[ เอาล่ะ ตอบคำถามชั้นมาได้แล้ว ]
[ จะให้ตอบอะไรอีก!! มันก็แค่เก่งเพราะมีดาบศักดิ์สิทธิ์ มันก็แค่นั้น ไม่ใช่ผู้กล้าที่เหมือนกับ”หมอนั้น” หรอก ]
สถานที่แห่งหนึ่ง
ในที่ๆห่างไกล
มันเป็นสถานที่ลึกลับ
ที่ผู้คนขนานนามว่า ถ้ำปีศาจ
มันเป็นสถานที่ไอเวทมนตร์สีม่วงคละคลุ้งราวกับเป็นหมอก
จนมันทำให้รู้สึกว่าหมอกที่ปกคลุมสถานที่นี้นั้นราวกับหมอกพิษ
สถานที่แห่งนี้เป็นทางเข้าไปยังปราสาทของจอมมาร
และเป็นที่อยู่ของเหล่าข้ารับใช้
ผู้หญิงผู้มีผมสีฟ้ายาว ดูเหมือนร่างของเธอจะเกิดขึ้นมาจากน้ำ . .
และผู้หญิงอีกคนผู้มีผมสีแดงปลิวไสวราวมันดูราวกับกำลังลุกไหม้
พวกเธอทั้งสองดูต่างจากผู้คนทั่วไป เพราะพวกเธอมีผิวที่ฟ้าซีดและดวงตาสีทอง
ใช่แล้ว พวกเธอคือ ปีศาจ
[ มันเป็นเพราะพวกเรารู้เพียงแค่นั้น แล้วเขาเก่งจริงๆรึปล่าว? ถ้าเธอพยายามจะบ่ายเบี่ยงล่ะก็ขอบอกไว้เลยนะว่าไม่มีทาง ถึงเธอจะไม่ได้อธิบายอะไรที่ทำให้เธอยอมเปลี่ยนความตั้งใจของตัวเอง ทั้งๆที่เธอตั้งใจจะออกไปสู้แท้ๆ แล้วทำไมเธอถึงกลับมาในทันที บอกมาเดี่ยวนี้ เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอออกจากที่นี่ ]
[ ขะ .ข้าแค่ไม่มีอารมณ์เฉยๆ ]
[ เธอก็รู้ว่าเธอโกหกชั้นไม่ได้หรอก ตั้งแต่กลับมาเธอดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะรู้ตัวบ้างรึปล่าว และมันทำให้ชั้นสนใจ ถึงแม้ชั้นจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงพยายามปกปิดคนๆนั้น แต่ พอมาคิดๆดูแล้ว คนที่จะทำให้เธอมีปฎิกิริยาแบบนี้ได้คงจะมีแค่ . . . “หมอนั้น” ใช่มั้ยนะ? ]
ทั้งสองคนตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สีดำ สถานการณ์ตอนนี้คงใช้คำว่าสงบคงจะไม่ได้
เพราะทันใดนั้นเอง บรรยากาศตอนนี้เต็มด้วยจิตสังหาร ประทุออกมาจากเธอ. .
[ อย่าแตะต้องเขา!!เขาเป็นของข้า!!! ]
อัคนีร่าได้ลุกขึ้นและกล่าวออกมาเสียงดังใส่ผู้หญิงผมสีฟ้าที่ปล่อยจิตสังหารออกมา . .
[ อร้า . . ชั้นเข้าใจแล้ว“หมอนั้น”ถูกอัญเชิญมาที่โลกนี้อีกครั้งแล้วสินะ ]
ปฎิกิริยาที่อัคนีร่าแสดงออกมามันทำให้หญิงสาวผมฟ้าทำความเข้าใจได้และเธอได้หัวเราะคิกคักออกมา . .
[ กรอดด . .อควาดิเน่!! เธอบังอาจปั่นหัวข้า!! ]
[ เป็นความผิดของเธอเองที่ตกหลุมพรางนั้น ]
ในขณะที่อัคนีร่ากำลังคลุ้มคลั่งอยู่นั้น
หญิงสาวผู้ถูกเรียกว่า อควาดิเน่เธอใช้น้ำปกป้องเธอจากอัคนีร่า . .
[ เข้าใจแล้วๆ เขา, ยู ยาชิโระ เขากลับมาแล้ว ผู้กล้าคนก่อน ไม่สิ เขายังเป็นผู้กล้าอยู่จริงๆน่ะรึ ]
[อควาดิเน่!!!!!!!!!! ถ้าเธอแตะต้อง ยูยะ!!! ละก็ ข้าจะเผาเธอทั้งเป็น!!!!คนเดียวเท่านั้นที่จะฆ่าเขาได้คือข้าคนนี้เท่านั้น!! ]
[ อ้า ชั้นเข้าใจแล้วว่าเธอชอบเขามากขนาดไหน ถึงขนาดเรียกชื่อเขาออกมาเลย. . ]
อควาดิเน่เธอถอนหอยใจออกมาเล็กๆ
ก่อนที่จะลุกขึ้นเดิน . .
[ อึกก ]
[. . เชิญเธอตามสบายเลย ชั้นจะไม่เข้าไปยุ่งกับเขาหรอก ถ้าหากเขาไม่เข้ามาเป็นอุปสรรคต่อแผนการของชั้นล่ะก็นะ ชั้นก็ไม่สนใจอะไรที่เรียกว่าผู้กล้านั้นหรอกนะ ทำตามใจชอบเถอะ ]
อควาดิเน่ เธอดึงขวานเพลิงที่จามอยู่ที่หัวของเธอออกพร้อมกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย หลังจากดึงขวานออกด้วยมือของเธอแล้ว เธอก็ออกจากห้องนี้ไป . . .
[ . . . ที่ข้าชอบ งั้นรึ. ]
มันทำอัคนีร่า นึกถึงเรื่องที่เธอพบกับเขา เมื่อ 2-3 วันก่อน . .
—————————
[ !? ]
คางของอัคนีร่าถูกเสยขึ้น
เธอถึงกับถอยหลังกับไปหลังจากโดนหมัดอัปเปอคัต
ดูเหมือนว่าอัคนีร่าเธอจะตะลึงไปชั่วขณะ ถึงแม้บาดแผลจากการถูกชกนั้นจะเพียงเล็กน้อย ตอนนี้หน้าของเธอช๊อคราวกับว่าโลกได้แตกลง
[ ฟู่ว ถึงจะบอกว่าในทันทีก็เถอะ แต่มันก็ใช้เวลานิดนึงกว่าจะฟื้นตัวล่ะนะ เห้อ ]
หัวของผู้ชายที่อัคนีร่าระเบิดไปแล้วนั้น
ตอนนี้กลับไม่เป็นอะไรเลย มันเป็นไปได้ยังไงกัน
[ กะ .แก ]
ใบหน้าภายใต้ฮูดนั้นได้เผยออกมา
เป็นภาพของชายผู้มีผมสีดำปรากฎ
และนั้นมันทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก
แต่แล้วเธอก็หัวเราะออกมา . . .
[ คุ คุ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เยี่ยม เยี่ยมไปเลย ในที่สุด แกก็กลับมาา ]
ขนาดเธอหัวเราะอยู่นั้น
เธอยังควงขวานเพลิงของเธอหมายจะหั่น ยู เป็น 2 ท่อน
ขณะหลบการโจมตีนั้นด้วยความเร็วแสง
ยูได้สะบัดมือไปทางเธอ
[ มุขเดิมใช้ไม่ได้ผลหรอกนะ รู้มั้ย ]
อัคนีร่าเธอดึงขวานของเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว
เธอใช้ด้ามของขวานป้องการกระสูนที่มองไม่เห็นได้อย่างง่ายดาย
[ คุ รู้รึปล่าวกระสูนยางลบนั้น มันเป็นผลงานที่ผมใช้เวลาสร้างตลอดเวลาที่เรียนม.ต้นเลยนะ อุส่า กะว่าจะเอามาใว้ใช้เมื่อโดนอัญเชิญมาอีกรอบ แต่พอได้ใช้จริงๆแล้วดันไม่ได้ผลซะได้ ]
[ แกคิดว่าชั้นจะถูกจัดการด้วยก้อนยางลบโง่ๆนั้นรึ!! ]
อัคนีร่าเธอกระทืบเท้าของเธอลงไปที่พื้นดิน
เสาเพลิงได้ปะทุขึ้นมาจากพื้นไปทั่วบริเวณ
[ ทำไม กัน แก . . ]
ยูได้ทิ้งระยะห่างออกจาก ระยะของเสาเพลิงเหล่านั้น
เสา ลาวานั้นก็ได้หายไป. . .
[ ภูติไฟอย่างเธอ ทำไมถึงพยายามที่จะฆ่าผมจังนะ . . ]
[ มันไม่ใช่เรื่องปกติหรอกรึ? นายรู้บ้างมั้ยว่ากี่ปีมาแล้วที่ข้ารอนาย!! ]
ยูตอนนี้เขาได้รีบดึงดาบคริสตัลของเขาออกมารับการโจมตีของอัคนีร่าที่โจมตีมาอย่างกะทันหัน
ตอนนี้ผมที่เคยสีแดงของเธอกับส่องแสงราวกับลุกไหม้ ร่างกายท่อนบนของเธอที่เปลือยปล่าวเต็มไปด้วยไฟที่ลุกท่วมตัว อัคนีร่าเธอตอนนี้ได้ใช้พลังสูงสุดใช้ขวานเพลิงของเธอนั้นโจมตีมาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ไม่มีทางเลยที่ยูจะสามารถโจมตีสวนไปได้บ้าง
[ อุก ถ้าผมในตอนนี้ไม่ไหวแน่ ]
ถึงยูจะตั้งรับการโจมตีของอัคนีร่าอยู่ตลอด
แต่ยูก็หาช่องสำหรับหนีไม่ได้เหมือนกัน
เขาได้แต่เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ
[ มันตั้ง3ปีเลยนะ 3 ปี ที่ข้าต้องการจะฆ่าแก แค่คิดว่าจะได้ฆ่าแกนั้น ข้าตื่นเต้นจนแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว ]
. . . . . ถ้าเธอละความพยายามลงบ้าง
ผมคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้
ขวานเพลิงคู่นั้นตอนนี้ได้รวมกันเป็นขวานเพลิงขนาดยัก . .
[ !? ]
[ ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเธอถึงเอาจริงเอาจังมากนัก ถ้าเธอใจเย็นลงบ้างผมอาจจะยอมสู้ด้วยก็ได้ ]
ร่างของเธอได้หมุนรวมกันขึ้นไปบนท้องฟ้า
เธอง้างมือเตรียมที่จะขว้างบางอย่างออกมา . .
[ หายไปซะ !! เพลิงนรก!! ]
ถ้าหากโดนไฟนั้นเข้าไปล่ะก็ . .
เหลือแต่ขี้เถ้าแน่นอน
มันคือท่าไม้ตายของเธอ
มันสามารถทำให้อาณาจักรหนึ่ง
กลายเป็นดินแดนที่สูญสิ้นได้เลย
[ . . . แย่จริงๆ ผมเดาไว้แล้วล่ะว่าชีวิตเอื่อยเฉื่อยนั้นเป็นไปไม่ได้สำหรับผม เห้อ ]
ยูได้แต่ยิ้มแห้งๆ ขณะที่ชูมือของเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า
เขาแบฝ่ามือของเขาออก ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังมาจากฟ้า
[ จงตอบรับความปราถนาข้า ]
ออร่าที่ส่องสว่างนั้นถูกรวบรวมขึ้นที่มือของเขา . .
———————————
St. Lonvaldia Calendar Year 146
ดินแดนที่สูญสิ้น, ดินแดนแห่งการจุติของบุรุษแห่งแสง ครั้งที่ 2
ในปีนั้น
ดินแดนที่สูญสิ้น
ได้เกิดตำนานการต่อสู้ครั้งใหญ่ . .
“สงคราม ณ ดินแดนที่สูญสิ้น”
กองทัพผสมของจอมมาร จำนวน 300,000 ตน กับ กองทัพมนุษย์ 100,000 นาย
โดยมี อาณาจักรลัคซีเรีย เป็นผู้นำของกองทัพ พันธมิตรแห่งอาณาจักรวาแลนเชลและอาณาจักรแห่งเวทย์มนต์ลีซาเรี่ยน ส่งทหารมาช่วยเหลือในการรบ
แม้พวกเขาจะตกที่นั่งลำบากเพราะต้องเจอกับศัตรู ระดับ เค๊าท์ตั้งแต่เริ่มแรก
แต่กลุ่มของ”ผู้กล้าไคโตะ” และ “อัศวินฟ้าคราม ลีออนฮาท” ได้รวมพลังกันจนสามารถตีกองทัพปีศาจของ ระดับ ดยุค “เคียวแห่งสายลม วินทอส” จนแตกพ่าย และนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของสงคราม
อีกด้านหนึ่งในขณะที่ท่านผู้กล้าและอัศวินศักดิ์สิทธิ์กำลังรวมพลังกัน
ได้มีบุคคลลึกลับที่เรียกตัวเองว่า “เพชฌฆาตแห่งความมืด” สร้างตำนานครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น
ลักษณะภายนอกนั้นไม่สามารถยืนยันได้ ทราบเพียงเขาสวมชุดคุลมสีดำทั้งตัว และถือดาบคู่ 2 มือ และเคลื่อนที่ในสนามรบได้รวดเร็วราวกับเฮอรีเคน เขาจัดการศัตรูมากมายราวกับพายุ พวกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเรียกขานบุคคลในตอนนั้นว่า. . .
“ สตอม บริงเกอร์ “
นั้นคือชื่อที่พวกเขาต่างเรียกขานชายชุดดำ. .
ในตอนนั้นเองที่ท่านผู้กล้าและอัศวินศักดิ์สิทธิ์ได้โค่น ระดับ ดยุค “วินทอส” ลงได้
“เพชฌฆาตแห่งความมืด” เขาเองก็สามารถจัดการกับแม่ทัพแห่งสงครามค้อนหิน
“เทราคิโอ” ผู้อยู่ระดับเดียว กับ “วินทอส” ลงได้ ด้วยตัวเพียงคนเดียว . . .
ในเวลาต่อมา คนที่ 4 ของ 6 ดาบขุนพลได้เข้าร่วมในสงครามได้ถูกยืนยัน
คนคนนั้นคือ “เจ้าหญิงสงครามขวานเพลิง” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อัคนีร่าผู้ถูกลงทันฑ์”
อย่างไรก็ตาม
ยังมีผู้ที่เข้าร่วมสงครามตามเธอมาอีกคนหนึ่ง และนั้นมันทำให้เธอถึงกับต้องถอยหนี
ไม่สิ มันควรไม่ถูกเรียกว่าการถอยหนี
“อัคนีร่าผู้ถูกลงทันฑ์” ได้ถูกจัดการลงโดย “ท่านผู้กล้าคนก่อน” ผู้ที่ปรากฎออกมาพร้อมกับออร่าสีขาวสว่างไสว และชุดเกราะขาวบริสุทธิ์
ผู้ชายคนนั้น ผู้เคยช่วยโลกเอาไว้ครั้งหนึ่ง เขาเป็นนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถขับไล่จอมมารไปได้ มันบอกได้ว่าหลังจากที่ท่านผู้กล้าคนก่อนเข้าร่วมในสงคราม
อัคนีร่าได้ต่อสู้กับเขาและได้ถอยหนีโดยที่ไม่สามารถสร้างบาดแผลไห้แก่ท่านผู้กล้าคนก่อนได้เลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้จะมีข่าวลือบอกว่าเหตุผลที่เขาปรากฎตัวเพื่อ จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรลีซาเรี่ยน ซิลเวีย ผู้ซึ่งเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกัน แต่ข่าวลือนี้ไม่มีเหตุผลยืนยันว่าเป็นความจริง . . .
หลังจากข่าวการพ่ายแพ้ของ 2 เสาหลัก จาก 6 ดาบปีศาจถูกยืนยัน ระดับเค๊าท์ เห็นพ้องตรงกันว่าควรจะถอยหนี และนั้นเอง กองทัพจอมมารที่เหลือเพียงเหล่ามอนเตอร์นั้นได้ถูกทำลายลงโดยเหล่ากองทัพพันธมิตร
มีตัวเลขยืนยันผู้เสียชีวิตของกองทัพมนุษย์ จำนวน 30,000 นาย
แต่ในตอนนั้นพวกเขากลับไม่มีใครเศร้าเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้
เพราะการที่พวกเขาได้รับชัยชนะในศึกครั้งนี้นั้น มันถือว่าประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อย่างมาก
[ข้อความเหล่านี้นำมาจากบันทึกของ นักบุญทิลเลียรูริ และ The Black Hero , บท “การพบเจอ” , ส่วนที่ 7 ]