สือเพ่ยหลินยังคงสบตามองหลานเสี่ยวถางอย่างเงียบเฉียบ คนทั้งคนไม่มีท่าทางของความรู้ลึกละอายใจอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
ในตอนนี้ เขาที่สงบลงแล้ว สีแดงบนแก้มของเขาก็เริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แสดงให้เห็นถึงวงหน้าใสที่หล่อเหลา รอยฝ่ามือที่ประทับอยู่ครึ่งใบหน้าไม่ได้ปกปิดความหล่อเหลาเอาการแต่เดิมของเขาเลยแม้แต่น้อย
หลานเสี่ยวถางสบตามองใบหน้านั้นที่แค่เห็นก็เคยทำให้หัวใจเต้นวงนั้น รู้สึกเพียงแค่ว่าความเจ็บปวดของร่างกาย ความเจ็บปวดภายในหัวใจ ค่อย ๆ เคลือบคลานเข้ามาอย่างเชื่องช้า แม้กระทั่งแรงที่จะยืนอยู่ก็ใกล้จะหมดลงเต็มทนแล้ว
เขากำลังนิ่งเงียบ สบตามองดวงตาของเธอที่ยิ่งแปรเปลี่ยนไปเป็นเย็นชามากขึ้น บนใบหน้าสะกดกลั้นความหงุดหงิดและความรำคาญ ราวกับว่าเธอเป็นแมลงวันที่กำลังเต้นระบำอยู่บนโต๊ะอาหารหรูหรา
เธอถูกสายตาของเขาทิ่มแทงจนร่างทั้งร่างสั่นเทา สายตามองไปยังสภาพที่ยุ่งเหยิงบนเตียง “สือเพ่ยหลิน ในตอนแรกที่คุณนอนบนเตียงหลังนี้มาสองปี ฉันดูแลคุณมาสองปี ในตอนนั้น คุณพูดกับฉันเอาไว้ว่าอย่างไรคะ?!”
“คุณพูดว่าคุณจะดีต่อฉันไปตลอดชีวิต ตอนนี้ พึ่งจะฟื้นตัวก็อยู่ด้วยกันกับยายผู้หญิงสารเลวคนนี้ นี่คือที่บอกว่าจะดีต่อฉันงั้นหรือ?! อีกทั้งยังอยู่บนเตียงที่พวกเราแต่งงานกันอีกด้วยเนี่ยนะคะ?!”
“คุณทำแบบนี้ ทำต่อฉันแบบนี้งั้นหรือ? ฉันเพื่อคุณแล้วนั้น จบมาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้เข้าทำงาน คอยดูแลคุณในทุก ๆ วันราวกับเป็นแม่นม ฉันมอบทุกอย่างของฉันให้กับคุณแล้ว คุณก็ยังทำแบบนี้ต่อฉันอีกงั้นหรือ?!”
เงียบเฉียบ
ภายในตัวห้องเงียบสนิท ราวกับว่าที่หลานเสี่ยงถางกำลังคุยอยู่ด้วยนั้น เป็นอากาศธาตุไปกันทั้งหมด!
เมื่อเธอหันสายตากลับไป ยังเห็นแม้กระทั่งยายผู้หญิงคนนั้นในอ้อมกอดของสือเพ่ยหลินที่กำลังยิ้มอยู่ สายตาไม่ได้ปกปิดความขบขันเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว!
ไฟโทสะทั่วร่างของหลานเสี่ยวถางระเบิดออกมาอีกครั้ง เธอชี้ไปยังยายผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะหันไปมองสือเพ่ยหลินแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณต้องไล่มันไปเดี๋ยวนี้!ถ้าหากว่ามันไม่ไสหัวไป พวกเราก็หย่ากันเถอะ!”
“ได้” สือเพ่ยหลินที่ไม่พูดอะไรมาโดยตลอดเอ่ยปากขึ้นมา น้ำเสียงราวกับขอไปทีเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินสือเพ่ยหลินพูดออกมา หลานเสี่ยวถางชะงักค้างไปทันที สบตามองไปที่เขาด้วยความตกตะลึง
ราวกับว่ากลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดไป สือเพ่ยหลินเอ่ยอธิบายขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็หย่ากันเถอะ ผมจะหาทนายเข้ามาในทันที”
หลานเสี่ยวถางราวกับว่าฟังไม่เข้าใจก็ไม่ปาน สบตามองไปที่สือเพ่ยหลินด้วยความงุนงง
ที่กลับกันยิ่งไปกว่านั้นคือ ยายผู้หญิงในอ้อมกอดของเขาเอ่ยปากขึ้นมาว่า “คุณพี่คะ พี่ไม่ได้อยากหย่าหรอกหรือไงคะ พี่เพ่ยหลินก็ช่วยให้พี่สมหวังแล้วนี่ไงคะ!”
“ใช่” สือเพ่ยหลินมองหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “คุณมีเงื่อนไขอะไร ก็ถือโอกาสในตอนนี้คิดไตร่ตรองให้ดี ประเดี๋ยวทนายมาแล้วพวกเราจะได้มาพูดคุยกันเลย”
ภายในอกของหลานเสี่ยวถางปะทุขึ้นมาอย่างดุเดือด ร่างทั้งร่างเป็นเพราะว่าทั้งโกรธทั้งเจ็บ มันสั่นเทาจนคล้ายราวกับว่าหนาวสั่น “คุณพูดว่าอะไรนะคะ? คุณต้องการที่จะหย่างั้นหรือ?!”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณพึ่งจะเอ่ยออกมาเมื่อครู่นี้หรอกหรือไง? ประจวบเหมาะกับที่ผมดู ๆ แล้วพวกเราก็ไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่ต่อกันแล้ว ถ่วงเวลาคุณเอาไว้ก็ไม่ดี” ถึงแม้ว่าสือเพ่ยหลินจะไม่ได้สวมใส่อะไรเลย เขาในตอนนี้ กลับดูเหมือนกำลังวางมาดขั้นสุดอยู่ก็ไม่ปาน “ไม่ใช่ว่าคุณมักจะเอ่ยถึงสองปีที่ผ่านมาหรอกหรือไง? ถ้าอย่างนั้นแล้วผมก็จะให้ค่าดูแลสองปีที่ผ่านมานี้กับคุณเอง……”
หญิงสาวที่อยู่ภายในอ้อมกอดของเขาหัวเราะเยาะเย้ยออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาตามต่อว่า “คุณพี่คะ พี่ดูนิสัยและสารรูปทั้งตัวของพี่สิคะ ไม่แตกต่างอะไรไปจากคุณป้าเลยสักนิดเดียว ผูกผมจนเป็นก้อน เสื้อผ้ามีเอวก็ไม่มีเอว หากบอกว่าพี่เป็นแม่นมที่พี่เพ่ยหลินเชิญมา ก็ไม่มีคนสงสัย แม่นมนี่ตามราคาของตลาดแล้ว เดือนหนึ่งสี่พัน……”
เธอเบิกตากว้าง “จะว่าไปแล้วแม่นมที่มาดูแลรับใช้พี่เพ่ยหลิน ว่าไปแล้วเดือนหนึ่งก็ต้องแปดพัน สองปียี่สิบสี่เดือน ทั้งหมดหนึ่งแสนเก้าหมื่นสองพัน ให้พี่ไปสองแสนเลยค่ะ!เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ยุติธรรมดีใช่ไหมละคะ?”
สองแสนงั้นหรือ? ช่วงเวลาหนุ่มสาวที่แสนจะล้ำค่าของเธอ เสียสละให้เขาไปก็ไม่น้อย ทุ่มเรี่ยวแรงและความจริงใจไปก็ตั้งเท่าไหร่ ก็ไล่ให้ไสหัวออกไปอย่างขอทานแบบนี้น่ะหรือ?!
ไม่ เธอไม่ทำให้ชายหญิงสารเลวคู่นี้สมดั่งที่หวังแน่!
หลานเสี่ยงถางชี้นิ้วไปทางสือเพ่ยหลินด้วยความโกรธแค้นก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “สือเพ่ยหลิน การแต่งงานนี้ ฉันไม่หย่า!”
พูดไป เธอก็ใช้นัยน์ตาแดงก่ำมองไปยังผู้หญิงคนนั้น “ยังมีเธออีกคน! ถ้าหากเธอคิดที่อยากจะเป็นมือที่สาม ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะดูว่าเธอจะสามารถเป็นมือที่สามได้อีกนานแค่ไหน! หรือจะต้องให้รอถึงสิบปี ยี่สิบปี เธอแก่หนังเหี่ยวแล้ว เขายังจะมองเธออยู่อีกไหม!”
“คุณป้าคะ เขาไม่รักพี่แล้ว พี่ยึดตำแหน่งนี้ไปแล้วจะมีความหมายอะไรกันละคะ?” หญิงสาวถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “พี่เพ่ยหลินเขารักฉันด้วยความจริงใจ ฉันเชื่อว่าถึงแม้จะผ่านไปแล้วถึงยี่สิบปี เขาก็ยังคงรักฉันแน่ มีฉันอยู่ เขาไม่แม้แต่จะแตะต้องพี่หรอกค่ะ เพ่ยหลิน พี่ว่าใช่หรือเปล่าคะ?”
พูดไป หญิงสาวก็เงยศีรษะขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้นไปคล้องคอของสือเพ่ยหลิน ก่อนจะพรมจูบไปที่ริมฝีปากของเขา
สือเพ่ยหลินเชื่องช้าไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบกระชับกกกอดหญิงสาวเอาไว้ แล้วส่งมอบจูบที่แสนลึกซึ้งกลับไป
ภายในห้องในตอนบ่ายของฤดูร้อนที่เงียบสงบแล้วงดงาม มีเสียงครางของจูบดังขึ้นมา
พวกเขากล้าที่จะทำแบบนี้ต่อหน้าเธอ……
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงแค่ว่าโทสะของเธอตอนนี้สามารถทำลายโลกได้ทั้งใบ ณ ตอนนี้เธอมีแค่ความคิดนี้ความคิดเดียวเท่านั้น นั้นก็คือพาชายหญิงสารเลวคู่นี้ลงนรกไปพร้อมกัน!
เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมุ่งตรงลงไปที่ชั้นหนึ่ง เดินตรงเข้าไปในห้องครัว หามีดที่เธอใช้มาแล้วเป็นพันครั้งจนเจอ
เธอใช้มีดเล่มนี้ทำอาหารให้เขามาโดยตลอด เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ภายในหัวใจก็เต็มไปด้วยความรัก
ในตอนนี้ กลับคิดที่จะใช้มันเพื่อเอาชีวิตของเขา!
หยามกันมากขนาดนี้แล้ว
ทั้งสองคนที่อยู่ภายในห้อง นึกว่าหลานเสี่ยวถางจากไปแล้ว ทว่ากลับคิดไม่ถึงเลยว่า เธอจะกลับมาอีกครั้ง
คมมีดนั้นสะท้อนแสงอาทิตย์ในฤดูร้อน สะท้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ดวงตาของสือเพ่ยหลินพร่ามัวในทันที
ในตอนที่เขามองเห็นหลานเสี่ยงถางถือมีดทำผักอยู่ในมือนั้น ตกตะลึงจะสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว หัวใจแทบจะหลุดกระเด็นออกมาจากดวงตา