ในวันจันทร์ 

 

ผมตื่นเช้ากว่าปกติและไปโรงเรียนขณะที่ยังมีเวลาเหลือเฟือ 

 

เมื่อผมเข้ามาในห้องก็พบว่าตอนนี้มีคนอยู่แค่คนเดียวก็คือซาเองุสะซัง เธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วและกำลังอ่านหนังสือบางอย่างแต่เช้า 

 

ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ได้เห็นเธอในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ เพราะผมจำได้ว่าซาเองุสะซังมักจะมาถึงในนาทีสุดท้ายอยู่เป็นประจำ 

 

“อรุณสวัสดิ์ครับซาเองุสะซัง” 

 

แม้ว่าเธอจะเคยเป็นไอดอลที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนร่วมห้องของผม 

 

การที่ผมจะเดินผ่านไปเฉยๆคงจะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย ผมจึงกล่าวทักทายเธอเหมือนคนอื่นๆ 

 

เนื่องจากผมเห็นหน้าเธอที่ร้านสะดวกซื้อเป็นประจำ ผมจึงคุ้นเคยกับเธออยู่พอสมควร 

 

“เอ๊ะ? อ๊ะ อรุณสวัสดิ์อิจิโจคุง!” 

 

เธอตกใจการทักทายของผมจนทำหนังสือตกลงไปบนพื้นเลยทีเดียว 

 

ผมกำลังจะเอาหยิบมันให้ แต่ว่าเธอหยิบมันไปก่อนด้วยความเร็วที่เหนือกว่าและเก็บมันใส่กระเป๋า 

 

อะไรฟะ? นี่เธอไม่อยากให้เราเห็นหนังสือนั่นงั้นเหรอ? 

 

ซาเองุสะหัวเราะออกมาเหมือนเด็กเกเรที่ถูกแม่จับได้ 

 

ช่างเถอะ ผมแน่ใจว่าทุกคนต้องมีความลับกันสักอย่างสองอย่างที่ไม่อย่างให้ใครมารับรู้ ผมจึงไม่ได้สนใจท่าทีของเธอ 

 

อย่างตอนที่ผมกำลังข้ามถนนในตอนเช้าผมยังพูดกับตัวเองอยู่เลยว่า “ด้วยสิ่งนี้จะทำให้ฉันเป็นที่นิยมและทุกคนจะหลงรักฉัน!” เอาเป็นว่าผมไม่เคยพูดก็แล้วกัน— 

 

ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าอดีตไอดอลอย่างซาเองุสะซังกำลังอ่านหนังสือแบบไหนที่ถึงกับให้ผมดูไม่ได้ แต่ผมเดาว่าคงเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอล่ะนะ 

 

ถ้าคนสวยอย่างซาเองุสะซังยังไม่มีโชคเรื่องความรักล่ะก็ คนที่คบกับเธอคงเป็นคนที่ดังมากๆหรือไม่ก็เป็นซุปเปอร์ฮีโร่แล้วแหละ 

 

ขณะที่ผมกำลังคิดเกัยวกับเรื่องนี้ ซาเองุสะซังก็กลอกตามามองทางผมด้วยยท่าทางเขินอายและปิดหน้าเธอด้วยหนังสือเรียนในมือ ก่อนจะเหลือบตามามองผมอีกครั้ง 

 

นั่นคือสิ่งที่เธอทำตลอดช่วงเช้านี้ 

 

 

“เห้! อรุณสวัสดิ์ทาคุยะ!” 

 

“โอ้! อรุณสวัสดิ์ทาคายูกิ!” 

 

ทาคายูกิมาถึงห้องหลังจากเสร็จกิจกรรมชมรมในช่วงเช้า 

 

ผมไม่รู้จริงๆว่าหมอนี่ซ้อมบาสตอนเช้าๆแบบนี้ได้ยังไง 

 

ผมของทาคายูกิยังคงชุ่มไปด้วยเหงื่อและมันดูดีมากๆ แม้ผมจะเป็นผู้ชายก็ตาม 

 

ถ้าผมเป็นผู้หญิง คงตกหลุมรักเขาแน่ๆ! 

 

“เห้ เพื่อนฉันมีข่าวดีด้วยล่ะ!” 

 

“หืม? อะไรดีงั้นเหรอ?” 

 

แล้วทาคายูกิก็ควานหาบางอย่างในกระเป๋าและเอาตั๋วออกมาสองใบ ซึ่งเขาดูจะภูมิในกับพวกมันมากๆ 

 

“ทาคุยะสุดสัปดาห์นี้นายว่างมั้ย?” 

 

“ว่างอยู่ ถามทำไมเหรอ?” 

 

“ดูสิ ดูสิ นี่ตั๋วคอนเสิร์ตของ DDG ในวันเสาร์นี้! ไปด้วยกันเถอะ!” 

 

“จริงจังปะเนี่ย? ยอดเยี่ยมไปเลย! ฉันจะได้เห็นยุยจังแสดงสดงั้นเหรอเนี่ย” 

 

“ใช่เลยพวก! พ่อฉันได้ตั๋วมาโดยบังเอิญน่ะ!” 

 

ผมรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็มีความสุข จนกระทั่งผมได้ยินเสียงดังขึ้นด้านข้าง 

 

เอี๊ยด!!!! 

 

พวกเราสองคนมองไปด้านข้างอย่างตกใจ ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงตอนที่ซาเองุสะซังลุกขึ้นยืนด้วยความเร็งสูง 

 

ซาเองุสะซังที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างๆพวกเรานั้นไม่ขยับตัว และใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวังราวกับโลกทั้งใบกำลังจะสูญสลาย 

 

“เห้ ซาเองุสะซัง เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” 

 

ทาคายูกิกล่าวถามอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ 

 

แต่แล้วซาเองุสะซังที่ยืนช็อคอยู่ก็กล่าวตอบอย่างแผ่วเผา “ขอโทษที” และเดินออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็ว 

 

“นั่นมันอะไรกันน่ะ?” 

 

“แล้วฉันจะไปรู้มั้ย?” 

 

ทาคายูกิกับผมทำได้เพียงมองเธอเดินจากไปโดยไม่รู้ว่าเธอทำไปเพื่ออะไร 

 

ก่อนที่คาบโฮมรูมจะเริ่ม ซาเองุสะซังก็ได้กลับเข้ามาในห้อง 

 

เธอกล่าวทักทายทุกคนตามปกติ 

 

เมื่อครู่นี้ซาเองุสะทำตัวลึกลับสุดๆ แต่ผมก็โล่งใจที่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร 

 

“ฉันไม่ยอมแพ้ยุยจังหรอกนะ…..” 

 

ขณะที่คาบโฮมรูมเริ่มขึ้น ผมก็ได้ยินเสียงของซาเองุสะซังกล่าวพึมพำอย่างแผ่วเบา 

 

เมื่อผมลองหันไปมองเธอ ก็พบว่าซาเองุสะซังกำลังทำหน้าราวกับตัดสินใจบางอย่างได้ 

 

ผมจึงคิดกับตัวเองว่า 

 

ซาเองุสะซังที่ปกติทำตัวน่าสงสัยอยู่แล้ว คราวนี้ทำตัวแปลกยิ่งกว่าเดิมอีก