บทที่ 2 ตอนที่ 1
—-นั่นมัน ควรจะเป็นแค่การผจญภัยเล็กๆน้อยๆเพียงแค่นั้น
ซาโต้ โชโกะ ผู้ที่เพิ่งได้เป็นนักผจญภัยเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะมหาวิทยาลัยไหนก็มักจะมีการแข่งขันเพื่อดึงดูดเหล่าเด็กใหม่เพื่อให้มาเข้าร่วมชมรม เพราะเพิ่งเคยเข้าโตเกียวแล้วต้องพักอยู่คนเดียวเป็นครั้งแรกเธอจึงไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วไปเข้า circle นักผจญภัยเพราะเห็นว่ามันดูเท่ห์ดี
มันเป็น circle ที่ไม่ได้จริงจังในการเป็นมืออาชีพอะไร แต่ก็ไม่ได้เป็น circle ที่หละหลวมถึงขนาดมีจุดประสงค์เพื่อแค่ทำกิจรรมทางเพศผิดศีลธรรม มันคือ circle ประเภทนักผจญภัยสนุกๆ ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ไม่เข็มงวดหรือหละหลวมจนเกินไป
สำหรับโชโกะที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในการเป็นนักผจญภัยอย่างจริงจัง เป็นแค่คนที่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเหมือนคนทั่วๆไป เจ้า circle นี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
สมาชิกอาวุโสจะมีการปล่อยเช่าการ์ดแรงค์ D ให้แก่สมาชิกใหม่ในราคา 10,000 เยนต่อเดือน ทำให้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการเป็นนักผจญภัยเหลือเพียงค่าสมัคร ตรงนี้จึงเป็นการลดความยากทางใจสำหรับการจะเป็นนักผจญภัยลงไปได้
เริ่มแรกของโชโกะ มีภาพลักษณ์ของนักผจญภัยเป็น「เท่ห์ แต่ว่าอันตราย และยุ่งยาก」คิดเหมือนกับหลายๆคน แต่พอได้เริ่มจริงๆ กลับสามารถเริ่มต้นได้อย่างสะดวกสบายจนน่าตกใจ
เมื่อเด็กใหม่ลงสำรวจเขาวงกตจะมีรุ่นพี่ 1 คนติดตามไปด้วย มอนสเตอร์ที่โผล่มาก็ล้วนแล้วแต่อ่อนแอกว่าการ์ดที่เช่ามา การสำรวจชั้นที่กว้างขวางออกจะใช้แรงกายมากพอตัว แต่สำหรับเธอที่เคยอยู่ในชมรมกรีฑาตอนมัธยมปลายแล้วก็ไม่มีปัญหา การที่ได้สัมผัสธรรมชาติที่ยากจะพบได้ในญี่ปุ่นยังราวกับว่าได้เดินทางไปต่างประเทศอีกด้วย
มันเป็นสภาพแวดล้อมอันยอดเยี่ยมที่สามารถลงสำรวจเขาวงกตได้โดยที่ไม่ส่งผลเสียต่อการเรียน ในเวลาเดียวกันก็ยังได้ความตื่นเต้นเล็กน้อยและเงินค่าทำงานพาร์ทไทม์อีกด้วย
แถมยังได้แฟนหนุ่มคนแรก
ชื่อว่าอาโอกิ เซย์ยะ เขาไม่ได้เป็นหนุ่มหล่อมากมายอะไร แต่ก็เป็นชายหนุ่มสะอาดสะอ้าน เป็นคนอ่อนโยนและเอาใจใส่ เนื่องจากว่าเป็นเจ้าของเดิมของการ์ดที่เช่ามาทำให้ได้คุยกันบ่อยและเกิดความใกล้ชิดกับเธอ แถมยังเป็นผู้ที่มีใบอนุญาต 2 ดาว ซึ่งหาได้ยากใน circle
เป็นชีวิตมหาวิทยาลัยในฝันที่ราบรื่นอะไรเช่นนี้
หลังจากเข้าเรียนได้ 1 ปี ในที่สุดก็มีเงินเก็บมากพอจะซื้อการ์ดแรงค์ D ได้
ถึงแม้ว่าจะสามารถเลือกซื้อการ์ดใหม่ได้ แต่โชโกะก็ตัดสินใจที่จะซื้อการ์ดแคทซิทที่เธอเช่าจากอาโอกิมาอย่างเป็นทางการแทน
การใช้การ์ดใบเดิมมาเป็นเวลา 1 ปี ย่อมทำให้เกิดความผูกพันกับมัน
ในภายหลังเธอก็ได้รู้ข้อมูลมาจากอาโอกิ ว่านั่นก็คือเป้าหมายที่อยู่เบื้องหลังระบบการเช่า
ไม่เพียงแต่รุ่นพี่จะมีรายได้แบบ passive ทุกๆเดือนจากการปล่อยเช่าการ์ดที่ไม่ได้ใช้เอง แล้วพอรุ่นน้องเริ่มผูกพันกับการ์ดและต้องการซื้อมัน พวกเขาก็จะสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าการนำไปขายให้ทางกิลล์ รุ่นน้องสามารถเป็นนักผจญภัยด้วยการลงทุนเริ่มแรกแบบประหยัด แล้วยังสามารถได้การ์ดที่ราคาถูกกว่าท้องตลาดและเป็นการ์ดที่ผูกพันมาแล้วในระดับหนึ่ง เป็นความสัมพันธ์แบบ WIN-WIN อย่างแท้จริง
สมาชิกใหม่ที่ต้องมีสมาชิกรุ่นพี่ติดตามไปด้วย ไม่เพียงแค่เพื่อคอยแนะนำ แต่เพื่อคอยเฝ้าดูเพื่อให้แน่ใจว่าการ์ดที่ให้เช่าจะไม่ลอสหรือถูกขโมย การ์ดที่นำมาให้ยืมก็เป็นชนิดที่มีความน่ารักอย่างแคทซิท เพื่อที่ผู้คนจะได้เกิดความผูกพันกันมันได้ง่าย
หลังจากได้ยินเรื่องราว โชโกะก็ประทับใจกับระบบที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างดี และยิ้มแห้งๆให้กับตัวเองที่ถูกเล่นเข้าให้เต็มๆ
เมื่อผ่านช่วงเวลาที่เช่ามาแล้วก็จะได้รับการยอมรับว่าเป็นสมาชิกของชมรมอย่างเป็นทางการ และได้รับอนุญาตให้ลงสำรวจเขาวงกตคนเดียวได้
เมื่อโชโกะรู้เรื่องนี้ เธอก็โน้มน้าวแฟนหนุ่ม「ไม่ใช่ว่ายังเร็วไปอยู่หน่อยเหรอ?」ที่ยังเป็นห่วง แล้วตัดสินใจลงสำรวจเขาวงกตด้วยตัวเองทันที
ในขณะที่ได้ความรู้สึกปลอดภัยเมื่อไปด้วยกันกับรุ่นพี่ แต่ก็ยังมีข้อเสียที่ถูกแบ่งค่าตอบแทน
โชโกะรู้สึกไม่พอใจกับห้องที่เธออยู่ในปัจจุบันที่มีขนาดเล็กและกำแพงที่บาง แถมยังมีของหลายอย่างที่อยากได้ เพราะแบบนั้นจึงต้องการรายได้ที่มากขึ้น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการสำรวจคนเดียวครั้งแรก แต่อีกด้านคือเขาวงกตแรงค์ F ที่เคยพิชิตมาแล้วหลายต่อหลายครั้งในปีที่ผ่านมา ไม่น่าจะมีอันตราย—-มันควรจะเป็นแบบนั้น
「ฮ่า, ฮี๊, ฮ่า…..!」
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้ามาในเขาวงกตประเภทป่า
โชโกะสูญเสียการ์ดและอุปกรณ์ของเธอทั้งหมด วิ่งหนีเพียงลำพังอยู่ในเขาวงกต
เริ่มวิ่งมานานแค่ไหนแล้วนะ ปอดที่ทำงานหนักก็ใกล้ถึงขีดจำกัด รสชาติของเหล็กจางๆเริ่มจะขึ้นมาจากข้างในลำคอ ขาที่เกร็งมากเสียจนกำลังจะเป็นตะคริว ขณะที่ความอยากจะพักซัก 1 นาทีแว่บผ่านมาในใจ แต่โชโกะก็ฝืนข้อเข่าที่ปวดร้าวแล้ววิ่งต่อ
ถ้าหากว่าหยุดแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ ตาย เพียงแค่ความคิดนี้อย่างเดียวก็ผลักดันร่างกายเธอให้ข้ามขีดจำกัดแล้ว
เส้นทางผ่านต้นไม้ พื้นดินไม่ราบเรียบสม่ำเสมอ รากไม้ขึ้นรกโผล่เหนือดินยากแก่การเดินทาง ทัศนวิสัยย่ำแย่จากเส้นทางคดเคี้ยวและใบไม้บดบัง
นอกเหนือไปจากความยากในการวิ่งแล้ว ที่แย่ที่สุดในตอนนี้คือทัศนวิสัยที่แย่ โชโกะหวาดกลัวว่าจะเจอเข้ากับมอนสเตอร์ทุกครั้งที่ต้องเลี้ยวผ่านหัวมุม
ถ้าหากว่าเจอเข้ากับก็อบบลิ้นแม้เพียงตัวเดียวแล้วล่ะก็ เป็นอันจบ เหมือนกับการต้องหมุนวงล้อรัสเซียนรูเล็ตต์ที่บังคับให้หมุนตลอดเมื่อวิ่งไปได้ทุก 1 เมตร…..จิดใจของโชโกะถูกกัดเซาะไปทีละนิด
หลังจากที่สูญเสียการ์ดที่พึ่งพาได้ไป โชโกะก็รับรู้ถึงความน่ากลัวของเขาวงกตเป็นครั้งแรก
「อะ…..!」
ความรู้สึกว่าลอยอยู่กลางอากาศเพียงชั่วครู่ สะดุดรากไม้แล้วล้มลง รู้สึกตัวได้ก็หลังจากที่ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นผ่านไปทั่วร่างกาย
เนื่องจากล้มอย่างแรง เกิดรอยถลอกทั้งที่ข้อศอก เข่า และแม้แต่ที่แก้ม
…..อา กับเพราะแค่ว่าเป็นขาวงกดแรงค์ F ที่คุ้นเคยดีแล้ว ก็ไม่น่าใส่ชุดแขนสั้นมาเลย ถ้าหากว่าใส่ชุดเกราะและมีปืนซ็อตไฟฟ้าหรือสเปรย์พริกไทย ก็คงไม่ต้องกลัวมากแบบตอนนี้
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เลิกแบกอุปกรณ์ที่เคยเอามาด้วยทุกครั้ง
ไม่ทันรู้ตัว ตัวเองก็กลายเป็นคนอวดดีและขาดความระมัดระวังไป
ต่อให้รู้สึกเสียใจมันก็สายไปแล้ว ที่ทำได้ในตอนนี้มีแค่กระเสือกกระสนกับสาปแช่งความโง่เขลาและโชคร้ายของตัวเอง
—-แซ่ก
「…..!」
ขณะที่โชโกะปาดน้ำตาจากที่ล้มและพยายามลุกขึ้น เธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ
พยายามกลั้นหายใจอย่างสุดชีวิต เพ่งสายตาเขม็งไปทางต้นเสียง
-ตุ๊บตุ๊บ-เสียงของหัวใจตัวเองเต้นดังจนน่ารำคาญ
แล้วสิ่งที่โชโกะเห็นก็คือ นกตัวเล็กกระพือปีกบินไป
「ฮ่าาาาาาา…..」
ถอนหายใจโล่งอกยาวๆ
โชโกะสูดหายใจเข้าเล็กน้อย ลุกขึ้นด้วยขาที่กำลังสั่นและเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพัก
ไม่รู้ว่า “เจ้านั่น” จะเปลี่ยนใจแล้วไล่ตามมาเมื่อไหร่
—–หากมาลองมองย้อนดูตอนนี้ การสำรวจเป็นไปอย่างราบรื่นและโชโกะก็ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด
จริงอยู่ที่ว่าขาดความระมัดระวังที่ไม่ได้สวมอุปกรณ์มา แต่นั่นก็เพราะมันไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
กับพลังต่อสู้ของแคทซิทที่เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุดของการเติบโต ไร้ซึ่งผู้ต่อกรในเขาวงกตแรงค์ F
ต่อให้มีศัตรู 4 – 5 ตัว ก็สามารถทำลายมันลงได้ในพริบตา
มันเลยเป็นธรรมดาที่จะไม่นำชุดเกราะหรือสเปรย์พริกไทย ที่ไม่เคยมีโอกาศได้ใช้มันในรอบ 1 ปีติดตัวมาด้วย
ถึงกระนั้น เพราะมันเป็นการลุยเดี่ยวครั้งแรก จึงดำเนินการไปอย่างระมัดระวังมากกว่าปกติ
จำนวนชั้นเองก็มี 4 ชั้น สามารถกลับไปได้ภายในวันเดียวแบบเหลือเฟือ
ทุกอย่างกำลังไปได้ราบรื่นแต่มันก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมาถึงชั้นสุดท้ายและเครื่องมือของเธอเริ่มผิดปกติ
มอนสเตอร์ที่รอเธอที่ชั้นล่างสุด มันก็คือ เกรมลิน
เกรมลิน คือมอนสเตอร์แรงค์ E ที่ถูกเกลียดโดยนักผจญภัยทุกคนทุกระดับไล่ตั้งแต่ 1 ดาวยัน 6 ดาว
เหตุผลนั้นก็จาก ความสามารถพิเศษที่เกรมลินมี
ทำลายเครื่องจักร เกรมลินมีความสามารถในการทำให้เครื่องจักรทุกชนิดรวนและทำลายลงได้
เจ้าความสามารถทำลายเครื่องจักรนี้ เป็นอะไรที่ไม่สามารถเข้ากันขั้นร้ายแรงกับนักผจญภัยรุ่นใหม่
สมาร์ทโฟนและกล้องถือว่าเป็นอุปกรณ์จำเป็นต่อชีวิตสำหรับนักผจญภัยทุกคน
สำหรับนักผจญภัยสมัยใหม่ที่วาดแผนที่ด้วยสมาร์ทโฟนแล้ว หากในระหว่างผจญภัยเกิดสมาร์ทโฟนถูกทำลายนั่นหมายถึงความเป็นไปได้ที่จะหลงทาง
กล้องเองก็ถือเป็นไอเทมสำคัญที่จำเป็นในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในกรณีที่เกิดปัญหาใดๆภายในเขาวงกต
นอกเหนือจากนั้น สำหรับผู้คนสมัยใหม่ การที่สมาร์ทโฟนถูกทำลาย มันจะมีผลความเสียหายทางด้านจิตใจมากกว่าด้านทุนทรัพย์
และยังมีอีก 1 อย่าง ไอเทมสำคัญที่เกรมลินสามารถทำลายได้
นั่นก็คือ ใบอนุญาตนักผจญภัย
ไอเทมเวทสังเคราะห์นี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยกิลล์ ประกอบด้วยเครื่องจักรอย่างไมโครชิป นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงสามารถซื้อของด้วยการใช้ใบอนุญาตนักผจญภัยได้ แต่มันก็ยังมีข้อเสียที่มันถูกรวมไปในความสามารถของเกรมลินที่ทำลายเครื่องจักร
หากใบอนุญาตนักผจญภัยถูกทำลาย แน่นอนว่าจะไม่สามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้
ไม่เกี่ยวกับว่าจะอยู่ในชั้นที่ตื้นแค่ไหน การสูญเสียแผนที่และไม่สามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้ภายในเขาวงกต นับเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
อุบัติเหตุจำนวนไม่น้อยในเขาวงกตอันเนื่องมาจากการทำลายเครื่องจักรเกิดขึ้นในทุกๆปี และถือว่าเป็นปัญหา ทว่าก็ยังไม่พอวิธีแก้ที่มีประสิทธิภาพนอกเหนือไปจากการใช้วิธีอนาล็อคแบบสุดๆ
แถมสิ่งที่นับเป็นความยุ่งยากที่สุดของเกรมลินคือ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเขาวงกตไหน มันสามารถปรากฏตัวได้ทุกที่ และยังมาพร้อมกับความสามารถปกปิดตัวตนอีกต่างหาก
พูดอีกอย่างคือ—-นักผจญภัยแทบทั้งหมด จะรู้สึกถึงการมีอยู่ของเกรมลินได้ก็หลังจากที่มันทำการโจมตีไปแล้ว
เมื่อโชโกะมาถึงชั้นล่างสุด ก็ถูกเกรมลินโจมตีทีเผลอใส่
เมื่อโชโกะรู้สึกตัวถึงเกรมลินก็ลงมือจัดการมันในทันที แต่ก็แน่นอนว่าข้อมูลในสมาร์ทโฟนก็ไม่มีวันกลับมาแล้ว
เมื่อคิดถึงราคาของสมาร์ทโฟนที่เสียกับราคาสมาร์ทโฟนที่ต้องซื้อใหม่ การสำรวจเขาวงกตในครั้งนี้ก็กลายเป็นขาดทุนแน่นอน
「อา โธ่ แย่ที่สุด!」
ในตอนที่ขว้างสมาร์ทโฟนลงไปกับพื้นพร้อมสาปแช่งนั้น
「—-กี๊!」
「……….เอ๋?」
ทันใดนั้น แคทซิทถูกซัดกระเด็นไป
กลิ้ง-กลุ่กกลุ่ก-ไปกับพื้นราวกับลูกฟุตบอลอะไรแบบนั้น จนในที่สุดก็หยุดพร้อมเสียงดังสนั่นและต้นไม้ใหญ่ที่โค่นล้มลง
แคทซิทที่ขนสีเทาถูกย้อมด้วยสีแดง แขนขาหักงอ หยุดนิ่งไม่ขยับราวกับหมดสติ
「อะ เอ๋? อะไร, กัน?」
โชโกะได้แต่มองอย่างงุนงง แต่สติก็ถูกดึงกลับมาด้วยลมอุ่นๆที่ถูกเป่าใส่หน้าของเธอ—-แล้วตาก็ได้ประสานกับสิ่งนั้น
มันคือหมาป่าสีขาวที่ตัวใหญ่กว่าช้างแอฟริกา ดวงตาสีเลือดของมันมองลงมาที่โชโกะอย่างไร้ปราณี
หมาป่ายักษ์ พูดกับโชโกะ
『—-เอาเจ้าแมวนั่นกลับเข้าการ์ดซะ』
「เอ๋?」
『เร็วเข้าสิ หรือว่าอยากจะถูกกัดตายรึไง!』
「ฮี๊! ค-คะ!」
โชโกะเอาแคทซิทกลับเข้าการ์ดตามที่ถูกสั่ง ด้วยเหตุนี้ บาเรียของตัวเองจึงหายไป แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดถึงเรื่องแบบนั้น
『ถ้าหากยังมีการ์ดอื่นอยู่อีกให้เอาทั้งหมดวางไว้กับพื้น และสละการเป็นเจ้าของไปซะ』
「ค-ค่ะ…..」
โชโกะ วางการ์ดทั้งหมดลงบนพื้น ทั้งการ์ดแรงค์ F ที่ได้มาจากการสำรวจที่แห่งนี้ และการ์ดแรงค์ E อีกนิดหน่อยที่เก็บเอาไว้ยามฉุกเฉิน
ชั่วครู่หนึ่ง โชโกะคิดจะเก็บการ์ดไว้ซักใบในกระเป๋า แต่เมื่อถูกดวงตาสีแดงนั่นจ้องใส่ ความคิดนั้นก็ถูกเป่าหายไปเป็นฝุ่น
หมาป่ายักษ์เห็นดังนั้นแล้วจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
『เอาล่ะ ไปซะ』
พูดมาแบบนั้น
「เอ๋?」
โชโกะผู้ที่กำลังคิดว่าคงได้ถูกกินไปทั้งๆแบบนี้แน่ ได้แต่อ้าปากค้างกับคำพูดที่คาดไม่ถึง
『ไม่ได้ยินรึไง? หรือว่าอยากจะถูกกินมันซะตรงนี้แทน?』
「ม-ไม่ค่ะ!」
ไม่ต้องการพูดมากเกินไปกว่านี้แล้วถูกฆ่า โชโกะจึงพยายามรีบวิ่งไปในทิศทางที่เกจน่าจะอยู่
『ไม่ใช่ทางนั้น กลับไปทางที่แกมาซะ』
หมาป่ายักษ์ที่ขวางทางโชโกะใช้จมูกชี้ไปทางบันไดที่เธอลงมา
หรือก็คือเป็นการบอกให้เธอกลับไปในเส้นทางที่มาถึงขนาดนี้ด้วยตัวของเธอเอง
「อ-อะไรกัน…..เป็นไปไม่ได้หรอก! อย่างน้อยก็ขอการ์ดไปซักใบนึง!」
หมาป่ายักษ์พ่นจมูกกับคำขอร้องของเธอ
『ไม่รู้ด้วยหรอก นานๆครั้งก็ลองท้าทายเขาวงกตด้วยพลังของตัวเองโดยไม่พึ่งพลังของพวกข้าซะบ้างสิ』
「ท-ทำไมถึงต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย? น-นายเป็นใครกันแน่?」
เธอที่ถูกต้อนจนมุม คำถามง่ายๆเหล่านั้นก็ผุดขึ้นมา
มอนสเตอร์นี้ไม่ใช่มอนสเตอร์ระดับที่เขาวงกตแรงค์ F จะมาปรากฏได้ แต่ทว่าก็ไม่ใช่อิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ ขนสีขาวและร่างกายใหญ่โตที่ดูคุ้นๆนี่ มันคือมอนสเตอร์แรงค์ C การ์มล่ะ
แต่ว่า ทำไมการ์มถึงมาปรากฏในเขาวงกตแบบนี้ แล้วทำไมถึงเรียกร้องการ์ด? ปล้น? หรือว่าจะมีนักผจญภัยคนอื่นควบคุมอยู่? แล้วทำไมต้องทำอ้อมค้อมโดยให้กลับไปทางที่มา? เพื่อให้มอนสเตอร์ระหว่างทางจัดการทิ้ง? ทำไมไม่ลงมือมันไปซะตรงนี้เลย?
คำถามมากมายผุดขึ้นมา แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ ตัวคำถามที่ไม่มีที่ไป หลุดออกมาจากปากโดยไม่ทันรู้ตัว
『ไม่ว่าจะพูดอะไรไปก็ไม่มีทางเข้าใจถึงความปรารถนาอันสูงส่งนี่หรอก ไม่สำหรับมนุษย์อย่างแกที่ใช้พลังของการ์ดราวกับว่ามันคือพลังของตัวเอง! ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปซะ! ถ้าไม่อย่างนั้น—-จะกัดให้เป็นชิ้นๆซะ!』
「ฮี๊!」
โชโกะเริ่มออกวิ่งด้วยสัญชาตญาณเพราะเสียงคำรามที่ทำให้ผิวสั่นสะท้าน
ไม่มีแม้แต่การ์ดซักใบที่ใช้เป็นอาวุธหรือโล่ ที่มีอยู่ทั้งหมดก็แค่เสื้อยืดและกางเกงยีนส์ที่พึ่งพาไม่ได้ สมาร์ทโฟนและใบอนุญาตนักผจญภัยที่เป็นเส้นชีวิตก็เสียหาย อีกทั้งไม่รู้จะไปทางไหน
ในสถานการณ์ที่อย่างเดียวที่พึ่งได้คือร่างกายของตัวเอง โชโกะก็ได้หายไปในเขาวงกต
—-2 วันให้หลัง แฟนหนุ่มของเธออาโอกิ เซย์ยะก็ได้ทำการยื่นคำขอเพื่อให้ค้นหาซาโต้ โชโกะ
【Tips】ทำลายเครื่องจักร
ท่ามกลางมอนสเตอร์และกับดักที่ปรากฏในเขาวงกต จะมีบางอย่างที่ทำหน้าที่ต่อต้านบางสิ่ง เกรมลินถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น หน้าที่ของมันคือ 『ลบล้างเครื่องจักร』ขอบเขตการทำลายเครื่องจักรของเกรมลินมีระยะกว้าง และไม่เพียงแต่สมาร์ทโฟนและกล้องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนในระดับหนึ่งด้วย เช่น ปืน ส่วนอุปกรณ์เวทไม่ว่าจะมาจากดันเจี้ยนหรือสังเคราะห์ขึ้นมาจะไม่ตกเป็นเป้าหมายการทำลายเครื่องจักร แต่หากมีการฝัง IC ชิพภายใน เช่น ใบอนุญาตนักผจญภัย มันจะกลายเป็นเป้าหมายการทำลายเครื่องจักรไป
มันมีชื่ออย่างมากในด้านลบ โดยเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ทางการทหารพิชิตเขาวงกตได้ในช่วงที่ยังไม่รู้วิธีการใช้งานการ์ด