สิ่งแรกที่ทำให้ฉันประหลาดใจเมื่อออกจากห้องก็คือ ฉันได้มาอยู่ในอีกห้องหนึ่ง คนละที่กับที่ฉันเดินเข้ามา

…ไม่สิ คือ ต้องบอกก่อนว่าห้องที่ฉันนั่งรออยู่เนี่ย มันมีประตูอยู่แค่บานเดียว

ดังนั้น ตอนที่ฉันคิดจะออกจากห้องเพื่อมุ่งหน้าไปยังอีกห้องนึง แต่แทนที่ฉันจะออกจากห้องไปยังโถงทางเดิน ตอนนี้ ฉันกลับก้าวเข้ามาในห้องของจอมมารแล้ว

…อ้อ นี่ก็คือเวทพื้นที่สินะ คงจะเป็นเวทมนตร์ที่สามารถสับเปลี่ยนพื้นที่ได้แน่เลย อาจจะใช่นะ

หรือก็คือ ฉันถูกโยนมาอยู่ตรงหน้าจอมมาร ตัวคนเดียว แบบแทบจะไม่ทันตั้งตัวเลย

 

ถึงจะบอกว่าห้องของจอมมารก็เถอะ แต่ว่า… ดูไม่ค่อยเหมือนกับภาพที่ฉันคิดเอาไว้เท่าไหร่เลย

มันไม่ได้ดูมืดๆ ไม่ได้มีแสงไฟหลอนๆ ไม่มีพรมม่วงๆ ด้วย แล้วก็ไม่มีทางเดินแคบๆ ที่สร้างมาแบบที่เราไม่เข้าใจว่า “ตัวละครเอกนี่เดินผ่านไปกันสบายๆ ได้ยังไงกันนะ?”

กลับกัน มันทั้งสว่างทั้งดูผ่อนคลาย มีไฟเปิดสว่างไปทั่วห้อง แถมพรมก็… โอ๊ะ พรมสีดำสนิทเลยแฮะ

และตรงหน้าของฉัน มีคนอยู่ 11 คน 10 คนในนั้นยืนกันอยู่โดยแยกกันข้างซ้ายขวา ข้างละ 5 คน แถมหนึ่งในนั้นมีคุณเทียน่า ผู้หญิงที่ช่วยพาฉันมาที่นี่ด้วย

ฉันคิดว่าพวกเขาคงเป็น 10 ผู้บริหารของกองทัพจอมมารแน่เลย

 

และด้านหลังของพวกเขา สุดปลายบันได มีเงาร่างนึงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่

นั่น คนที่นั่งอยู่ตรงนั้น ผู้อยู่ในจุดสูงสุดของเผ่ามาร

――― ‘จอมมาร’

ตัวตนที่พวกมนุษย์หวาดกลัวที่สุด และสาวกของเทพชั่วร้าย ท่านอิซึสึ

หนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แข็งแกร่งเหนือกว่าผู้กล้าทั่วๆ ไปหลายเท่าตัว

‘จอมมาร’ คนนั้นได้เอ่ยพูดกับฉันก่อน

 

“…เจ้าคือ ลีน บลัดลอร์ด สินะ?”

“…ฮะ …อ๊ะ! ใช่ค่ะ!”

 

อีกฝ่ายคือ ‘จอมมาร’ นะ เธอเป็นราชาของเผ่ามาร แถมยังได้รับการยอมรับจากท่านอิซึสึด้วย

ตอนนี้―――แค่ถูกเรียก ฉันก็คุกเข่าลงไปโดยอัตโนมัติเลย

ราวกับเป็นเรื่องปกติ เหมือนเป็นกฎของธรรมชาติเลย

ถ้าจะสรุปสิ่งนี้ออกมาเป็นคำพูดล่ะก็…ก็คงจะเป็น ‘บารมีของผู้เป็นราชา’ ล่ะมั้ง

 

“เจ้าไม่ต้องเกร็งหรอก ผ่อนคลายได้ เราได้ฟังเรื่องของเจ้าจากท่านอิซึสึแล้ว ยินดีต้อนรับเจ้านะลีน”

 

จอมมารยิ้มให้ฉันหลังจากที่พูดประโยคนี้

เป็นคนที่แข็งแกร่งมากจริงๆ แกร่งในระดับที่ แค่ฉันคิดจะสู้ด้วย ก็คงถูกฆ่าก่อนจะทันเริ่มทำอะไรด้วยซ้ำ

จอมมารเป็นผู้หญิง มีผมยาวสวยสีทองยาวถึงหลัง ตาสีแดงแบบพวกเราแวมไพร์

จอมมารที่ฉันกำลังพูดถึงอยู่เนี่ย―――ใช่เลย เธอดูเหมือน…

.

.

.

…เด็กโลลิเลย

…ช่าย เธอเป็นโลลิ

ก็ไม่ได้แปลกอะไรขนาดนั้นนะ นิยายในชาติก่อนของฉันก็มีแนวเรื่องแบบนี้อยู่เต็มไปหมด เพียงแต่ว่าฉันก็ไม่คิดว่าจะได้เจอแบบนี้จริงๆ ไง เอาจริงๆ ถ้าพูดถึง ‘จอมมาร’ เนี่ย ภาพในหัวก็น่าจะเป็นแบบโมมอนก้า ไม่ก็แบบโดมามู หรืออะไรแนวๆ นั้นสิ

แถมจากวิธีพูดนั้น เธอเป็นโลลิถูกกฎหมายด้วยล่ะ ‘โลลิถูกกฎหมาย’ ใช่ๆ เธอแทนตัวเองว่า “เรา” ด้วย

โอ้! สุดยอดไปเลย! จอมมารโลลิมีอยู่จริง!

แย่ละสิ ความเป็นโอตาคุที่มอดไปแล้วของฉันถูกจุดติดขึ้นมาเลย ฉันอยากเข้าไปลูบหัวเธอจังเลย~

…เดี๋ยวสิ นี่ฉันมาตื่นเต้นอะไรเนี่ย?

 

“ขอบพระคุณค่ะ แม้ฉันอาจไม่มีความสามารถเท่าไหร่ แต่ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อนำชัยมาสู่เผ่ามารให้ได้ค่ะ”

“โห เจ้าเป็นเด็กที่ชาญฉลาดอย่างที่เทียน่าว่ามาเลย แต่ไม่ต้องพิธีรีตองนักหรอก ตัวเราก็ไม่ได้ถนัดถนี่กับความเป็นพิธีการหรอกนะ”

 

…ไม่ถนัดกับความเป็นพิธีการ ทั้งๆ ที่เป็นจอมมารเนี่ยนะ

 

“ตัวเราได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหมู่บ้านแวมไพร์มาแล้ว และได้ฟังความตั้งใจของเจ้าแล้วด้วย เช่นนั้น เจ้ามีความต้องการจะเข้าร่วมกับกองทัพจอมมารหรือไม่?”

“ค่ะ… ฉันไม่สามารถฆ่าล้างมนุษย์ได้ด้วยตัวคนเดียว ฉันเชื่ออย่างสุดใจว่าฉันต้องการความช่วยเหลือจากกองทัพจอมมารจึงจะสามารถทำได้ค่ะ”

“อย่างนี้เอง ถ้าเช่นนั้น เราจะรับรองให้เจ้าเข้าร่วมกับกองทัพจอมมารได้ แต่เดิมแล้ว ท่านอิซึสึมอบหมายให้เราคอยดูแลเจ้าด้วย เราจะให้เทียน่าดูแลเจ้าไปเป็นการชั่วคราวก่อน เอาแบบนั้นนะ เทียน่า”

“รับทราบค่ะ ท่านจอมมาร”

 

คุณเทียน่าจะเป็นคนคอยดูแลฉันเหรอ ดีจังที่จอมมารให้คนที่ฉันรู้จักแล้ว แถมยังเป็นผู้บริหารมาเป็นคนคอยดูแลฉันด้วย

 

“เช่นนั้นแล้ว ลีนเอ๋ย อย่างที่เจ้าได้ยินเมื่อครู่ เจ้าจะอยู่ภายใต้การดูแลของเทียน่าเพื่อฝึกปรือการต่อสู้ของเจ้า เพียงแต่… นางเป็นราชินีของเผ่าเอลฟ์ที่มีฝีมือในการใช้เวทมนตร์ในระดับสูงมาก อาชีพของเจ้าเป็น [ผู้ชำระแค้น] สินะ แม้จะไม่เท่ากับอาชีพสายนักเวทก็ตาม แต่อาชีพนั้นก็ยังมีความเข้ากันของเวทมนตร์อยู่เช่นกัน มันจะดีกว่าหากเจ้าเรียนรู้เวทมนตร์เอาไว้”

 

อย่างที่คิดเลย ฉันสังเกตได้ตั้งแต่นามสกุลของคุณเทียน่าแล้วล่ะ มีแต่พวกชนชั้นปกครองในโลกเท่านั้นที่จะมีนามสกุลคล้ายๆ แบบนี้ แต่นี่คุณเป็นราชวงศ์จริงๆ ด้วยสินะคะ คุณเทียน่า

 

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยค่ะ ฉันสนใจในเวทมนตร์มาตลอดเลย เช่นนั้น ฉันจะเรียนรู้อย่างเต็มที่”

“เข้าใจแล้ว เอาเถิด เราไม่มีสิ่งใดจะพูดแล้ว… หากว่าเจ้ามีอะไรสงสัยก็ถามเราได้เลย เราจะตอบคำถามของเจ้าให้เท่าที่เราจะตอบได้เอง”

 

มาอีกรอบแล้ว ช่วงเวลาถาม-ตอบนี่…

คงจะน่าเสียดายถ้าฉันไม่ถามคำถามอะไรไปเลย

แถมบางทีถ้าจบจากตรงนี้แล้ว ฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกับจอมมาร… ไม่สิ ตอนนี้เธอเป็นหัวหน้าของฉันแล้ว… อาจจะไม่มีโอกาสได้พบกับท่านจอมมารแล้วก็ได้

 

“…เออ ถ้างั้น ท่านจอมมารคะ ท่าน… ยังโตขึ้นกว่านี้ได้อีกหรือเปล่าคะ?”

“…มาคำถามแรก เจ้าก็ถามเรื่องแบบนี้เลยเรอะ?”

 

ไม่ๆ คือ… ก็มันคาใจนี่นา จริงอยู่ที่มันก็มีเผ่ามารบางเผ่าพันธุ์ที่มีอายุขัยยืนนาน หรืออาจจะไม่เปลี่ยนรูปร่างภายนอกไปเลยก็มี แต่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีเผ่าไหนที่สามารถมีชีวิตอยู่เป็นโลลิไปตลอดได้

แถมฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านจอมมารเป็นเผ่าพันธุ์อะไร… ไม่สิ ฉันเดาๆ ไว้ในใจแล้วล่ะ

 

“…การเติบโตของเราหยุดลงจากการอวยพรของท่านอิซึสึ นั่นจึงทำให้เราไม่มีอายุขัย และรูปร่างของเราก็ไม่เปลี่ยนแปลงอีกแล้ว”

“อืม… ถ้างั้น ท่านหมายถึงท่านก็จะเป็นโลลิแบบนี้ตลอดไปงั้นเหรอคะ?”

“เด็กผู้หญิงตัวจ้อยเช่นเจ้าที่ยังไม่ได้เป็นแม้กระทั่งโลลิด้วยซ้ำไม่มีสิทธิพูดแบบนั้นหรอกนะ!”

 

โอ๊ะ จริงด้วยสิ ฉันเป็นแค่เด็ก 5 ขวบเอง ยังเป็นแค่เพโด ยังไม่ใช่โลลิเลย

 

“เฮ้อ… เราก็คิดว่าเจ้าจะเป็นเด็กที่เอาจริงเอาจังเสียอีก นี่กลับเป็นพวกเด็กแก่นแก้วงั้นหรือนี่? …หือ? …นี่ อารอน นั่นเจ้าหัวเราะอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ?!”

 

อะ… มีคนถูกจับได้ด้วย หนึ่งในผู้บริหาร อารอน… พี่ชายคนนี้คงเป็นเผ่ามนุษย์สัตว์สินะ ฉันดูเอาจากหูสัตว์กับหางนั่น เขายิ้มไม่หุบเลย

ที่จริง ที่เขาดูเด่นขึ้นมาเพราะแสดงออกมาชัดไปมากกว่า เพราะก็ยังมีผู้บริหารคนอื่นที่แอบหัวเราะคิกคักกันอยู่เหมือนกัน ฉันแอบเห็นไหล่ของคุณเทียน่าสั่นอยู่ด้วย สงสัยจะกลั้นขำไว้เต็มที่เลยแหงๆ

 

อะ… ท่านจอมมารคว้าคอพี่ชายหูสัตว์ไว้ซะแล้ว

 

TN: จะนินทาเจ้านายตัวเองก็แอบๆ ซักหน่อยเซ่… โธ่เอ้ย
RIP เลย