“―――อา ขอเปลี่ยนหัวข้อหน่อยนะคะ คุณเลโอโนร่าพอจะรู้จักโรงแรมไหนที่สามารถพักได้อย่างปลอดภัยในเมืองนี้หรือเปล่าคะ?”

“ยังงี้เอง เธอยังไม่มีที่พักวันนี้เหรอ อึม ถ้าไม่รังเกียจ จะพักที่บ้านฉันก่อนมั้ยล่ะ? มีห้องอยู่หรือเปล่าน้า?”

 

คุณเลโอโนร่านิ่งคิดไปซักพัก ก่อนจะชี้ขึ้นไปชั้นบน

หมายความว่า ที่นี่ก็เป็นร้านกับที่พักพร้อมห้องของแขกเหมือนกับร้านของฉันเลยสินะเนี่ย?

 

“เออคือ… จะดีเหรอคะ?”

“ถ้าเป็นผู้ชายก็ไม่ดีหรอก แต่ซาราสะเป็นเด็กผู้หญิงนี่ ต่อไป พวกเราก็เป็นคู่ค้าทางธุรกิจกันด้วย เพราะงั้นก็ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ ฉันให้เธอพักฟรีเลย”

“ช่วยได้มากเลยค่ะ แต่ว่า…”

“ถ้าเธอว่าอะไร ตอนที่ฉันไปที่หมู่บ้าน ก็ให้ฉันพักด้วยแล้วกันนะ”

“คุณวางแผนจะไปที่หมู่บ้านนั้นด้วยเหรอคะ?”

“ไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก”

 

แล้วฉันก็มั่นใจด้วยว่าคงไม่มีแน่นอนเลย

ตราบใดที่ฉันเอาไปขาย ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาซื้อวัตถุดิบเลยด้วย

แต่เพราะมันเป็นการเดินทางที่ต้องรออีกนาน งั้นฉันก็รับคำเอาไว้ก่อนแล้วกัน แถมก็มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยกว่าโรงแรมที่ฉันเลือกด้วย ถึงฉันจะยังอ่อนประสบการณ์อยู่ก็เถอะ

 

“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณสำหรับความกรุณาด้วยนะคะ”

“ดีแล้วล่ะๆ ไม่ใช่อะไรอย่างทำคุณหวังผลหรอกนะ อีกอย่าง ฉันอยากฟังเรื่องของท่านโอฟิเลียด้วยน่ะ”

 

ท้ายที่สุด ฉันก็ใช้เวลาในวันนั้น พักแรมอยู่ที่ร้านของคุณเลโอโนร่า ถามเรื่องเกี่ยวกับเมืองนี้ แล้วก็เล่าเรื่องของอาจารย์ให้ฟัง

ฉันถามเรื่องร้านคาเฟ่ที่ฉันไปทานมื้อกลางวันไปด้วย ดูเหมือนว่าร้านนั้นจะมีชื่อเสียงดีทีเดียวเลย ขนาดคุณเลโอโนร่าเองก็ยังบอกเลยว่า ‘ฉันแนะนำร้านนั้นเลยล่ะ’

แต่ ดูเหมือนจะมีร้านที่ดีกว่านั้นอีกนะ ถ้ามีเงินพอ เธอก็เลยบอกว่า ‘ถ้ามีโอกาส ฉันจะพาเธอไปที่นั่นนะ’

มันหรูหราขนาดไหนกันล่ะนั่นน่ะ?

ฉันคงเข้าร้านหรูๆ ขนาดนั้นไม่ไหวหรอกนะ?

…แต่ ตามคุณเลโอโนร่าไปก็แล้วกัน

เพื่อมื้ออาหารอร่อยๆ ไงล่ะ!

ไม่สิ ไม่ใช่ๆ

จะได้สามารถร่วมมือกันในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพนักเล่นแร่แปรธาตุต่างหากล่ะ!

นี่หรือว่า ฉันคาดหวังอะไรอย่างอื่นอยู่งั้นเหรอ? เห ไม่มีทางหรอกน่า

 

เช้าวันต่อมา หลังจากที่ออกจากร้านของคุณเลโอโนร่าแต่เช้า ฉันก็ไปซื้อชีสกับพวกเครื่องเทศจากตลาดนัดเช้า กับของอย่างอื่นที่ดูอร่อยๆ ก่อนจะเริ่มวิ่งมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านด้วยก้าวที่เบาหวิวเลย

สารภาพเลยว่า มันขายได้มากกว่าที่ฉันคิดเยอะเลย ก้าวเท้าของฉันเบาหวิว หัวใจก็เบาหวิว มีแต่กระเป๋าเงินนี่แหละที่หนักอึ้งเลย

ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ!

อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ดีของฉันก็ได้ ฉันเลยมาถึงหมู่บ้านก่อนเที่ยงซะอีก

พอคิดว่าฉันไปตลาดนัดเช้ามาด้วย นี่ก็เร็วกว่าขาไปมากเลยล่ะ

ฉันกลับมาถึงบ้านเร็ว แล้วก็ ถึงจะไม่รู้ด้วยว่าจะมีลูกค้ามามั้ย แต่ตอนนี้ ฉันไปเปิดร้านก่อนดีกว่า

 

“เอาล่ะๆ มาทำใบปลิวดีกว่า”

 

มาเตือนเจ้านักเล่นแร่แปรธาตุทัศนคติแย่ๆ คนนั้น ระวังถูกปอกลอกกันด้วยนะ

นี่ไม่ได้แค้นเคือง หรือเกลียดอะไรกันเลยนะ จริงจริง

มันเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์กับลูกค้าด้วยนี่นา จริงมั้ยล่ะ?

 

“แต่ ถ้าเกิดจะแปะใบปลิวเนี่ย ก็ต้องมีกระดานข่าวด้วยสิเนอะ”

 

จะแปะบนกำแพงตรงๆ เลยมันก็ได้นั่นแหละ แต่บรรยากาศมันจะไม่สวยน่ะสิ

ฉันอยากเข้าใกล้ร้านในอุดมคติของฉันซักหน่อย ถึงจะไม่ดีเท่าคาเฟ่ร้านนั้นก็เถอะ

แต่แค่เพราะเป็นร้านที่มีบรรยากาศดี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอะไรที่แน่นอนหรอกนะ

 

“งั้นก็อย่างทุกที ไปขอให้คุณเกเบิร์กช่วยก็แล้วกัน”

 

อย่างที่เห็นได้จากป้ายร้านนี่แหละ คุณเกเบิร์กไม่ได้เก่งแค่งานช่างไม้นะ งานออกแบบเองก็สุดยอดไปเลย

ถ้าฉันบอกไปว่า ‘อยากให้เข้ากับบรรยากาศในร้านหน่อยนะคะ’ ต้องได้งานสวยๆ ออกมาแน่เลย! ―――หรือเปล่านะ?

 

“ไหนๆ ก็ไปสั่งแล้ว ก็เอาโต๊ะเล็กตัวนึง แล้วก็เตียง… สั่งไว้ซักสองแล้วกัน”

 

ถ้าฉันสั่งไว้ 2 หลัง ก็จะได้มีคนอื่นค้างได้อีกนอกจากคุณเลโอโนร่าด้วย

ถึงความเป็นไปได้ที่เธอจะมาที่หมู่บ้านนี้จะต่ำก็เถอะ แต่ฉันต้องรู้สึกผิดมากๆ แน่เลย ถ้าตอนนั้นต้องบอกว่า ‘ขอโทษนะคะ ไม่มีเตียงเลย’ น่ะ เพราะฉันต้องไปเช่าเตียงกับฟูกมาแน่นอน

 

“เดี๋ยวทำฟูกที่นอนกันเลยแล้วกัน นุ่นเราก็มีแล้ว แล้วก็น่าเศร้านิดนึงที่ผ้าปรับอากาศน่ะขายไม่ออก งั้นก็เอามาใช้เลยก็แล้วกัน”

 

ฉันยังมีนุ่นที่คุณดาร์นาให้เอาไว้แทนคำขอบคุณอยู่เลย น่าจะทำฟูกได้อีก 2 อันเลยล่ะ

ไหนๆ ก็ต้องทำงานใหญ่อยู่แล้ว ก็จัดให้ฟูกกับผ้าม่านในแต่ละห้องเป็นสีชมพูอ่อนกับสีเขียวสว่างไปเลยดีมั้ยนะ?

ตอนนี้ ผ้าม่านในห้องของฉันเป็นสีชมพูอ่อนอยู่ แต่ไว้ฉันเปลี่ยนมันเป็นสีฟ้าให้เข้ากับฟูกที่นอนดีกว่า…

ความเข้ากันยังไงล่ะ ความเข้ากันน่ะ

นอกจากเรื่องดีไซน์แล้วเนี่ย ถึงยังไง ฉันก็ต่างจากเมื่อตอนที่ซื้อแต่ของถูกๆ แล้วน้า!

 

“มุฮุฮุฮุ! ชักน่าสนุกแล้วสิ!”

“คือว่า~~ คุณซาราสะคะ?”

 

ในตอนที่ฉันกำลังปล่อยตัวไปกับฝันกลางวันของตัวเอง ฉันก็ถูกแตะที่ไหล่พร้อมกับเสียงที่ค่อนข้างสุภาพพอประมาณ

พอฉันหันไป ก็เห็นโลเรียจังที่มีสีหน้าลำบากใจนิดหน่อย

 

“หวา!? ล- โลเรียจัง! มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ!?”

 

ไม่ทันรู้ตัวเลย ระบบป้องกันอาชญากรรมน่ะ ถ้าเกิดประตูถูกเปิด ก็จะมีเสียงเตือนดังขึ้น―――แล้วถ้าเกิดไม่รู้ตัวว่ามีเสียงเตือนดัง แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะเนี่ย

ฉันที่ยิ้มแห้งๆ อย่างอึกอักให้ โลเรียจังดูจะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ก่อนจะยิ้มให้ฉัน

 

“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ กลับมาเร็วจังเลยนะคะ?”

“อ- อื้อ งานเป็นไปได้ด้วยดีน่ะ อ๊ะ ฉันมีของฝากกลับมาด้วยนะ อยากทานหรือเปล่า?”

 

ฉันออกไปทำงานมา แต่ไม่ได้อยากซื้อของฝากอะไรแพงๆ ก็เลยซื้อผลไม้ที่ไม่ได้เห็นมาด้วยจากตลาดนัดเช้ามาด้วย

เป็นผลยาวประมาณ 5 เซนติเมตรที่มีเปลือกข้างนอกเป็นสีเขียวแข็งเล็กน้อย ดูภายนอกก็ไม่น่าทานหรอก แต่พอลองชิมแล้ว เนื้อมันหวานมากๆ เลยล่ะ

 

“ว้าว ขอบคุณค่ะ”

 

มันยากที่จะปอกทั้งๆ อย่างนี้เลย ฉันเลยใช้มีดหั่นแล้วค่อยส่งให้แทน

ฉันก็ปอกให้ตัวเอง แล้วก็กัดเข้าไปคำนึงเหมือนกัน

อื้~ม หวานจัง เจ้านี่ 15 ลูก 100 แรร์น่ะ (ต่อราคามาแล้วนะ)

ถ้าจะทานทุกวันอาจจะฟุ่มเฟือยไปหน่อย แต่นานๆ ทีซื้อซักครั้งก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ?

 

“อร่อยจา~ง ฉันเคยกินครั้งแรกเมื่อนานมาแล้วนะคะ นานๆ ที คุณพ่อจะซื้อกลับมาฝากตอนกลับมาที่บ้านค่ะ แต่ก็เกิดขึ้นนานๆ ทีจริงๆ นะคะ”

 

โลเรียจังพูดพร้อมทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะเอาเนื้อผลนั้นเข้าปากจนแก้มตุ่ยเลย

ที่ฉันซื้อกลับมาบ้าน แล้วได้ทานอย่างมีความสุขแบบนี้ ก็คุ้มแล้วล่ะ

 

“จะว่าไป คุณซาราสะ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ? ดูดีใจเลยนะคะ”

“อ๊ะ อา อาเระ? ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกนะ? ฉันแค่คิดจะทำฟูกกับผ้าม่านอีกซัก 2 ชุดน่ะ”

“ทำไมล่ะคะ? จะทำขายเหรอคะ?”

“เปล่าหรอก ฉันแค่คิดว่ากะจะทำห้องนอนเอาไว้ให้พร้อม เผื่อจะมีใครมาอยู่หรือค้างได้ไงล่ะ ยังไงฉันก็ขายผ้านั่นไม่ได้อยู่แล้วด้วย”

 

ฉันยิ้มแหยๆ พลางชี้ไปที่ผ้าปรับอากาศที่ยังนอนอยู่ในชั้นวางอยู่เลย

 

“พอได้รู้แล้วว่ามันสบายขนาดไหน ก็คงอยากได้เลยล่ะนะ แต่มันก็แพงเลยเหมือนกัน”

 

ด้วยรายได้เฉลี่ยของแต่ละครัวเรือนในหมู่บ้านนี้แล้ว ก็ดูเหมือนจะมีไม่กี่บ้านเองที่มีฟูกที่นอนยัดนุ่นพอใช้ให้ทุกคนในครอบครัวน่ะ

ถ้าใช้ผ้าปรับอากาศล่ะก็ แค่ผืนเดียวก็ได้ผลดียิ่งกว่าฟูกยัดนุ่นซะอีก แต่ถ้ามันแพงกว่าชุดที่นอนยัดนุ่นแบบนี้ล่ะก็ มันก็ขายไม่ออกหรอก

 

“คุณซาราสะวางแผนจะพักอยู่กับใครงั้นเหรอคะ?”

“เปล่า ไม่มีหรอก แต่ว่า… ตอนนี้น่ะนะไม่มีหรอก แต่พวกเตียงหรือฟูกที่นอนเนี่ย มันไม่ใช่อะไรที่สามารถเตรียมได้ทันทีถ้าเกิดมีคนบอกว่าจะมานี่ จริงมั้ย?”

“จริงด้วยนะคะ เพราะในหมู่บ้านนี้ ของก็จะทำหลังจากที่สั่งด้วย… ฉัน มาช่วย ได้หรือเปล่าคะ? ทำงานนี้คนเดียว จะลำบากหรือเปล่าคะ?”

“จะดีเหรอ? แล้วเรื่องที่บ้านล่ะ?”

“ไม่เป็นไรค่ะ! ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ก็อยู่ด้วย แล้วที่บ้านของฉันก็ไม่ได้มีสวนหรือไร่ด้วยค่ะ”

 

พูดให้ถูกคือ มีปลูกสวนผักในบ้านอยู่นะ ก็ไม่ใช่ว่าโลเรียจังเถลไถลออกมาไม่ยอมช่วยงานหรอก

เป็นเรื่องปกติที่ลูกชาวนาชาวไร่จะถูก ‘เรียกตัวให้มาช่วยงานถ้ามีเวลา’ บ้านไหนที่ทำกิจการก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ งานปกติของร้านขายของชำก็แค่เป็นคนเฝ้าร้านนี่แหละ งานที่เหลือเนี่ย จะทำโดยไม่มีผู้ปกครองไม่ได้หรอก

เพราะงั้น กลับกัน เวลาที่พ่อแม่ออกไปซื้อของ โลเรียจังก็จะทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าร้านนั่นเอง

 

“ถ้าเธอมาช่วย ก็ช่วยฉันได้มากเลยล่ะ อาจจะไม่พอสำหรับคำขอบคุณ แต่มื้อกลางวัน จะสั่งอะไรที่ร้านของคุณดีรัลก็ได้เลยนะ ทานได้ทุกอย่างที่อยากทานเลย”

 

จากที่ฉันมองแล้วเนี่ย โรงอาหารของคุณดีรัลถือว่าค่อนข้างถูกนะ แต่ก็ไม่ได้ถูกขนาดว่าเด็กๆ ในหมู่บ้านจะสั่งอะไรก็ได้เลย อาจจะเพราะแบบนั้น [ทานได้ทุกอย่างที่อยากทาน] ก็น่าจะเป็นรางวัลที่เพียงพอที่จะดึงดูดเด็กกำลังโตอย่างโลเรียจังได้แล้วนะ

 

“คุณซาราสะ! รีบไปกันเถอะค่ะ!”

 

ฉันถูกโลเรียจังดึงมือของฉันไปอย่างดีใจออกมานอกร้าน ฉันก็เลยเปลี่ยนป้ายที่หน้าร้านเป็น [พักทานอาหารกลางวัน] ซะ