กว่าจะกลับมาถึงคฤหาสน์สโตร์กก็กินเวลาถึง 3 อาทิตย์ ทุกอย่างยังดูเหมือนเดิมเลยแฮะ แต่ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปล่ะก็ ก็คงเป็นเจคที่เริ่มต้นการเพาะปลูกที่สวนบ้านของเขาเองด้วยวิธีปลูกผัก LP มันคงเพราะเขายังสงสัยเกี่ยวกับมันแม้จะได้ฟังคำอธิบายไปแล้วก็ตาม

     อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลดี เจคที่ตอนนี้ค้นพบทางแห่งความหวังที่จะใช้วิธีการปลูกผัก LP นี้ แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เขากำลังขะมักขะเม้นวางแผนงานเพื่อที่จะสามารถให้มันนำมาใช้งานได้จริง

และนอร์แมน ที่สามารถตี 2 หน้าได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เรื่องเหล่านี้พ่อแม่ของเขาจึงยังไม่ได้ล่วงรู้อะไร 

มันคงจะพูดได้ว่า ทุกๆสิ่งตอนนี้กำลังดำเนินไปตามแผนได้อย่างราบลื่น

     ตอนนี้ก็ผ่านไป 10 วันแล้วหลังจากที่เขากลับมาจากดินแดนซูเมะรากิ วันที่จะนำวิธีการปลูกผักแบบ LP มาใช้จริงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 

     และในตอนที่ คาซูกิ กำลังดำเนินแผนงานตามการฝึกประจำวันอยู่นั้น เขาก็ได้รับการแจ้งถึงแขกที่มาหาเขาโดยเฉพาะ

 

[ มีแขกมาหาข้า ? ]

[ มันเป็นจริงดังว่าขอรับ ]

 

     แม้เรื่องที่บอกมานี้มันค่อนข้างกะทันหัน และคาซูกิเองก็นึกไม่ออกว่าใครกันจะมาหาเขากันแน่ เพราะเขาจำไม่เห็นได้ว่าฮาโรลด์นั้นเคยไปมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนสมัยเด็กกับใครที่ไหน . . . 

 

[ แขกคนนั้นชื่ออะไร ? ]

[ ท่าน เอริกะ ซูเมะรากิ ขอรับ ]

 

เมื่อได้ฟังชื่อนอร์แมนกล่าวออกมา คาซูกิถึงกับหยุดเหวี่ยงดาบ

 

(ทำไมเอริกะถึงมาที่นี่ . . .)

 

     ” ได้โปรดขอให้ลูกช้างรอดพ้นจากสถานการณ์ลำบากต่างๆในช่วงเวลายุ่งยากกับการเตรียมการที่จะเริ่มต้นการเพาะปลูกด้วยวิธีปลูกผัก LP ด้วยเถิด” นี่คือสิ่งที่คาซูกิร่ำร้องภาวนาอยู่ภายในใจอย่างเงียบๆ

     อย่างแรก เธอมาที่นี่เพื่ออะไรกัน มันไม่มีทางเลยที่เธอจะมาเพียงแค่อยากจะพบกับคู่หมั้นที่เพิ่งจะปากหมาใส่ตั้งแต่พบกันครั้งแรก. . .

     ถ้าจะให้เขาคิดเกี่ยวกับมันจริงๆ มันก็คงเป็นเรื่องอะไรเกี่ยวกับการตอบกลับจดหมายแน่ๆ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเอริกะถึงถูกเลือกให้เป็นคนนำมาส่ง

กรณีนี้ แม้ว่าเขาจะหยุดคิดเกี่ยวกับมันพลางถือดาบไว้ในมือยืนนิ่งที่สนาม มันก็คงไม่ทำให้เขาเข้าใจอะไรได้มากขึ้นหรอก

 

[ ส่งเธอไปที่ชานเรือน ]

 

     เฮย์เดนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะเขาต้องไปทำงาน แต่ว่าแม่ของเขา เจสสิก้า นั้นอยู่ที่บ้าน แม้ว่าวันนี้เธอจะอยู่กับเพื่อนๆเหล่าคุณหญิงที่มาพบ ณ ห้องจัดงานเลี้ยงก็ตาม แต่มันก็มีโอกาสที่พวกเธอจะพบกันถึงแม้จะไม่มากก็ตาม ในเมื่อมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับจดหมาย เขาจึงเลือกสถานที่เพื่อไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรค์ได้จะดีกว่า

     ความจริง ที่ห้องของเขาควรจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ว่า จู่ๆจะพาคู่หมั้นเข้ามาในห้องของเขา. .  เดี่ยวมันจะเกิดเรื่องเข้าในผิดปล่าวๆ ดังนั้นเขาจึงขอรอบคอบเอาไว้ก่อน เขารู้ดีว่าไม่มีทางที่เด็ก 10 ขวบทำแบบนั้นแล้วจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดได้หรอก แต่ว่าเขาก็เลือกทางที่ระวังเอาไว้ก่อนจะดีกว่า

     สำหรับเวลานี้ คาซูกะกำลังล้างเหงื่อของเขาด้วยน้ำ และหลังจากที่เปลี่ยนชุด เขาก็มุ่งตรงไปยังที่ชานบ้าน

ที่นั้น ปรากฎร่างของเอริกะกำลังดื่มดั่มกับชาดำที่เสิร์ฟโดยบริกรของตระกูลสโตร์ก

     ต่างจากวันนั้นที่สวมชุด คิโมโน วันนี้เธออยู่ในชุด ฮาคามะ ที่เหล่านักเรียนสวมใส่กัน มันเป็นฉากที่ขัดกันอย่างยิ่งสำหรับเธอ เพราะเธอนั้นกำลังสวมอยู่ในชุดสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ดันมานั่งดื่มชาอยู่บนเก้าอี้ไม้สไตล์ตะวันตก

 

[ เธอมาทำอะไรที่นี่ ? ]

 

     ขณะที่นั่งลงตรงข้ามเธอ ฮาโรลด์ถามออกมาในน้ำเสียงที่ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับโบกมือเพื่อไล่บริกรออกไป

เพราะถ้าหากมันเป็นเพราะเรื่องของจดหมาย เขาก็ไม่ยอมที่จะให้ใครมาได้ยินเรื่องพวกนี้ 

 

[ ในสถานการณ์เช่นนี้ ตามปกติแล้ว ไม่ใช่ประโยคแรกควรจะเป็น ” ขออภัยที่ต้องทำให้คุณรอ” หรอกรึคะ ]

 

     สำหรับคาซูกิ เขาเองก็ตั้งใจจะพูดอะไรคล้ายๆแบบนั้นอยู่หรอกนะ แต่กลับกลายเขาพูดออกมาแบบนี้เองและความหมายของมันก็ไม่ใกล้เคียงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อเลยซักนิด

 

[ ไม่เหมือนกับเธอ ข้าไม่ได้ว่างอยู่ตลอดหรอกนะ สำนักบุญคุณไว้ซะที่ข้าอุส่าโผล่หน้ามาให้เห็น ]

[ อึก . . . . นั้นก็จริง มันเป็นความผิดของดิฉันเองที่มาเยือนอย่างกะทันหัน แต่ว่า . . ]

 

     เอริกะที่กำลังจิตตกเพราะถูกเหตุผลนั้นแทงใจดำ

แม้ว่าที่เขาพูดมานั้นจะถูก แต่ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ เขารู้สึกว่าเขาจะพาลเธอเกินไปหน่อย

 

[ เหอะ เอาเถอะไม่เป็นไร แล้วเธอมีธุระอะไร ? ]

 

     อาจเพราะมโนธรรมของเขาถูกทิ่มแทง คาซูกิจึงเริ่มบทสนทนาต่อในเร็วไว

เพราะรับรู้ถึงอารมณ์ของฮาโรลด์ เอริกะพลันกลับมามีบรรยากาศที่สง่างามในทันที

 

[ อย่างแรก ในนามของตระกูลซูเมะรากิ ดิฉันอยากจะขอขอบพระคุณ สำหรับโอกาสที่มอบให้พวกเรา ขอขอบพระคุณที่ท่านได้ช่วยเหลือผู้คนของเราไว้มากมายค่ะ ]

 

     เอริกะก้มหัวของเธอลง , ช่วยรึ มันคงหมายถึงสิ่งที่ได้จากการผสมไอเทมพวกนั้นที่คาซูกิเป็นคนเขียนในจดหมายสินะ แสดงว่าพวกเขาเอามันไปใช้จริงๆและมันได้ผลดีด้วย

     ทาซูคุ ที่ได้รับจดหมายเมื่อประมาณ 20 วันที่แล้ว ถ้าคำนวนเวลาดูๆแล้ว แสดงว่าเขาทดลองมันแทบจะทันทีที่คาซูกิจากไป

ทาซูคุนี้เริ่มเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้นัก

 

[ พุ่งตะครุบไอ้ของปลอมพวกนั้นทันทีเลยนะ , ดูเหมือนว่าซูเมะรากิคงจะจนมุมถึงขีดสุดจริงๆ ]

 

     ฮาโรลด์ยังกล่าวออกมาอย่างเยอะเย้ยเช่นเคย แต่ปรอทวัดอารมณ์ของเอริกะก็ไม่ได้พุ่งสูงขึ้นแต่อย่างใด

 

[ มันเป็นอย่างที่ท่านฮาโรลด์กล่าวมา ในตอนนี้นั้น ทางซูเมะรากิไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ]

[ ยังไงซะ ข้าก็จะขายความกรุณานั้นให้ในราคาที่สูงอยู่แล้ว แต่ว่า ,  เธอยังเข้าใจผิดอยู่ดี ]

[ คุณหมายถึงอะไรคะ ? ]

[ ไอ้สิ่งที่ข้าเสนอให้ไอ้โง่อย่างพวกแกมันก็เป็นเพียงแค่วิธีแก้เฉพาะหน้าเท่านั้นแหละ มันไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุเลยซักนิด แถมมันยังจะมีผลข้างเคียงอีก ]

 

     ในเกมส์นั้น มันก็เพียงแค่เลือกส่วนผสมต่างๆมาแล้วก็ผสมมัน แต่ว่าในความเป็นจริง มันจะต้องหาปริมาณที่เหมาะสมโดยการทดลองหลายต่อหลายครั้งและยังต้องทดสอบอีกมากเพื่อหาสัดส่วนที่พอเหมาะ ด้วยทั้งหมดนี้ คาซูกิจึงไม่คิดว่ามันจะส่งผลได้เร็วขนาดนี้

     จะเพิ่มให้อีกอย่าง เขานั้นไม่ได้มีความรู้เลยสักนิดเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ได้ปรากฎอยู่ในเกมส์ เช่นมันอาจมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ปริมาณมากเกินไปหรือการใช้มันติดต่อกันเป็นเวลานาน เขานั้นไม่รู้ระดับความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาได้เลย

     ก็จริงที่เขาบอกสิ่งนี้ให้กับทาซูคุในจดหมายนั้น ทางซูเมรากิคงจะจนมุมจริงๆที่ไม่แม้จะทดสอบพวกนี้เลยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่มันยังมีความเสี่ยงอีกมากแท้ๆ

 

[ อีกความหมายก็คือ ยาของท่านฮาโรลด์นั้นไม่สามารถรักษาได้อย่างสมบูรณ์งั้นรึคะ ? ]

[ ถ้าหากระดับอาการป่วยทุเลาลง การจะรักษาให้หายขาดก็อาจเป็นไปได้ แต่สำหรับผู้ป่วยที่อาการรุนแรง มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก และข้าก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสนใจเรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว ]

 

     เพราะกลุ่มเดียวที่สามารถแก้ไขเรื่องพวกนี้ได้ก็คือลินเนอร์และพรรคพวก และเหตุการณ์นี้มันจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เอริกะเข้าร่วมกลุ่มกับกลุ่มตัวเอก

     แม้ว่ามันจะฟังดูเย็นฉา แต่ว่าเอริกะเธอก็เข้าใจเป็นอย่างดี

แม้พวกเขาจะหมั้นกันจริงๆ แต่มันเป็นแค่การแต่งงานทางการเมือง ตราบเท่าที่ตระกูลสโตร์กลดอัตราภาษีที่เขาเก็บลงจนเหลือน้อยที่สุด เพียงแค่นี้ ก็เป็นผลดีและยังช่วยเหลือด้านการเงินกับทางซูเมะรากิ แถมทางตระกูลสโตร์กยังจะรักษาชื่อเสียงของพวกเขาไว้ได้อีกด้วย

และ สิ่งที่ฮาโรลด์แสดงออกมา—-

 

(เขาเป็นคนสร้างมัน . . .? “ยานั้น”)

 

     คำถามนี้ได้แล่นผ่านเข้ามาในความคิดของเอริกะ

เมื่อได้รู้ว่า ฮาโรลด์เป็นคนสร้างยารักษาพวกนั้น

     มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างมันได้สำเร็จหลังจากที่การหมั้นกับเอริกะได้ถูกตัดสินใจได้ไม่นาน แม้ว่าเธอจะไม่มีความรู้ในเรื่องพวกนี้เลยซักนิด แต่เธอก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดค้นยารักษานี้เพียงเวลาไม่กี่วัน 

 “เขาอาจจะแค่รู้เรื่องพวกนี้เฉยๆ มันคงไม่ได้ถูกสร้างโดยฮาโรลด์หรอกมั้ง?” นั้นเพราะเมื่อก่อนหน้านี้ที่เอริกะพูดว่า “ยาของท่านฮาโรลด์” เขานั้นไม่ได้ปฎิเสธมันแต่ก็ไม่ได้ยอมรับมันเช่นกัน

ฮาโรลด์นั้น จนท้ายที่สุด ก็ทำเพียงแค่ “ชี้ช่องทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น”

     แต่ยังก่อน มันยังยากที่จะคิดว่าฮาโรลด์นั้นจะมีความรู้เกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลแบบนี้ ในเมื่อคนทั้งหมดของ ซูเมะรากิร่วมมือกันยังไม่สามารถหาวิธีแก้ปัญหานี้ได้เลย

     สมมุติในกรณีนี้ ถ้าหากเขามีความรู้ทางการรักษาเพื่อตรวจสอบถึงผลกระทบแม้เพียงเล็กน้อย แสดงว่าเขาจะต้องเคยทดลองมันมาอย่างนับครั้งไม่ถ้วนหรืออาจจะมีตำราเกี่ยวกับมันหลงเหลืออยู่ มันคงน่าขำสิ้นดีถ้าหากเขาไม่มีวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น

 

( นี้มัน แปลกประหลาดเกินไปแล้ว . . )

[ นี้คือทั้งหมดแล้ว? ]

 

     เอริกะที่กำลังจมอยู่กับความคิด ถูกเสียงเรียกของฮาโรลด์นั้นปลุกให้รู้สึกตัว โดยที่เขาไม่พยายามที่จะปิดบังความหัวเสียของเขาเลยซักนิด

อารมณ์ที่เขาแสดงออกมานั้นราวกับว่าเขาต้องการที่จะส่งเธอกลับไปจากทางที่เธอมาไวๆ

 

[ ยังมีอีกค่ะ ดิฉันได้รับมอบหมายให้นำจดหมายจากท่านพ่อมาส่งถึงท่านฮาโรลด์ค่ะ ]

[ ส่งมันมาซะ ]

 

     เป็นดังคาด ดูเหมือนว่าเอริกะจะถูกเลือกให้เป็นคนส่งสารจริงๆ

ทาซูคุคงตัดสินใจที่จะเขียนจดหมายนี้มาเพื่อขอบคุณสินะ และคงคิดว่าควรจะให้มีคนมาแสดงความขอบคุณแทนเขาด้วย

     ขณะที่รู้สึกเห็นใจเอริกะอยู่เล็กๆ พลางคิดว่าเธอคงไม่เต็มใจที่จะมาที่นี้หรอก คาซูกิจึงอ่านจดหมายของทาซูคุพอผ่านๆ

     เนื้อหาในจดหมายก็เป็นดั่งที่เขาคาดไว้

ผลของยารักษานั้น , เรื่องของผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ซึ่งมันไม่ไช้ปัญหาใหญ่อะไร แต่ดูเหมือนว่าพวกเขายังคงเฝ้าระวังสังเกตุความเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด และเนื้อหาที่กล่าวขอบคุณฮาโรลด์ 

นั้นคือสิ่งที่ถูกเขียนไว้ในจดหมาย

     เอาละตอนนี้ มันก็เป็นสิ่งที่ทางฝั่งนั้นรายงานมา ทาซูคุคงไม่อยากให้เขายื่นมือเข้ามาช่วยตลอดไปหรอก ดังนั้นคงดีกว่าที่จะจะถ่ายทอดวิธีการเฝ้าระวังผู้ป่วยให้กับทางทาซูคุ

 

(หือ?)

 

     ขณะที่กำลังใช้ความคิดเขาก็พบว่ามันยังมีกระดาษอีกแผ่น มันขึ้นต้นด้วยคำว่า ป.ล.

ป.ล.

     อย่างที่เธอรู้ ตั้งแต่มีสถานการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นกับดินแดนซูเมะรากิตอนนี้ และข้าก็กำลังยุ่งวุ่นวายเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเค้าลางเตือนมาก่อนเลย ทำให้พวกเราคาดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้นได้

     และ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับข้าที่จะขอให้เธอช่วยไปมากกว่านี้ แต่ว่าข้ามีคำขอร้องอีกอย่าง ข้าขอโทษจริงๆ ได้โปรดเธอช่วยดูแลเอริกะที่ตระกูลสโตร์กสักพัก ข้าคงตัดสินใจไปโดยใช้เพียงแค่ความรู้สึกส่วนตัวโดยไม่ถามความเห็นของเธอก่อนเลย แต่นั้นมันเป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อควรทำที่จะต้องคิดถึงเรื่องของลูกสาว—-

     คาซูกิที่ได้อ่านมาถึงตอนนี้ เขาได้ละสายตาออกจากจดหมาย พลางคิดว่าไอ้สิ่งนี้ทำให้เขาปวดหัวอีกแล้ว หลังจากปรับสายตาใหม่ เขาจึงมองที่จดหมายอีกครั้งและเริ่มอ่านมันตั้งแต่ต้น

ถึงแม้ว่าเขาจะทำแบบนั้นอีกรอบ ไม่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนคำพูดที่ขอร้องให้เขาช่วยดูแลเอริกะให้ปลอดภัย

     เขาพยายามที่จะประคองหัวของตัวเองไม่ให้ฟาดกับโต๊ะด้วยมือของเขา แต่ว่า มันมีเสียงที่กรี๊ดร้องที่แสดงถึงความไม่พอใจออกมาจากภายในใจของเขา

 

[ ไอ้พวกนี้มันหมายความว่าอะไร . . . ]

[ เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ? ]

 

     ภายใต้ความเงียบ คาซูกิยื่นกระดาษในส่วนของ ป.ล. ไปตรงด้านของเอริกะ

หลังจากเธอได้อ่านมัน เอริกะก็พูดออกมาราวกับว่าเธอตกใจเป็นอย่างมาก แต่มันก็อยู่ในน้ำเสียงที่เหมือนจะไม่เป็นอะไร

 

[ โอ้ นี่มันช่างเป็นปัญหาจริงๆ แม้ว่าดิฉันจะเป็นคู่หมั้นคุณ แต่ดิฉันก็รู้สึกกลัวคนอื่นๆที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันนะคะ ]

[ . . . . เห้ย ]

[ แต่ว่ารถม้าที่พาดิฉันมาที่นี่ก็กลับไปแล้ว แบบนี้ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากหวังพึ่งความเมตตาจากท่านฮาโรลด์เท่านั้น ]

[ เห้ย แม่นี่ ]

[ คะ ? มีอะไรรึ ? ]

 

     เอริกะเธอได้ยิ้มออกมา นี้เป็นครั้งแรกที่เห็นเธอยิ้มกว้างแบบนี้

 

[ เธอนี่มันกล้าดีนะ ]

[ ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับคำชมจากคุณ ]

 

     แม้ฮาโรลด์จะพูดแดกดันเอริกะ แต่เธอกลับตอบกลับมันมาด้วยใบหน้าที่ร่าเริง นี่คงไม่ใช่สิ่งที่ทาซูคุตัดสินเพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าเธอจะรู้อยู่ก่อนแล้ว

หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือ เป้าหมายของเธอคือพยายามที่จะอยู่ที่นี่ให้ได้

     ที่มันแปลกๆนั้นเพราะถึงแม้พวกเขาทั้งคู่เป็นคู่หมั้นกัน แต่เขาก็ได้แจ้งวิธีที่ไม่ต้องให้เอริกะแต่งงานเข้าตระกูลสโตร์กกับทาซูคุไปแล้ว

     และนั้น ถ้าหากทาซูคุเชื่อในข้อความในจดหมาย เขาก็ไม่ควรที่จะทำแบบนี้ ไม่ควรที่จะส่งเอริกะมาที่นี่เลย เพราะนั้นมันแสดงถึงเขานั้นไม่เชื่อข้อความในจดหมาย

     และอีกอย่าง คาซูกินั้นงงกับพฤติกรรมของเอริกะ

จริงๆแล้ว ในเกมส์มันบอกแต่เพียงว่าตอนเด็กนั้นเธอเป็นคนที่ขี้เล่นและชอบเล่นแผลงๆนิดหน่อยๆ และเธอไม่ได้มีบุคคลิกที่เป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นจนกว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะฉนั้นเรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหาอะไรนัก แต่ว่าสิ่งนี้มันทำให้คาซูกิตั้งตัวไม่ทันอยู่ดี

 

[ ข้าไม่เห็นจำเป็นจะต้องยอมรับการตัดสินใจเองเพียงฝ่ายเดียวเลยซักนิด ]

 

     แม้ว่าคำขอร้องที่มาจากขุนนางที่ชนชั้นสูงกว่านั้นถือว่าเป็นคำสั่ง แต่ว่าคาซูกิกับปฎิเสธมันอย่างไม่ลังเล

     เพราะเขาคิดไว้แล้วว่า ถึงปฎิเสธไปก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าหากดูจากบุคคลิกของทาซูคุและสถานการณ์ตอนนี้ของซูเมะรากิ

     เพราะถ้าหากทำตามแผนที่คาซูกิได้วางไว้ มันก็จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างซูเมะรากิและสโตร์กมีแต่จะแย่ลง และนั้นคือสิ่งที่คาซูกิหวังไว้ เพราะนี้ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้การหมั้นถูกยกเลิก แต่ว่าพวกเขากับ , ดันส่งเสริมมันซะงั้น

 

[ คุณจะไม่เย็นฉาไปหน่อยหรือคะ ทั้งๆที่คุณช่วยแม้กระทั้งผู้คนของดินแดนอื่น !แต่นี้คู่หมั้นคุณนะคะ ! คุณปฎิบัติกับคู่หมั้นของคุณได้โหดร้ายเกินไปรึปล่าวคะ ]

 

     เอริกะได้ทำท่าแสดงความเสียใจออกมา 

แต่นั้น มันก็เป็นเพียงแค่ “ทำท่า” เท่านั้น มันไม่เหมือนกับตอนที่เธอสลดใจจริงๆ

และหัวใจของคาซูกิก็ไม่สั่นไหวกับสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย

 

[ นั้นเพราะข้าจะเก็บเงินข้าที่บอกวิธีนั้นทีหลังต่างหาก แต่สำหรับนี่ ข้าไม่เห็นจะได้อะไรเลย ]

[ เป็นอย่างนี้สินะคะ ถ้าหากคุณพูดพอแล้ว ดิฉันก็จะไม่ขอร้องท่านฮาโรลด์ไปมากกว่านี้อีกแล้วค่ะ ]

 

     เอริกะ ที่ลุกขึ้นอย่างเร็วไว อีกครั้งที่เธอโค้งให้กับฮาโรลด์

 

[ อีกครั้ง ที่ดิฉันจะขอแสดงความขอบคุณแก่ท่านฮาโรลด์ สำหรับที่ช่วยเหลือประชาชนของซูเมะรากิ ขอขอบพระคุณมากค่ะ ]

 

     เธอก้มอย่างนอบน้อม จนทำให้เขาลงคิดว่าถ้าหากพวกเขากำลังนั่งอยู่บนเสื่อละก็ เธอคงจะก้มตัวลงพลางกด 3 นิ้วลงบนพื้น (TL : อิหยังวะ?? หมอบกราบแบบญี่ปุ่นเรอะ?) 

มันทำให้เขารู้สึกว่าได้เห็นตัวตนจริงๆของเอริกะ รวมถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อประชาชนของเธอ 

ถึงจะเห็นแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ยอมให้เธอเอาเปรียบเขาได้เลยแม้แต่น้อย

 

[ ข้าจะเก็บเงินก้อนใหญ่นั้นทีหลัง ในขณะที่เธอยังพอมีเวลา ก็ควรคิดหาวิธีต่างๆที่จะทำให้พวกเธอเอาตัวรอดไปได้เถอะ ]

[ แค่นี้ก็เป็นหนี้บุญคุณท่านมากพอแล้วล่ะค่ะ ถ้ากระนั้น ดิฉันขอตัวก่อนค่ะ ]

 

     เอริกะทิ้งเพียงคำกล่าวไว้เบื่องหลัง เธอออกจากคฤหาสน์ด้วยก้าวอย่างอย่างมั่นคง เขารู้สึกพิรุธบางอย่างที่จู่ๆเธอก็ยอมแพ้เอาง่ายๆ แต่พอมาคิดดูแล้ว เธอมีแผนจะกลับบ้านอย่างไรโดยไม่มีรถม้า ซึ่งคำถามนี้เขาได้แล่นเข้ามาในหัวของเขาหลังจากผ่านไปซักพัก

ในที่สุดเขาก็รู้คำตอบของคำถามนั้นในอีก 2-3 ชมต่อมา

จากปากของเฮย์เดน . . 

พ่อของเขาเอง . . .

………………………………………………………………………………………………..

TL : ดึกๆ เดี่ยวแถมตอน 10 อีกซักตอน