ตอนที่ 10 จดหมายรักที่น่ารังเกียจ
ตอนที่ 10 จดหมายรักที่น่ารังเกียจ
อย่างไรก็ตามเธอกลับหลงรักวงการนี้ จากการเรียนรู้ในชีวิตก่อน ทำให้เธอกลายเป็นสไตลิสต์ที่เก่งมาก กระทั่งได้เข้าร่วมกับทีมงานภาพยนตร์เพื่อออกแบบทรงผมให้กับนักแสดง และด้วยเหตุบังเอิญนี้เอง เสิ่นอวี้อิ๋งก็เข้าหาผู้กำกับผ่านทางเธอและกลายเป็นนักแสดง
โชคดีสำหรับเธอที่แม้จะไม่ค่อยทันคนและถูกคนอื่นหลอกใช้ แต่สำหรับงานที่เธอรักแล้ว เธอหมั่นเรียนรู้และปรับปรุงฝีมืออยู่เสมอ
เธอซื้อของเหล่านี้ใส่มาในกระเป๋าด้วยค่าจ้างเด็กฝึกงานที่เก็บหอมรอมริบมาหลายเดือน แต่หลังจากที่ภูมิหลังของเธอถูกเปิดเผย เสิ่นอวี้อิ๋งกล่าวอ้างว่างานในร้านตัดผมของรัฐควรเป็นของเสิ่นอวี้อิ๋งตัวจริง และขอให้เธอลาออกไป
ในเวลานั้นเสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลานไม่ได้ออกมาพูดปกป้อง ซึ่งถือเป็นการอนุมัติโดยปริยาย
ครั้นออกจากบ้านตระกูลเสิ่น เสิ่นอวี้อิ๋งจับตามองเธอ เธอจึงไม่ได้นำสิ่งใดออกมาเลยนอกจากกระเป๋าใบนี้
เธอดึงของในกระเป๋าสัมภาระออก และเห็นว่าข้างในยังมีซองจดหมายกองหนา
เธอหยิบมันออกมาและเปิดอ่านอย่างลวก ๆ
เมื่อเห็นเนื้อหาในกระดาษจดหมาย เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบจะอาเจียน
นี่คือจดหมายรักที่ชายชั่วหลิวจื้อหมิงเขียนถึงเธอ
น้ำเน่ายิ่งกว่าละครหลังข่าวเสียอีก
ในชีวิตที่แล้ว ถ้อยคำหวาน ๆ ของหลิวจื้อหมิงทำให้เธอหลงเขาหัวปักหัวปำ
แม้ว่าภูมิหลังของเธอจะถูกเปิดเผย และหลิวจื้อหมิงเลือกที่จะตีตัวออกห่างโดยไม่ลังเล แต่เธอยังคงยึดติดกับจินตนาการเพ้อฝันในใจ
หลังจากกลับมาในเมือง เมื่อเขาพาเสิ่นอวี้อิ๋งมาเพื่อตามหาเธอ และแสดงความตั้งใจที่จะให้เธอกลับไปหาตระกูลเสิ่น เธอก็ไปกับพวกเขาทันทีโดยไม่หันกลับมาอีก
หลินเซี่ยกำลังจะฉีกมันทิ้ง แต่หลังจากคิดดูแล้ว การเก็บจดหมายรักเหล่านี้ไว้อาจเป็นประโยชน์
เธอใส่มันกลับเข้าซอง
หลินเซี่ยเก็บของลงในกระเป๋าอีกครั้ง ก่อนหยิบวิกผมแอฟโฟรมาสวมลงบนหัว โดยวางแผนตั้งใจทำให้หู่จื่อกลัว
แน่นอนว่าทันทีที่เธอเข้าไปในห้องหลัก หู่จื่อกำลังนั่งเล่นกับผู้อาวุโสตระกูลโจวทั้งสองบนเตาเตียง เมื่อเห็นเธอ เขาตกใจมากจนแทบเสียหลักหล่นจากเตียงเตา “แม่จ๋าช่วยลูกด้วย”
“เซี่ยเซี่ย เธอกำลังทำอะไร?” คุณย่าโจวเดินเข้าไปมองอย่างใกล้ชิดและถามด้วยท่าทางแปลกประหลาด
หลินเซี่ยส่ายหัว “คุณย่า นี่คือวิกที่ฉันซื้อมา มันดูทันสมัยมากใช่ไหมคะ?”
“ทันสมัยมาก ทันสมัย” คุณย่าโจวพูดด้วยสีหน้าพิลึกพิลั่น แม้ว่าคำพูดของนางจะขาดความจริงใจก็ตาม
เฉินเจียไจ้กำลังเปลี่ยนถ่านหินสำหรับเตาถ่าน สายตาเขาจับจ้องไปยังวิกบนศีรษะของหญิงสาวพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไป
ขณะเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ก้อนถ่านบนที่คีบถ่านหินก็แทบร่วงหล่น
หลินเซี่ยถอดวิกผมและวางลงบนหัวหู่จือ เด็กชายรีบคว้ามันออกด้วยความขยะแขยง “ผมเป็นเด็กผู้ชาย อย่าเอามาสวมให้ผมนะ”
“ฮ่าๆ เธอค่อนข้างจะใส่ใจเรื่องเพศนะเจ้าหนู”
เฉินเจียเหอมองดูรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของหญิงสาว รวมกับท่าทางเย่อหยิ่งของหู่จือแล้ว สีหน้าแววตาของเขาก็อ่อนลง พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปาก
คุณย่าโจวเพิ่งเคยเห็นวิกเป็นครั้งแรก นางหยิบวิกมาจากหลินเซี่ยและตรวจสอบดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ในเวลานี้ ม่านประตูถูกยกขึ้น เอ้อร์เลิ่งเดินเข้ามาโดยมี “แท่งน้ำแข็ง” เกาะอยู่ตามเส้นผม
เขาสอดมือเข้าไปในแขนเสื้อบุนวม ใบหน้าแดงก่ำจากความหนาวเย็นและน้ำมูกไหลย้อย
หู่จือมองไปที่เอ้อร์เลิ่งและถามด้วยความประหลาดใจ “ลุงเอ้อร์เลิ่ง ทำไมผมของลุงถึงแข็งแบบนั้น”
เอ้อร์เลิ่งสูดน้ำมูกใสที่ไหลลงมา เขาหัวเราะเบา ๆ “ต้าเหอบอกว่าจะตัดผมให้ ฉันเลยมาที่นี่ทันทีหลังจากสระผม”
หู่จือรีบนำม้านั่งมาให้ เพื่อที่เขาจะได้นั่งหน้าเตาไฟ
เฉินเจียเหอยกกาต้มน้ำออกจากเตาถ่านหินแบบรังผึ้งและถอดฝาครอบช่องระบายอากาศของเตาออก ทำให้ไฟในเตาลุกโชนทันที
เฉินเจียเหอดึงเขาไปนั่งข้างเตา “ผิงไฟสักพัก เดี๋ยวฉันตัดให้ทีหลัง”
หลังจากผิงไฟสักพัก ผมของเอ้อร์เลิ่งค่อย ๆ ละลาย เฉินเจียเหอจึงนำผ้าขนหนูมาเช็ดน้ำออกจากหัวของเขา
คุณย่าโจวมองเอ้อร์เลิ่งอย่างใจดีและพูดว่า “เอ้อร์เลิ่งเอ๋ย หลังจากสระผมแล้ว เธอต้องเป่าผมให้แห้งก่อนออกมานะ ไม่งั้นจะเป็นหวัดง่าย”
เอ้อร์เลิ่งทำหน้ามุ่ย “แม่ไม่ให้ผ้าเช็ดตัวผม”
เฉินเจียเหอช่วยซับผมให้เขาจนหมาด
ม่านประตูถูกนำออกมาผูกไว้รอบคอเอ้อร์เลิ่ง จากนั้นเฉินเจียเหอก็หยิบชามใบใหญ่ออกมาจากห้องครัว พร้อมกับกรรไกร ปัตตาเลี่ยน และหวีอย่างครบครันเพื่อนำมาตัดผมให้เอ้อร์เลิ่ง
“คุณเอาชามมาทำอะไร?” หลินเซี่ยยืนอยู่ด้านข้าง มองดูการเตรียมตัวของเขาพลางถามด้วยความสับสน
เฉินเจียเหอตอบ “ติดมันไว้บนหัว เพื่อที่จะได้ตัดให้เรียบร้อยยิ่งขึ้น”
ขณะกล่าว เขาวางชามบนหัวของเอ้อร์เลิ่งและแสดงให้เธอดู
หลินเซี่ยมองดูการกระทำของเขา มุมปากของเธอพลันกระตุกเล็กน้อย
นี่จะตัดผมทรงกะลาครอบเหรอ?
มันอาจเหมาะสำหรับการตัดผมของเด็ก แต่เอ้อร์เลิ่งเป็นผู้ใหญ่ในวัยยี่สิบปี เขายิ่งเสียสติอยู่แล้ว การตัดผมทรงกะลาครอบจะยิ่งทำให้เขาดูโง่เขลากว่าเดิม
เฉินเจียเหอไม่กลัวว่าคนอื่นในหมู่บ้านจะมองว่าเอ้อร์เลิ่งเป็นคนโง่เขลาหรือ?
หลินเซี่ยทนไม่ได้แล้วจริง ๆ
เธอเดินเข้าไปและพูดกับเฉินเจียเหอว่า “ไม่งั้น ฉันจะตัดให้เขาเอง”
“???”
ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเจียเหอพลันตะลึงงันและรีบหันมองหลินเซี่ยด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่คาดคิดว่าเธอจะอาสาตัดผมให้เอ้อร์เลิ่งด้วยความสมัครใจ
เขารู้ว่าหลินเซี่ยเคยเป็นเด็กฝึกงานร้านตัดผมของรัฐในเมืองไห่เฉิง เธอจึงรู้วิธีตัดผม
แต่สิ่งที่เขาตกใจคือ เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจเอ้อร์เลิ่งหรือ?
เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอบ่นเรื่องความสกปรกและความยุ่งเหยิงของชนบท แต่วันนี้เธอกำลังจะตัดผมให้เอ้อร์เลิ่งที่มีน้ำมูกไหลย้อย?
เฉินเจียเหออดไม่ได้ที่จะมองเธออีกครั้ง
หลินเซี่ยรับปัตตาเลี่ยนจากเฉินเจียเหอที่กำลังตะลึงงัน “เอ้อร์เลิ่ง ฉันจะตัดผมให้นายเอง ได้ใช่ไหม?”
เอ้อร์เลิ่งยิ้มกว้าง “พี่สะใภ้คนสวยของต้าเหออยากตัดผมให้เหรอ? ยอดเยี่ยมไปเลย”
เอ้อร์เลิ่งกำลังจะร้องเพลงอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นสายตาที่จับจ้องของเฉินเจียเหอ เขาก็ตกใจจนไม่กล้าร้องเพลง
หลินเซี่ยกำลังจะตัดผมให้เอ้อร์เลิ่ง ดังนั้นเฉินเจียเหอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกชามใบใหญ่ออกจากหัวเอ้อร์เลิ่ง
“รอฉันก่อนนะ ฉันจะไปเอาอุปกรณ์มืออาชีพมาใช้”
เธอวิ่งไปที่ห้องทางทิศตะวันออกและหยิบปัตตาเลี่ยนตัดผม ไดร์เป่าผม กรรไกรตัดผมมืออาชีพ และอุปกรณ์อื่น ๆ ออกมาจากกระเป๋า
“เอ้อร์เลิ่ง นั่งนิ่ง ๆ นะ ฉันจะให้นายส่องกระจกทีหลัง แล้วนายจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”
หลินเซี่ยสังเกตทรงผมของเอ้อร์เลิ่งและตัดสินใจที่จะตัดทรงสั้นเกรียน
ในยุคนี้ ทรงผมของกัวฟู่เฉิงเป็นที่นิยมในหมู่ชายหนุ่มที่อยากตัดผมสไตล์อินเทรนด์ หรือก็คือทรงผมแสกข้าง 70/30
สำหรับผู้ชายร่างใหญ่แข็งแรงอย่างเฉินเจียเหอ ส่วนใหญ่จะเลือกทรงผมบัซคัต*
(*ผมทรงสั้นเกรียนหรือทรงลานบินที่เหล่าทหารชอบตัดกัน)
ทรงบัซคัตเรียบง่ายรองรับรูปลักษณ์และนิสัยใจคอได้อย่างสมบูรณ์
เห็นได้ชัดว่าทรงผมของกัวฟู่เฉิงไม่เหมาะสมกับเอ้อร์เลิ่ง
หากตัดทรงผมแสกข้าง 70/30 ให้กับเอ้อร์เลิ่งผู้ไม่ค่อยรักษาความสะอาด เวลาตื่นนอนมันอาจยุ่งเหยิงกลายเป็นรังนกได้ง่าย ๆ
ดังนั้นทรงผมบัซคัตจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
โกนด้านข้างและหลังให้สั้น โดยเหลือส่วนบนที่ไว้ยาว
เอ้อร์เลิ่งไม่ได้ตัดผมมาสักระยะแล้ว มันจึงยาวมาก
แล้วผมของเขายังค่อนข้างแข็งกระด้าง
ปัจจุบันปัตตาเลี่ยนทั่วไปเป็นแบบใช้แรงมือ ไม่เหมือนปัตตาเลี่ยนไฟฟ้าที่เธอคุ้นเคยในอนาคต ซึ่งใช้งานได้รวดเร็วและง่ายกว่า
เฉินเจียเหอใช้น้ำมันกับปัตตาเลี่ยน เพื่อช่วยให้ใบมีดลื่นขึ้นและป้องกันเส้นผมติดกับซี่ใบมีด
เธอใช้กรรไกรตัดมันให้สั้นก่อน จากนั้นจึงใช้ปัตตาเลี่ยนไถผมส่วนล่างให้เรียบ
เธอใช้กรรไกรซอยผมด้านบนให้บางลง
เธอจำได้ว่ามีกระปุกเจลจัดแต่งทรงผมอยู่ในกระเป๋า เธอจึงรีบวิ่งไปหยิบมันมา หลังจากตัดผมเสร็จแล้ว เธอทาเจลจัดแต่งทรงผมส่วนด้านบนของเอ้อร์เลิ่ง
หลินเซี่ยขอให้เอ้อร์เลิ่งยืนขึ้น ก่อนหันไปยิ้มให้กับเฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ
“เป็นไงบ้าง?”
หู่จืออุทานขึ้น “โห ลุงเอ้อร์เลิ่งหล่อจัง เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย”
ในตอนเช้าผมของลุงเอ้อร์เลิ่งยุ่งเหยิงเป็นสังกะตัง ดูเหมือนคนจรจัดไม่ปาน
พอตัดผมแล้ว ใบหน้าของเขาดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้น
คุณย่าโจวและผู้เฒ่าโจวมองดูการเปลี่ยนแปลงของเอ้อร์เลิ่งพร้อมอุทานด้วยความประหลาดใจ “เซี่ยเซี่ยมีฝีมือจริง ๆ หล่อนตัดผมให้เอ้อร์เลิ่งอย่างประณีตและมีสไตล์ ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนในหมู่บ้านตัดผมทรงนี้มาก่อนเลย”
หากเอ้อร์เลิ่งยืนอยู่เฉย ๆ โดยไม่พูดหรือหัวเราะคิกคัก ก็คงไม่มีใครรู้ว่าเขามีปัญหาทางจิต
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เก็บหลักฐานเอาไว้โจมตีภายหลังเป็นความคิดที่ดีค่ะ
ได้แสดงฝีมือช่างตัดผมแล้ว รอดูความก้าวหน้าของเซี่ยเซี่ยเลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)