ แต่ว่าการจะพิชิตเขาวงกตคงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ปรับปรุงคำสั่งของกูล่าและการใช้งานคูซี่

    ผมยกตัวอันหนักอึ้งลุกขึ้น

 

「เดี๋ยวก่อน」

「…..อะไรล่ะ ยังมีอะไรอีกรึไง?」

 

    พอผมหันกลับไปด้วยความหน่ายใจ ซาชิกิวาราชิก็แสยะยิ้ม

 

「ยังไม่ได้ขนมเป็นรางวัลเลยนะ」

「เฮ้ออออออออออออ~~~~~…..!」

 

    แล้วผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่สุดของวันออกมา

 

 

 

 

 

【Tips】สเตตัส

    บนการ์ดจะมีค่าสเตตัสของมอนสเตอร์เขียนเอาไว้อยู่ แต่รายละเอียดยังเป็นปริศนา พลังต่อสู้เองก็สามารถจำแนกรายละเอียดออกมาได้ทั้ง พละกำลัง・ความว่องไว・ความแม่นยำ・พลังเวท・ความทนทาน ทางด้านสกิลเองที่รู้แค่ชื่อก็เช่นกัน ทางเดียวที่จะรู้ได้คือใช้งานจริงและคาดคะเนผลลัพธ์ ทางกิลล์ได้เก็บข้อมูลเหล่านี้จากนักผจญภัยทั้งหมดและส่งกลับไปยังแอปเฉพาะตัว ตัวเอกเองก็ศึกษาสกิลของการ์ดผ่านทางแอปนี้ ด้วยเหตุนี้ สกิลที่ดูเหมือนจะเป็นข้อเสียก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีพลังที่ยังไม่ถูกค้นพบอยู่

    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คิดว่ายังไงกันบ้างล่ะ…..