ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเอสโก้นั้นเป็นใคร–?
และคำตอบที่ทีมพัฒนาตอบ User คนคนนั้นไปนั้นก็มีเพียงแค่คำเดียว
แอสเทมีร์ คลูเอ ลา เคอร์ริเซีย
[คลูเอ ลา] ที่เป็นชื่อกลางนั้น ในโลกของเอล์ฟมันก็คือชื่อเผ่า
เธอมีเชื้อสายเดียวกับเจ้าหญิงลาพิส คลูเอ ลา ลูเมต เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรแห่งเอล์ฟ [อัลไฮล์ม] อีกด้วย
(Translator : ตรงอิลลัสเขียนว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ของคันจิ แต่ขอเปลี่ยนเป็น อัลไฮล์ม ตามคำอ่านอิ้งต้นฉบับแทน)
เธอเป็นอาจารย์แล้วก็เป็นคนคุ้มกันของลาพิส เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด และยังเป็นผู้ที่อยู่ในระดับ [ผู้บุกเบิก] ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงสุดของนักเวทย์ด้วย
ความแข็งแกร่งของเธอคือความยืดหยุ่นในการต่อสู้ ที่ทำได้ทุกอย่าง ทั้งการต่อสู้ระยะใกล้ กลาง ไปจนถึงไกล
โดยพื้นฐานแล้ว [ความแข็งแกร่ง] กับ [กำลังกาย] นั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการต่อสู้ระยะประชิด
ส่วนระยะกลางและไกล สิ่งที่จำเป็นก็คือ [พลังเวทย์] [ความคล่องตัว] และ [สติปัญญา]
เพราะงั้นเอล์ฟก็ควรจะอ่อนแอในการต่อสู้ระยะประชิด
ทั้งที่มันควรจะเป็นแบบนั้น แต่แอสเทมีร์คนนี้นั้น ทั้งหมดมันกลับเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเวลาผ่านไป ค่าความสามารถของพวกพ้องเหล่าตัวเอกก็จะเพิ่มขึ้นตามวิธีการฝึกที่เลือก…
แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ฝึกแค่ [พลังเวทย์] แต่ “ความแข็งแกร่ง” และ “กำลังกาย” มันก็ดันเพิ่มขึ้นไปด้วย
( พวกผู้เล่นจะเรียกกรณีแบบนี้ว่า [การฝึกลับ] )
ตอนแรกที่ผมเห็น ผมก็นึกว่ามันเป็นบัคซะอีก
เอสโก้นั้นเป็นเกมที่ไม่ได้ยากอะไรเท่าไหร่ เพราะยังไงค่าต่าง ๆ ของตัวละครหลัก ก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว
แต่กับแอสเทมีร์นั้น ค่าความสามารถของเธอกลับเพิ่มเร็วมาก ๆ
อัตราการเติบโตนั้นถือว่าน่ากลัวเลยทีเดียว
แถมเธอยังมี [ธนูสมบัติ – อิริโอว่า ซิเรมา] อีกต่างหาก ยังกับเอาสูตรโกงมารวมกับสูตรโกงอีกอันเลย
การที่ทิ้งพวกตัวเอกไว้ข้างหลัง แล้วกวาดล้างพวกศัตรูกระจอก ๆ นี่ มันทำลายสมดุลเกมชัด ๆ
ยัยนี่!! ยังกับเจ้านักดาบใน ไฟน*ลแฟนตาซี แท็กติก ไม่มีผิดเลย!!
ถึงผมจะอยากรีบเตะเธอออกจากปาร์ตี้ก็เถอะ….แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
ถ้าถามว่าทำไมเธอถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ล่ะก็
นั่นก็เพราะเธอเป็นตัวละครที่เอาไว้ใช้ในการช่วยเหลือยังไงล่ะ
เธอจะร่วมต่อสู้ด้วยในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แต่หลังจากนั้นไป เธอก็จะหายไปเลย และ [ธนูสมบัติ อิริโอวา ซิเรมา] นั้น ก็จะถูกส่งต่อไปให้กับลาพิส
การที่เธอแข็งแกร่งขนาดนี้มันก็ดีอยู่หรอก แต่ในทางกลับกันแล้ว ในช่วงต้นเกมนี่มันก็ไม่มีใครที่จะเก่งไปกว่าเธอแล้วล่ะ
อย่างเรย์เอง ก็มีฮิอิโระเป็นศัตรูเหมือนกัน
ก่อนจะถึงช่วงแยกทาง ช่วงแรกแอสเทมีร์ก็จะมีบทบาทอยู่กับลาพิส แต่ถึงงั้น ในช่วงเวลาสั้น เธอก็ยังมีเวลามาจัดการฟันฮิอิโระเป็นชิ้น ๆ แล้วก็โจมตีบ้านพักของตระกูลซันโจ แล้วก็ระเบิดบึ้มทิ้ง…เป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่จนได้รับฉายาว่านักล่า จากผู้เล่นเลยล่ะ
เอาล่ะ ถึงจะเรียกนักล่าคนนั้นว่า “สิ่งนั้น” ก็เถอะ
แต่มันก็มีเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ควรพูดชื่อนั้นออกมาอยู่นะ นั่นก็เพราะว่าถ้าพูดขึ้นมามันจะเป็นลางไม่ดียังไงล่ะ
เพราะเธอเป็นผู้คุ้มกัน ดังนั้นก็ควรจะอยู่ข้าง ๆ ลาพิส…
ซึ่งนั่นเป็นโอกาสเดียวที่ผมจะได้ผ่านช่วงแรกไปโดยไม่ต้องเจอธงหายนะ
แต่แล้วตอนนี้
ตรงหน้าของผมก็มีเทพยักษาที่กำลังสวมมงกุฏผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ยืนอยู่ด้านหน้า
เธอถือดาบที่ยาวกว่าตัวเธอ…ซึ่งนั่นไม่ใช่อุปกรณ์เวทย์แต่อย่างใด แต่เป็นคาตานะญี่ปุ่นของเธอเองที่ชื่อว่า [มุเมย์ โบฮิ]
นั่นก็เพราะว่า อุปกรณ์เวทย์ของเธอมันก็คือ [ธนูสมบัติ : อิริโอวา ซิเรมา] ยังไงล่ะ
การที่ใช้เพียงแค่มุเมย์โบฮินั้นก็แปลว่า ยังไม่ได้เอาจริง และกำลังหยั่งเชิงอยู่นั่นเอง
“……”
แต่ก็นะ ฝีมือดาบของผู้หญิงคนนี้เอาจริง ๆ ก็ถือว่าอยู่ในระดับสัตว์ประหลาดเหมือนกันอยู่ดี!!
ถึงจะหยั่งเชิงอยู่หรือไม่ ฮิอิโระมันก็ไม่มีโอกาสชนะอยู่ดีเฟ้ย!!
“…ตั้งท่าสิคะ”
ตั้งท่าก็ตายอะเด้!! ใครจะยอมตั้งท่ากันฟะ!!
ผมยกมือขึ้นแล้วยิ้มออกมา
“เอ่อคือ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะนะครับ แต่เอาเป็นว่าเรามาคุยกันก่อ–“
มาแล้ว–ผมชักดาบแล้วกดทริกเกอร์
ซิงโครไนซ์เทคนิค รบกวนคลื่นพลังเวทย์ คำนวนเสร็จสิ้น
เชื่อมต่อคอนโซล….[การสรรค์สร้าง : พื้นผิวพลังเวทย์] [ปรับเปลี่ยน : ประสาทตา] [ปรับเปลี่ยน : กล้ามเนื้อและกระดูก]
เส้นแสงสีจาง ๆ ไหลผ่านฝักดาบและจากนั้นเวทมนตร์ก็ถูกเปิดใช้งาน
เปิดใช้งาน ปรับเปลี่ยนการรับภาพ–เวทย์สีจาง ๆ ปกคลุมไปรอบดวงตา ทำให้มองเห็นดาบ แล้วผมก็เอนหลังไปอย่างสุดกำลังเพื่อหลบดาบ
เส้นผมของผมถูกตัดเป็นแนวและปลืวไปในอากาศ
“หลบได้ด้วยสินะคะ”
แอสเทมีร์ยิ้มอย่างมีความสุข
ผมใส่พลังเวทย์ทั้งหมดลงไปที่ช่วงล้าง ทำให้ผมเร็วพอที่จะเอนไปข้างหลังได้เร็วที่สุดท่าที่จะทำได้
เหงื่อเย็นได้ไหลหยดลงที่หน้าอกของผม ถือว่าโชคดีไปที่ผมกดทริกเกอร์ได้ทันเวลาพอดี
การโจมตีนั่น ดูยังไงก็เล็งมาที่คอของผมแน่นอน แต่เดี๋ยวดิ นี่คิดจะฆ่ากันเหรอครับ ไม่สิ หรือตั้งใจจะหยุดก่อนจะโดนอยู่แล้วรึเปล่านะ
ไม่รู้เลยแฮะ ความสามารถมันต่างกันเกินไป
แอสเทมีร์ทำท่าตวัดดาบที่ดูเหมือนสลัดเลือดออก จากนั้นก็ยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาผม
“ถ้างั้น ต่อไป”
อ๊ะ แบบนี้ ถ้าไม่ทำอะไรล่ะก็ ตายแหง
ในตอนที่ผมกำลังคิดแบบนั้น ผมก็กระโดดถอยไปข้างหลัง–แต่แอสเทมีร์ที่เก็บดาบกลับเข้าฝักก็ได้วาร์ปมาข้างหลังผม
เดี๋ยวดิครับคุณเธอ ไปหยิบฝักดาบมาด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
แต่เดี๋ยวก่อนนะ นี่มีคอนโซล “วาร์ป” อยู่ด้วยเรอะ!?
เป็นตัวละครจำพวกต้องใช้วิชาอิไอ ก็อย่าใช้วาร์ปเด้!! ฮิอิโระ ซี้แหงแก๋!!
ก่อนที่ช่วงเวลาสั้น ๆ จะหมดลง ผมก็ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
และในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีนั้น– [ธาตุ : แสง] [การสรรค์สร้าง : บอล] [การทำงาน : ระเบิด]
เปิดใช้งาน แสง
จากนั้นลูกบอลแสงที่สร้างขึ้นมาระหว่างผมและแอสเทมีร์ก็ระเบิด
รังสีแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศ และแสงนั้นก็ได้พุ่งเข้าไปในดวงตาของแอสเทมีร์
บดบังการมองเห็นสำเร็จ!!
ผมหันหลังและพยายามจะหนี–ผมสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร–และจู่ ๆ ผมก็กลิ้งลงไปบนพื้น
“อืม”
แอสเทมีร์ที่หลับตาอยู่ได้เก็บดาบกลับเข้าฝัก
“ทำได้ขนาดนี้เนี่ยสมบูรณ์แบบไปเลยนะคะ เยี่ยมมากเลยล่ะค่ะ”
ไม่แฟร์เลย…ความรู้สึกชันที่ด้านหลังของผมนั้นมันเปลี่ยนไป
ความชันที่ลงมาเป็นแนวทแยงนั้น รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกอันรุนแรงที่ส่งลงไปถึงพื้นดินเลย
และหลังจากนั้นไม่นาน แก้มของผมก็มีเลือดไหลลงมา
อ่าา~ ตายแน่~
ก่อนที่จะต้องโดนอีกครั้ง ผมก็รีบวิ่งหนีอย่างสิ้นหวัง
รวบรวมพลังเวทย์ทั้งหมดไว้ที่ขา
จากนั้นก็วิ่งไปด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี แล้วใช้พลังเวทย์สีจาง ๆ เพื่อหนี
แต่ก็มีการฟันด้วยพลังมหาศาลมาขัดขวางเส้นทางการหนีของผมเอาไว้
อาจ๊ารรรย์!! ฮิอิโระคุงโดนบูลลี่คร้าบบบ!!
(อาจารย์ตอบ : ที่ห้องนี้ไม่เห็นจะมีการบูลลี่กันเลยนะครับ)
“ชะ ช่วยด้วยยย~!!”
ผมส่งเสียงออกมาอย่างน่าสมเพชและวิ่งหนีเข้าไปในมุม
แอสเทมีร์ถีบกำแพงและไล่ตามมาโดยที่ยังคงรักษาความเร็วไว้
“……”
เพอร์เฟคเลย
ในระหว่างที่กำลังซุ่มอยู่ ผมก็ใส่พลังเวทย์ทั้งหมดลงในคุกิ มาซามุเนะ และเหวี่ยงดาบลงมาด้วยความตั้งใจฆ่าจริง ๆ
ชักดาบไม่ทันแน่ แบบนี้เสร็จล่ะ–!!
แกร๊ง
คมดาบของผม ฟันลงลึกเข้าไปที่มุเมย์โบฮิ
“….!?”
ยะ…ยัยนี่!? เพราะชักดาบไม่ทัน ก็เลยรับไว้ด้วยด้ามดาบเหรอ!? ปฏิกิริยาตอบสนองนี่มันยังไงกันเนี่ย!?
“…สุดยอด”
แอสเทมีร์หัวเราะและใช้เท้าเตะไปข้างหน้า
“อุ้ก!?”
ผมโดนเต็ม ๆ และล้มลงไป
ตัวเธอถอยห่างออกมาและยกปลายนิ้วขึ้นไปบนฟ้า
“เหวแห่งความลับเอ๋ย”
การเคลื่อนไหวของตัวผมมันช้าลง แล้วผมก็ได้เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
อุปกรณ์เวทย์แบบพิเศษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และการจะเปิดใช้งานมันได้ก็ต้องใช้งานด้วยทริกเกอร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์
“บรรพบุรุษเอ๋ย เหล่านักธนูทั้งหลายเอ๋ย สิ่งโบราณที่ไม่อาจหยั่งถึงเอ๋ย”
ใช่แล้ว นั่นก็คือ–
“ได้โปรดโอบกอดเราไว้และนำทางเราด้วยเถิด”
สิ่งที่เรียกว่าการร่ายมนตร์
“จงมา ธนูสมบัติ”
กระแสพลังเวทย์ที่ปกคลุมรอบตัวแอสเทมีร์ทำให้ผมสีเงินของเธอลอยขึ้น
ที่ด้านหลังเธอ อากาศถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง และธนูสมบัติก็พุ่งออกมาจากตรงนั้น
เธอเล็งมาที่ผมอย่างไม่ปราณี
“อิริโอ–“
“อ้าว แอสเต้ ทำไมถึงเอาธนูสมบัติออกมาใช้ในที่แบบนี้กันล่ะ?”
พอได้ยินเสียงของเธอคนนั้น พลังเวทย์ของแอสเทมีร์ก็เบาลง
“ลาพิส…”
ลาพิสเดินมาหาและมองสลับที่ผมกับแอสเทมีร์ เหมือนว่าเธอกำลังสงสัยอะไรบางอย่่าง
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“ทำไมน่ะหรอ…ก็ที่นี่มันไม่ใช่เส้นทางวิ่งของฮิอิโระนี่นา เพราะเห็นว่าจู่ ๆ ก็ออกไปวิ่งอีกรอบ ก็เลยคิดจะไปรับกลับบ้านน่ะนะ”
ผมเดินไปหลบข้างหลังลาพิสแล้วยิ้มออกมา
แอสเทมีร์รู้สึกตะลึงกับสิ่งที่เห็น…แล้วเธอก็ใช้มือข้างหนึ่งปิดหน้าไว้แล้วหัวเราะออกมา
“อย่างงี้นี่เอง ฉันแพ้แล้วสินะคะ น่าตกใจจริง ๆ เกินจากที่ฉันจินตนาการไว้เยอะเลยนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้ฉันถึงกับต้องใช้ธนูสมบัติแบบนี้”
ดูเหมือนว่าแอสเทมีร์เองก็จะรู้สึกตัวแล้วล่ะนะ
ชัดเจนอยู่แล้วว่าถ้าสู้กันตัวต่อตัวยังไงผมก็สู้ไม่ไหว
เพราะงั้นผมจึงเลือกตั้งเป้าหมายไว้ที่ว่าจะไม่ชนะ แต่ก็จะไม่แพ้เหมือนกัน
ในขณะที่ผมกำลังป้องกันตัวเองแบบสิ้นหวัง ผมก็มุ่งหน้ามาที่ตรงนี้ไปด้วย ซึ่งนี่ก็คือที่ที่เป็นทางที่อยู่ระหว่างบ้านพักของตระกูลซันโจกับสวนสาธารณะยังไงล่ะ
ผมคิดไว้แล้วว่า ถ้าจู่ ๆ ผมก็วิ่งออกไปล่ะก็ ลาพิสหรือไม่ก็หน่วยเงา จะต้องออกมาตามหาที่เส้นทางนี้ก่อนแน่ ๆ
และผลลัพธ์ก็คือ ผมเป็นผู้ชนะการเดิมพันนั้น
ยังรอดอยู่ล่ะ…แจ๋วเลยยย…!!
“ฮิอิโระ”
ในขณะที่ผมกำลังรู้สึกดีใจสุขสม แอสเทมีร์ก็เดินเข้ามาหาผม
“คุณน่ะ เป็นคนที่มีความสามารถมาก บางทีแล้วซักวันหนึ่งคุณคงจะสามารถก้าวข้ามฉันไปได้แน่ เพราะงั้น ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ สนใจมาเป็น–“
เธอยิ้มออกมาอย่างงดงามและยื่นมือออกมาข้างหน้า
“ลูกศิษย์ของฉันรึเปล่าคะ”
….ครับ?