ตอนที่ 18 สัปดาห์ที่ 10 อาคิยามะ เออิชิ (2)

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

เช้านี้ผมออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่สองใบ คนที่ผ่านไปผ่านมาหลายคนมองผมจนเหลียวหลัง คงสงสัยว่าผมจะย้ายบ้านไปไหนรึเปล่า

           เนื่องจากออกจากบ้านแต่เช้า บนรถประจำทางจึงดูไม่ค่อยมีคนมากเท่าเวลาปกติ ผมที่หอบสัมภาระมาเยอะจึงได้โอกาสนั่งลงวางกระเป๋าไว้ข้างๆ อย่างสบายๆ รอจนกว่ารถจะแล่นไปถึงหน้าโรงเรียน

           ลงจากรถก็ตรงเข้าไปที่ห้องเรียนทันที สภาพพื้นที่เฉอะแฉะจากฝนเมื่อคืนทำให้ผมต้องระวังการวางเท้าขณะก้าวเดิน เพราะถ้าลื่นล้มในสภาพแบกสัมภาระแบบนี้คงดูไม่จืดนัก

           เปิดประตูห้องเรียนเข้าไปก็พบว่าทั้งห้องมีแค่ตัวเองคนเดียว ผมเอากระเป๋าไปวางหลังห้อง ก้มมองดูเวลาก็เห็นว่าเพิ่งจะ 6 โมงครึ่ง 

           เช้ามาก!!

           เหตุที่ผมออกมาเร็วขนาดนี้เพราะไม่อยากเจอปู่กับย่า ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน จริงๆ คือไม่ได้กินมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นและตอนนี้ผมก็รู้สึกหิวมาก

           ผมกดโทรศัพท์ส่งข้อความหาโมโมสุเกะเพื่อจะฝากซื้อข้าวปั้นจากร้านสะดวกซื้อ ปกติหมอนี่มาโรงเรียนเร็วที่สุด ถ้าฝากหมอนี่ซื้อคงจะได้กินเร็วหน่อย

           ส่งข้อความไปพักนึงโมโมสุเกะก็ส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับมา ผมที่ทำได้แค่นั่งรอก็เลยถือโอกาสฟุบหลับเอาแรงซะหน่อย แต่กลายเป็นว่าผมหลับยาวไปจริงๆ

           กรี๊งงง…

           เสียงออดดังขึ้น ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา เห็นพวกโคสุเกะ 3 คน กำลังคุยกันอยู่รอบโต๊ะของผม

           “อรุณสวัสดิ์เออิชิ ไปทำอะไรมาล่ะ หลับจริงจังกว่าปกติเลยนิ” 

           โคสุเกะเอ่ยทักผมเป็นคนแรก โมโมสุเกะก้มหน้าล้วงกระเป๋าหยิบห่อข้าวปั้นส่งมาให้ผมพร้อมน้ำดื่ม ส่วนจินยังคงหน้าตายไร้คำพูดเหมือนเดิม

           ผมที่ยังงัวเงียนิดๆ รับข้าวปั้นกับน้ำจากโมโมสุเกะ แล้วจึงหันไปตอบโคสุเกะ

           “เมื่อคืนมีเรื่องคิดมากนิดหน่อยเลยนอนไม่หลับน่ะ” 

           สหายทั้งสองของผมทำหน้าเหรอหรามองหน้าผมเหมือนเห็นตัวประหลาด มีแต่จินเท่านั้นที่มองด้วยแววตาสงสัย 

           “ทำหน้าอะไรของพวกนาย?” 

           ผมถามทั้งสามคน มือก็แกะห่อข้าวปั้นไปด้วย แม้จะอยู่ในห้องเรียนแต่ตอนนี้ไม่มีเรียน ทุกคนกำลังเตรียมตัวสำหรับงานกีฬาบอลวันสุดท้าย ผมผู้มีแข่งบ่ายตอนนี้จึงว่างพอจะนั่งกินข้าวปั้นในห้อง

           สุดท้ายเป็นโมโมสุเกะที่สามารถเปล่งเสียงออกมาจากปากได้

           “อะไรกันที่ทำให้นายที่ปกติหลับได้แทบจะตลอดเวลาถึงกับนอนไม่หลับ?” 

           คำพูดคำจาฟังดูเหมือนจะแดกดัน แต่น้ำเสียงที่ออกมานั่นเจือความเป็นห่วง ผมมองหน้าเพื่อนๆ ที่เพิ่งคบกันได้สองเดือนนิดๆ ตรงหน้าแล้วก็พลันรู้สึกว่าการมาเข้าเรียนที่อาคิรุไดก็ไม่ใช่จะมีแต่เรื่องแย่ๆ

           “ปัญหาครอบครัวน่ะ โดนย่าว่ามานิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก” 

           ตอบโมโมสุเกะไปพลางเคี้ยวข้าวปั้นไปพลาง เสียงเลยอู้อี้ไปบ้าง 

           “มีอะไรให้ช่วยก็บอกพวกเราแล้วกัน” 

           โคสุเกะบอกผมที่กำลังยัดข้าวปั้นคำสุดท้ายเข้าปาก ความรู้สึกอุ่นวาบแทรกเข้ามาในอก ดีจริงๆ ที่วันนั้นตกลงเป็นเพื่อนกันกับทั้งสามคน

           เวลาบ่ายโมงตรง ผมกับโมโมสุเกะและเพื่อนในห้องอีกห้าคนลงวอร์มอัพร่างกายก่อนการแข่งขันจะเริ่ม

           การแข่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายและเป็นนัดชิงชนะเลิศของระดับชั้นปี 1 ห้องของผมผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศได้แบบไม่ยากเย็นอะไรมากมาย อาจเป็นเพราะห้องอื่นไม่ได้เล่นกันจริงจังอะไรมากนักด้วยล่ะมั้ง

           “โอ้ยยยย…เอาชนะให้ได้นะพวกนาย เคนจังบอกว่าถ้าห้องเราชนะเลิศได้สักหนึ่งรายการจะเลี้ยงพิชซ่าทุกคนเลยนะ” 

           เสียงตะโกนเชียร์ดังมาจากกองเชียร์ฝั่งห้องเรียนของผมซึ่งดูจะจริงจังกว่าพวกนักกีฬาที่ลงแข่งเองซะอีก

           ปรี๊ดดดด…เสียงนกหวีดลากยาว พวกเราหยุดการวอร์มอัพแล้วเดินไปพักตรงที่พักนักกีฬา วางแผนสำหรับการส่งผู้เล่นลงในควอเตอร์แรก แล้วเสียงนกหวีดเรียกตัวนักกีฬาก็ดังขึ้น ผม โมโมสุเกะ และเพื่อนอีก 3 คน เดินลงสนาม พวกเราคือ 5 คนแรกสำหรับการแข่งขันวันนี้

           กลางสนาม โมโมสุเกะยืนอยู่กลางวงกลมสนามประจันหน้ากับทีมคู่แข่ง ผมยืนอยู่หลังเขาในท่าย่อตัวเล็กน้อย คนอื่นๆ ในทีมก็อยู่ในลักษณะเดียวกันโดยล้อมเป็นวงรอบโมโมสุเกะและตัวแทนจั๊มบอลจากอีกฝ่าย

           เมื่ออาจารย์ที่เป็นผู้ตัดสินโยนบอลขึ้นไป โมโมสุเกะกะจังหวะกระโดดตบบอลลงมาได้ก่อน ผมรับบอลได้และส่งบอลไปให้เพื่อนทันที บอลถูกส่งต่อไปอีกจังหวะนึงก่อนจบด้วยการเลย์อัพอย่างสวยงาม การแข่งขันเริ่มขึ้นด้วยสองแต้มของทีมเรา

           เสียงเฮจากกองเชียร์ทั้งสองฝั่งดังขึ้นทุกครั้งที่ฝ่ายตัวเองทำแต้มได้ คู่แข่งวันนี้แข็งแกร่งกว่าทุกทีมที่เจอมา เราผลัดกันรุกรับกันอย่างสนุก เป็นครั้งแรกของงานกีฬาครั้งนี้ที่ผมได้วิ่งอย่างเต็มที่

           ตอนนี้เหลือเวลาอีกราว 5 นาทีก่อนจบเกม ผมนั่งดูเกมอยู่ตรงม้านั่งสำรองข้างสนาม ห้องของเรานำอยู่ 5 แต้ม ซึ่งถือว่าไม่ได้มีผลแตกต่างอะไรมากนักสำหรับกีฬาบาสเกตบอล

           ในสนามโมโมสุเกะกำลังประกบ Point guard ของอีกฝ่ายไม่ให้ส่งบอลได้ง่ายๆ ในขณะที่เพื่อนคนอื่นก็ตามประกบผู้เล่นตำแหน่งอื่นของฝ่ายตรงข้าม

           ผมส่งสัญญาณขอเปลี่ยนตัวกับกรรมการ รอจังหวะให้บอลตายเพื่อเปลี่ยนตัวลงสนาม แล้วก็รอไม่นานนักเมื่อ Center ร่างยักษ์ในทีมผมตบบอลในมือฝ่ายตรงข้ามที่พุ่งเข้ามาเลย์อัพหายไปต่อหน้าต่อตา

           ผมวิ่งลงไปในสนามแทนตำแหน่งเพื่อนที่เปลี่ยนตัวเมื่อกี้แล้วก็ได้บอลทันทีแบบฟลุ๊คๆผมหันมอง Small Forward ตัวจี๊ดในทีมทันทีตามที่ซ้อมมา แล้วก็เห็นเขาอยู่ข้างสนาม ลืมไปสนิทว่าเพิ่งเปลี่ยนตัวกันเมื่อกี้

           ในเมื่อไม่มีตัวอยู่ข้างหน้า งั้นก็เปลี่ยนเป็นแผนถ่วงเวลาแล้วกัน

           “D” 

           ผมตะโกนเสียงดังสั่งเพื่อนในทีม ทุกคนจัดรูปแบบการบุกใหม่ตามคำสั่งของผม ผมพาบอลหลบคู่แข่งเข้าสู่แดนตรงข้าม ใจอยากจะลองยิงสามแต้มสักครั้ง แต่ตาดันไปเห็นช่องว่างตรงหน้าโมโมสุเกะซะก่อน ไม่รอช้า ผมกวาดสายตาผ่านโมโมสุเกะไปหยุดที่เพื่อนคนนึง ผมตะโกนเรียกเขาและส่งบอลออกไป แต่บอลนั้นพุ่งตรงไปตรงตำแหน่งหน้าโมโมสุเกะ หมอนั่นรับบอลและขึ้นเลย์อัพลงไปอย่างสวยงาม

           “เลย์ได้สวย” “ส่งได้สวย” 

           เราแปะมือกันพร้อมกับเตรียมตั้งรับการบุกของอีกฝ่ายเหลือเวลา 3 นาทีนิดๆ และเรานำอยู่ 7 แต้ม

           ทันทีที่เสียงนกหวีดหมดเวลาการแข่งขันดังขึ้น เสียงเฮดังสนั่นโรงยิม ผมเป่าลมออกจากปาก รู้สึกได้ถึงความหอมหวานของชัยชนะ มองไปรอบๆ สนามก็เห็นเพื่อนร่วมทีมและกองเชียร์ส่งเสียงหัวเราะมีความสุขสนุกสนาน แม้บรรยากาศจะสู้รอบชิงระดับเขตไม่ได้ แต่ยังไงก็มีกลิ่นอายของการแข่งขันที่จริงจัง ผมและเพื่อนๆ ในทีมขอบคุณอาจารย์กรรมการ และขอโทษขอโพยผู้เล่นอีกทีมตามธรรมเนียม แล้วจึงออกจากสนามแข่งขัน

           บรรดากองเชียร์ซึ่งก็คือเพื่อนร่วมห้องที่มาเชียร์ต่างส่งเสียงครึกครื้นเฮฮาเพราะว่าจะได้กินพิซซ่าที่เคนจังหรือก็คือที่ปรึกษาห้องของพวกเราเป็นคนเลี้ยง ผมเองก็ถูกบรรยากาศนั้นพาไป รู้สึกสนุกสนานไม่น้อย กว่าจะได้ออกมาล้างเนื้อล้างตัวเวลาก็ผ่านไปพักใหญ่

           คู่ต่อมาเป็นรอบชิงชนะเลิศของรุ่นพี่ปี 2 ผมไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรกับทีมที่ลงแข่ง จึงไม่ได้สนใจดู พอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็หาที่เงียบๆ นอนพักเอาแรง เพราะเดี๋ยวคู่สุดท้ายรุ่นพี่นาคาจิมะจะลงแข่งและผมต้องไปเป็นตากล้องส่วนตัวของรุ่นพี่อีก นอนพักเอาแรงเสียตอนนี้เลยดีกว่า

           เดินไปเดินมาหาที่เงียบๆ อยู่สักพักก็ไปเจอจุดลับหลังพุ่มไม้ให้นอนได้สบายๆ ผมไม่รอช้าเอนตัวนอนทันที และไม่ถึง 10 วินาทีภาพก็ตัดไป

           “พยายามได้ดีมากทุกคน ถึงปีนี้จะไม่ได้ไประดับประเทศ แต่พวกเธอก็ช่วยวางรากฐานให้รุ่นน้องไว้แล้ว ทำได้ดีมาก…” 

           “ไม่เป็นไรนะเอช…เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เธอพยายามที่สุดแล้ว เชื่อฉันซิ ฉันดูเธออยู่ตลอดเวลาเลยนะ” 

           “เก่งมากลูกชายของแม่ สมแล้วที่เป็นเออิชิ” 

           สูดดด…

           [‘ฝันรึ?’] 

           ผมสะดุ้งลืมตาขึ้นมาด้วยอาการตกใจ หลังจากปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นนั่ง แต่พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก็ต้องตกใจอีกรอบ

           “ชิบหายแล้ววว..” 

           การแข่งขันนัดปิดสนามของรุ่นพี่นาคาจิมะเริ่มไปแล้ว จริงๆ ไม่ใช่แค่เริ่ม ดูจากเวลาเมื่อกี้นี้ต้องบอกว่าใกล้จบแล้วจะถูกกว่า

           ผมเลิกสนใจความฝันที่ไม่มีวันลืมพวกนั้นไปชั่วคราว รีบลุกขึ้นวิ่งไปที่โรงยิมทันที หวังว่ารุ่นพี่นาคาจิมะจะไม่โกรธผมมากนักนะ

           และผมก็หอบสังขารตัวเองมาถึงขอบสนามแข่งขันบาสเกตบอลรอบชิงชนะเลิศของรุ่นพี่ปี 3 ได้ภายใน 3 นาที ในสภาพที่หอบแฮกๆ ไม่ต่างจากตอนแข่งนัก ส่วนสาเหตุที่ต้องรีบขนาดนี้เพราะรุ่นพี่นาคาจิมะสั่งไว้แล้วว่าต้องถ่ายรูปเขาตอนแข่งให้คุณคาวากุจิดู ถ้าไม่ทำจะยึดบัตรเข้างานเทศกาลทั้งของผมและของเพื่อนคืน ส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เพื่อนทั้งสามของผมคงเอาผมตายแน่ๆ

           และลางสังหรณ์ของผมก็ไม่ผิดนัก สหายทั้งสามของผมอยู่ขอบสนามตรงนั้น 2 ใน 3 มองมาที่ผมด้วยสายตาที่เกือบจะฆ่าผมได้ ส่วนอีกคนถือโทรศัพท์ถ่ายภาพอยู่เลยไม่ได้มองมา

           ผมเดินเข้าไปหาทั้ง 3 คน กะว่าจะขอโทษที่หายไปได้บอกได้กล่าว แต่โคสุเกะพูดขึ้นมาก่อน

           “ขอบคุณพวกฉันด้วยล่ะ ไม่งั้นนายโดนรุ่นพี่นาคาจิมะยึดบัตรคืนไปแล้ว” 

           โมโมสุเกะพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับโคสุเกะอยู่ข้างๆ ส่วนจินหันมามองแวบนึงแล้วหันไปถ่ายภาพต่อ

           “ขอโทษ แล้วก็ขอบใจพวกนายมาก” 

           ผมยิ้มแหยๆ รู้ตัวว่าผิดและก็รู้สึกขอบคุณพวกโคสุเกะจากใจจริง

           “แล้วเป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?” 

           โมโมสุเกะเอ่ยถามขณะที่ผมนั่งลงข้างเขา

           “อื้ม ดีขึ้นเยอะ ขอบใจนะ” 

           ผมตอบโมโมสุเกะไป เขาคงสังเกตสีหน้าของผมได้ว่าดีขึ้นหลังจากนอนหลับไปเต็มอิ่ม

           “ให้ช่วยอะไรก็บอกนา…” 

           “ขอบใจพวกนายมาก” 

           พวกเรา 4 คนนั่งดูการแข่งขันที่เหลืออยู่อีกราว 3 นาที กับผลสกอร์ที่ทีมของรุ่นพี่นาคาจิมะนำอยู่ 37 คะแนน เฮ้ออ…น่าสงสารทีมที่ต้องมาเจอกับทีมของรุ่นพี่จริงๆ