ตอนที่ 28 มีทฤษฏีที่ว่าใครที่มาเป็นการ์ดของผมคือพวกที่มีคาแรกเตอร์ไม่ปกติ

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

บทที่ 2 ตอนที่ 2

 

『เวลาของค่ำคืนนี้ก็มาถึงอีกครั้งแล้วครับ! การต่อสู้ที่จำกัดแค่สาวมอนสเตอร์ร่างมนุษย์ แคทไฟท์! เหล่าสาวมอนที่สวยงามและน่ารัก มาห้ำหั่นกันอย่างงดงาม! การ์ดใบไหนกันที่จะเจิดจรัสและแข็งแกร่งที่สุด!

    ผู้บรรยายสดคือผม ยูยะ ซาโต้ ทางผู้ให้ความเห็นคือโปร 4 ดาว แชมป์เปี้ยนแคทไฟท์สมัยที่ 1 โทโร่มากุโร่ซังครับ

    ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับผู้เข้าแข่งขันรอบแรกกันครับ! จากทางประตูแดงที่ปรากฏออกมาคือผู้เข้าแข่งขันไซโต้ ชูซุเกะ! นักศึกษานักผจญภัยผู้ใฝ่ฝันจะเป็นมืออาชีพ สถิติจนถึงตอนนี้คือชนะ 3 แพ้ 3 ! คลื่นลูกใหม่ผู้มีอนาคตไกล!』

 

    เมื่อผู้ชมส่งเสียงเชียร์ ชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ก็ปรากฏตัว รูปร่างหน้าตาค่อนข้างดี แฟชั่นและทรงผมเข้าสมัย สีหน้าในตอนที่โบกมือให้กับผู้ชมเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

『โทโร่มากุโร่ซัง คิดยังไงกับผู้เข้าแข่งขันไซโต้ครับ?』

『คิดว่าเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ดีอยู่นะครับ

    ปาร์ตี้ประกอบด้วย แรงค์ C ไซเรน กับแรงค์ D อมาโซเนสและเนโกะมาตะ ให้อมาโซเนสที่มีความถึกสูงรับหน้าที่ตัวรับ, เนโกะมาตะเป็นตัวรุกแบบมีลูกเล่น, ไซเรนทำหน้าที่สนับสนุนอยู่ด้านบนแนวหลังสินะครับเนี่ย

    ถือว่าเป็นพื้นฐานแต่นับว่าโครงสร้างมั่นคงครับ ผู้เข้าแข่งขันหลายท่านที่เพิ่งเปิดตัวมักจะหลงทิศแล้วไปจดจ่ออยู่กับตัวรุก แต่รู้สึกได้ว่าผู้เข้าแข่งขันไซโต้ดูมีความสงบในการเคลื่อนไหวของเขา และการประสานงานก็ทำได้ดี

    โดยเฉพาะไซเรนที่เป็นประเภทบินได้ที่มีค่ามาก คิดว่ามีโอกาศสูงที่จะเก็บชนะได้ครบ 10 รอบแล้วท้าชิงแชมป์เปี้ยนครับ』

『อย่างงี้นี่เอง! ดูมีอนาคตไกลสินะครับ! ต่อไปที่ปรากฏตัวจากฝั่งประตูขาวก็คือผู้เข้าแข่งขันคิทากาว่า! วิธีการแรงค์อัพใหม่ในงานแข่งทัวร์นาเมนต์นักเรียน เบื้องหลังชัยชนะอันสดใสนั่น ยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของผู้คนอยู่ใช่ไหมครับ? ถึงแม้ว่าจะเป็นนักผจญภัยมาแค่ครึ่งปี ก็มีอัตราการเติบโตกลายเป็น 3 ดาวอย่างไม่น่าเชื่อ! ราวกับเพื่อพิสูจน์ว่ามันไม่ใช่ลูกฟลุ๊กหรือเรื่องบังเอิญ ในการแข่งเปิดตัวเมื่อวันก่อนก็ได้คว้าชัยชนะไปได้อย่างน่าทึ่งครับ!』

 

    ขณะที่ความคาดหวังของเหล่าผู้ชมค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นตามการบรรยายแนะนำตัว เด็กผู้ชายหน้าตาธรรมดาก็ปรากฏตัวออกมาจากกลุ่มควันตรงประตูขาว

    สำหรับผู้ชมที่ไม่รู้จักคิทากาว่า อุทามาโร่แล้วนั้น จะมีสีหน้าตกใจจากที่ได้เห็นใบหน้าที่ราวกับเป็นคนธรมดา

    นี่เป็นนักผจญภัยหนุ่มที่เป็นที่พูดถึงในข่าวจริงๆเหรอ? กระซิบกันแบบนั้น

 

『โทโร่มากุโร่ซัง คิดยังไงกับผู้เข้าแข่งขันคิทากาว่าครับ?』

『นั่นสินะครับ เอาตามตรงเลยคือไม่ได้อยู่ในระดับนักเรียนแล้ว ซาชิกิวาราชิที่มีสกิลสุดพิเศษอย่างหวนคืนจิตวิญญาณ เป็นที่ดึงดูดความสนใจอย่างมากจนได้กลายเป็นหน้าปกของเขาไปแล้ว การ์ดอื่นๆเองก็มีความครบครัน ทั้งความสามารถด้านเทคนิคและความสามารถในการฝึกฝนที่สูง เป็นระดับที่ถ้ามีแมวมองจากทีมมืออาชีพมาหาก็ไม่น่าแปลกใจเลย』

『โออออ้! ถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ! ถ้างั้นแล้วโทโร่มากุโร่ซัง คาดว่าใครจะชนะในการแข่งขันครั้งนี้ครับ?』

『ฮะฮะฮะ! ที่พูดได้ทั้งหมดมีแค่นั้นแหละครับ เพียงแต่ อยากจะบอกว่าไม่ว่าฝ่ายไหนก็มีโอกาศจะชนะพอๆกันครับ』

『ใช้ตามองดูผล จะบอกว่างั้นสินะครับ! เช่นนั้นแล้ว เริ่มการแข่งได้ครับ!』

 

    ระฆังการแข่งดังขึ้น ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ฝ่ายต่างผลัดกันอัญเชิญการ์ดออกมา

    ที่ผู้เข้าแข่งขันไซโต้เรียกออกมาคือ สาวงามผู้มีร่างกายท่อนบนเป็นหญิงสาวสวยที่มาพร้อมปีกและร่างกายท่อนล่างเป็นนางเงือก, นักรบหญิงแห่งพงไพรผู้มีร่างกายที่ฝึกฝนมาอย่างดีพร้อมสวมชุดขนสัตว์เยี่ยงคนเถื่อน, หญิงสาวสวยมนุษย์สัตว์ผู้มีหูแมวและหาง 2 เส้น

 

『โอออ้~~~~』

 

    การปรากฏตัวของสาวมอนสเจตอร์ที่เปิดเผยผิวพรรณทำให้ผู้ชมคึกคัก เหล่ามอนสเตอร์เองก็โชว์เสน่ห์ของตัวเองด้วยการเดินไปรอบๆสนามและโพสท่าเซ็กซี่ให้กับกล้อง

    มอนโคโล…..โดยเฉพาะกับแคทไฟท์ที่จำกัดเฉพาะสาวมอนสเตอร์ จะมีธรรมเนียมการให้แฟนเซอร์วิสเพื่อสร้างความบันเทิงแก่ผู้ชมในห้องส่งและทางบ้าน

    จากนั้น สายตาของผู้ชมก็หันไทางผู้เข้าแข่งขันอีกคน

    ด้วยความคาดหวังที่สูงว่าจะเป็นสาวมอนสเตอร์แบบไหนที่จะถูกอัญเชิญออกมา ที่ถูกเรียกออกมาใบแรกก็คือ ผีดูดเลือดสาวแสนสวย สวมชุดเดรสสีดำสนืทอันทำให้ผิวสีขาวซีดดูโดดเด่น ที่ผมบลอนด์ยาวเงางามหากสังเกตุดีๆจะพอว่ามีปอยผมสีดำแทรกผสมอยู่ ก่อให้เกิดความแตกต่างอันน่าดึงดูด

    ท่ามกลางผู้ชมที่ต้องเสน่ห์ที่ดูอันตรายแต่น่าหลงไหลของเธอนั้น ผู้ที่รู้ว่าตัวเธอดั้งเดิมคือกูลที่ถูกเรียกว่าเอลิซ่าต่างก็ส่งเสียงชื่นชมถึงการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

    แต่เดิมทีพื้นฐานของเธอมีความยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ทว่าความสวยงามของเอลิซ่ากลับถูกบดบังด้วยร่างกายที่เสื่อมสภาพไปของกูล

    มาในตอนนี้เธอได้วิวัฒนาการเป็นผีดูดเลือด ที่รู้จักกันว่าเป็นชนชั้นสูงของปีศาจ ในขณะที่ยังคงลักษณะดั้งเดิมบางอย่างเอาไว้ มันก็ได้กลายเป็นความงดงามอย่างลึกลับ

    เอลิซ่ามองผู้ชมที่อยู่รอบๆด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นเธอก็ค่อยๆนำขลุ่ยออกมาแล้วเริ่มเล่นมัน

    นิ้วมือที่ขาวราวกับปลาเต้นรำอยู่บนขลุ่ย แล้วเสียงเพลงอันไพเราะก็ถูกบรรเลง

    ขณะที่ผู้ชมรับฟังอยู่ด้วยความเงียบ มอนสเตอร์ตัวต่อไปก็ปรากฏ

    เด็กสาวผมสีเงินที่มีปีกของค้างคาว, หางของลา, และขาทองเหลือง—-เมอา ชุดที่สวมเป็นเบบี้ดอลที่มีบางจุดโปร่งใส ผสานเข้ากับร่างกายที่เกือบเป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้จะไม่ควรมองแต่ก็ละสายตาไปไม่ได้ กับเสน่ห์ที่ชวนให้ผิดศีลธรรมอันนี้ที่เธอปล่อยออกมา

    ปีศาจฝันวัยเยาว์ทำสีหน้ายิ้มเยาะและเริ่มเต้นรำช้าๆไปทางผู้ชม

    ทั้งบทเพลงอันยอดเยี่ยมที่บรรเลงโดยผีดูดเลือดสาว กับการเต้นรำของปีศาจรุ่นเยาว์แต่ก็เย้ายวน จะเรียกว่าเป็นการแสดงชั้นเลิศก็ไม่เกินเลย

 

    ขณะที่เหล่าผู้ชมกำลังอยู่ในภวังค์ ในที่สุดการ์ดใบสุดท้ายก็ปรากฏตัว

    เด็กสาวซาชิกิวาราชิผู้มีบรยากาศของนักเลง สวมชุดกิโมโนสีแดงพร้อมผมสีดำเงาที่จัดอยู่ในทรงพังค์—-เร็นกะ

    การ์ดที่ได้ทำการแรงค์อัพโดยไม่ใช้การ์ดอย่างเป็นทางการใบแรกของโลก การ์ดชื่อดังที่แม้จะทำอะไรนิดหน่อยก็เกิดแรงกระเพื่อมในสังคมได้

    ขณะที่ผู้ชมตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าเธอจะแสดงอะไรออกมาให้ชม—-เธอก็ชูนิ้วกลางขึ้น

   

「ไปตายซะ ไอ้พวกโรคจิต」

 

    รู้จักคำว่าแฟนเซอร์วิสไหมเห้ย

    ไม่ว่ายังไงก็ทำตามใจตัวเองเสมอเลย กับเจ้าซาชิกิวาราชิผู้ยึดมั่นในวิถีลูกผู้ชายตัวนี้

 

 

 

「—-ดูอา~~ไรอยู่เหรอ」

 

    พอได้ยินเสียงจากด้านหลังจึงหันกลับไป แล้วก็ได้เห็นใบหน้าเดียวกันกับที่อยู่บนหน้าจอกำลังมองผมมาด้วยความสงสัย

 

「กำลังดูการแข่งเมื่อวันก่อนน่ะสิ」

 

    —–เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่ได้เป็นนักผจญภัย พอฤดูใบไม้ผลิมาถึง ผมก็ได้เลื่อนชั้นเป็นปี 2 และกลายเป็นนักผจญภัย 3 ดาวอันเป็นจุดมุ่งหมายเริ่มต้น

    พอได้เป็นนักผจญภัย 3 ดาวแล้ว ในสายตาของสาธารณะก็จะมองคุณเป็นกึ่งมืออาชีพและเริ่มได้รับคำเชิญให้ไปออกรายการ TV อย่างมอนโคโล

    ที่ผมกำลังดูอยู่ตอนนี้ คือเทปบันทึกของการแข่งขันจากรายการ TV ของมอนโคโล 『แคทไฟท์』ที่ออกอากาศไปเมื่ออาทิตย์ก่อน

    ตั้งแต่ที่ชนะทัวร์นาเมนต์นักเรียน ผมก็ได้รับข้อเสนอจากสถานี TV อยู่ตลอดเวลา

 

    …..จริงๆแล้ว ผมไม่มีความคิดที่จะไปโผล่ในมอนโคโลอีกด้วยซ้ำ

    ตอนแรกที่ได้เป็นนักผจญภัยเคยมีเป้าหมายจะไปลงแข่งในมอนโคโลอยู่ แต่พอได้รับรู้ถึงความหนักหนาสาหัสของการแข่งขันจริงจากทัวร์นาเมนต์นักเรียนแล้ว ความชื่นชมของผมต่อมอนโคโลก็แตกสลายไม่มีชิ้นดี

    เอาง่ายๆเลยคือ กลัวยังไงล่ะ

    นั่นเพราะในทัวร์นาเมนต์นักเรียนครั้งนั้น ผู้เข้าร่วมงานแข่งขันในรุ่นมัธยมปลายหรือต่ำกว่า ประมาณ 40% ถูกทำให้ต้องถอนตัวไปจากสายอาชีพ

    อ้างอิงตามกฏของกิลล์นักผจญภัย นักผจญภัยที่ไม่ได้ถือครองการ์ดแรงค์ D หรือมากกว่าเป็นระเวลาเกินกว่า 1 ปี จะถูกเพิกถอนใบอนุญาต

    สำหรับนักเรียนแล้ว จะมีแค่ไม่กี่คนที่สามารถซื้อการ์ดแรงค์ D ได้อีกครั้ง ต่อให้ไปขอร้องพ่อแม่ ก็มีแค่พ่อแม่ส่วนน้อยที่จะไปซื้อการ์ดแรงค์ D มาให้เด็กที่มาทำมันสูญเสียไปก่อนหน้า

    ผลลัพธ์ ผู้เล่นแทบทั้งหมดที่สูญเสียการ์ดแรงค์ D ไป ได้รับการยืนยันว่าต้องจบอาชีพ

    มันกลายเป็นปัญหาใหญ่และยังถูกนำไปออกข่าวด้วย หลังจากนั้น นักเรียนที่ไม่ได้เป็นนักผจญภัยอีกต่อไปก็ไม่มีที่ยืนภายในโรงเรียน, ต้องลาออกเพราะอาการช็อค พอมีการยืนยันถึงหลายกรณีแบบนี้เกิดขึ้น สถานการณ์ก็ยิ่งร้อนแรงขึ้นไปอีก

 

    สำหรับตัวผมนั้น แม้ในท้ายที่สุดจะจบลงได้ในรูปแบบที่ดีที่สุด แต่ถ้าหากทำอะไรผิดพลาดไปแม้เพียงนิดเดียว ก็มีโอกาศสูงที่จะต้องสูญเสียพวกเร็นกะไป

    เพราะว่าไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง ดังนั้นจึงไม่คิดจะไปร่วมมอนโคโลอีกเป็นครั้งที่ 2

    แต่ ทางด้านสถานี TV ไม่คิดจะยอมสูญเสียตัวผม —-หรือเจาะจงเลยคือเร็นกะและพวกสาวมอนตัวอื่นๆ—- เพื่อดึงยอดเรตติ้งคนดูในขณะที่ยังเป็นกระแสอยู่ ทำให้มีการชักชวนอย่างมากมาย

    เมื่อรู้ว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปได้จนกว่าจะผมจะเลือกมาซักอย่าง ในหมู่นั้นจึงเลือก『แคทไฟท์』ที่มีเงื่อนไขที่ดีที่สุดและความเสี่ยงต่ำที่สุด

    ในหมู่รายการของมอนโคโล สาเหตุที่เลือก『แคทไฟท์』มีอยู่ 3 อย่างเลยคือ แนวคิด, ความเสี่ยงต่ำ, และรางวัล

 

    『แคทไฟท์』นั้น จำกัดการ์ดของผู้เข้าแข่งขันให้ใช้แค่สาวมอนสเตอร์เท่านั้น ด้วยแนวคิดที่จำกัดแค่สาวมอนสเตอร์นี้ เข้ากันกับผมเป็นอย่างดี

    ด้วยการจำกัดการ์ดที่มีอยู่มากมายให้เหลือเพียงการ์ดสาวมอน ถือได้ว่าเป็นแต้มต่ออย่างมากในการจัดเด็ค เพราะข้อมูลต่างๆของการ์ดสาวมอนต่างเป็นที่รู้จักและมีแพร่หลายไปทั่วโลก ทำให้ง่ายต่อการรับมือ

    อีกทั้ง การ์ดสาวมอนยังมีราคาที่สูงมากกว่าการ์ดอื่นๆที่อยู่ในแรงค์เดียวกัน ทำให้มีโอกาศน้อยที่จะมีการ์ดโกงแรงค์ที่แข็งแกร่งอย่างซุยโคที่เคยสู้ไปก่อนหน้าโผล่มา แทนที่จะซื้อการ์ดสาวมอนที่เก่งที่สุดในแรงค์นั้น สู้ไปหาซื้อการ์ดที่ไม่ใช่การ์ดสาวมอนในแรงค์ที่สูงกว่ามันจะถูกกว่า

 

    เด็คจริงจังที่ไม่มีข้อจำกัด กับเด็คสายโรแมนส์ที่จำกัดแค่สาวมอนสเตอร์ ถ้าถามว่าอันไหนมันสู้ด้วยง่ายกว่ากันก็ย่อมต้องเป็นอย่างหลังแน่นอน

 

    ในอีกด้านหนึ่ง การ์ดแทบทั้งหมดที่ผมมีอยู่ล้วนเป็นการ์ดสาวมอนอยู่แล้วตั้งแต่แรก จะมีแค่เพียงยูคิที่ไม่สามารถใช้ได้ แต่กับตัวประจำอย่างเร็นกะ, เอลิซ่า, และเมอายังอยู่ครบถ้วนดี

    2 ใบในนั้นเป็นการ์ดแรงค์ C เร็นกะเองก็เป็นแรงค์ B ที่มีข้อจำกัด เมอาที่มีแรงค์ต่ำกว่าอีก 2 ใบก็มีความเข้ากันได้ดีกับตัวหลักอย่างเร็นกะ

    พูดกันตรงๆเลยคือ มีพลังต่อสู้อยู่ในระดับที่สมกับเป็นกึ่งมืออาชีพแล้ว

    อันที่จริง การแข่งขันในเทปบันทึกนี่ก็เอาชนะมาได้ง่ายๆโดยไม่ต้องใช้หวนคืนจิตวิญญาณเลย

 

    เหตุผลอย่างที่ 2 คือ ใน『แคทไฟท์』การ์ดมีโอกาศลอสต่ำ

    ในรายการปกติของมอนโคโล 1 ในความบันเทิงคือการได้เห็นการ์ดลอส

    ความตึงเครียดขั้นสุดที่มาจากการต่อสู้ที่จ้องเอาชีวิตอีกฝ่าย ช่วงเวลาสุดท้ายของมอสเตอร์ที่กำลังลอส ใบหน้าสิ้นหวังของมาสเตอร์หลังจากสูญเสียการ์ดราคาแพง…..

    แม้มันจะเป็นรสนิยมที่แย่สุดๆ แต่มันก็เป็นความจริงที่คนจำนวนไม่น้อยมีความชื่นชอบมันราวกับว่ามันเป็นความตื่นเต้นที่แท้จริงของมอนโคโล

    แถมด้วย การเดิมพันผลลัพธ์ยิ่งทำให้เรื่องซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

    รายการของมอนโคโลเป็นสื่อบันเทิง แต่ก็ยังมีการเดิมพันที่ดำเนินการโดยรัฐด้วย วิธีการเดิมพันและตัวคูณมีหลากหลาย เริ่มตั้งแต่การเดินพันผลการแข่งขัน ไปจนเดิมพันจำนวนการ์ดที่จะลอสในการแข่ง จำนวนของการ์ดที่ผู้ชนะเหลืออยู่ และอื่นๆ

    ถ้าเป็นแค่การเดินพันว่าใครจะชนะ การเติบโตในแง่ของการเดิมพันก็จะมีน้อยนิดและทำให้เบื่อง่าย เพราะแบบนั้นตัวแปรการลอสจึงมีความจำเป็นในการทำให้ผลลัพธ์มีความซับซ้อนมากขึ้นแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

 

    ในอีกด้านหนึ่ง 『แคทไฟท์』แทบจะไม่มีการ์ดลอสเลย เว้นเสียแต่จะเป็นอุบัติเหตุ

    นี่เป็นผลส่วนใหญ่มาจากนโยบายของผู้ผลิตรายการ『ป้องกันการลอสของการ์ดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้』ด้านผู้เข้าแข่งขันเอง『พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ทำให้การ์ดของอีกฝ่ายลอส』ต้องให้คำมั่นนี้

    ทำไมถึงต่างจากรายการของมอนโคโลทั้งหลาย ทำไม『แคทไฟท์』ถึงต้องป้องกันการลอสของการ์ด นั่นก็เพราะแนวทางที่แตกต่างกันของราายการ

    ในขณะที่รายการอื่นๆของมอนโคโลมุ่งเน้นไปที่การห้ำหั่นกันของมอนสเตอร์และการเดิมพันผลการแข่ง ใน『แคทไฟท์』คุณเพียงแค่อยากเห็นสาวมอนสเตอร์สวยๆงามๆมาสู้กัน แล้วถ้ามันเกิดมาฉากหลุดวับๆแวมๆโผล่แถมมาด้วยก็ยิ่งดี! นี่แหละคือประเด็นหลัก

 

    หรือก็คือ สำหรับผู้ชมของ『แคทไฟท์』แล้ว เรื่องการ์ดลอสไม่ใช่สิ่งน่าสนใจ กลับกันแล้วถ้าเกิดสาวมอนอันแสนล้ำค่ามาลอสไป มันจะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้! นี่คือความคิดเห็นที่แท้จริง

    แล้วก็ เหตุผลธรรมดาๆอย่างเรื่องเงินเองก็ด้วย

    ราคาของสาวมอนสเตอร์มีค่าสูงกว่าการ์ดที่อยู่ในแรงค์เดียวกันอย่างมาก ถ้าเกิดจะให้เอาการ์ดแพงๆแบบนั้นมาสู้กันโดยคำนึงว่ามันจะลอสไป แบบนั้นผู้เข้าแข่งขันคงได้หายไปกันหมดแน่ๆ

 

    เหตุผลอย่างที่ 3 คือ ผลตอบแทนมันดี

    เงินจากการต่อสู้ในมอนโคโลจะถูกแบ่งได้ 2 ประเภทคือ ค่าตั๋ว, และเงินรางวัล

    สำหรับค่าตั๋ว ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับโดยคิดเป็นสัดส่วนเอาจากยอดตั๋วรับชมที่ขายได้ โดยที่ไม่สนว่าจะเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ

    ทั้งสัดส่วนและจำนวนตั๋วที่ขายล้วนแตกต่างกันไปตามรายการ, แรงค์นักผจญภัย, และความนิยม แต่สำหรับระดับกึ่งมืออาชีพราคามาตรฐานก็จะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเยน

    ทว่า สำหรับ『แคทไฟท์』ที่จำกัดเฉพาะสาวมอนสเตอร์ ราคาตั๋วจะมีราคาสูงมากกว่ารายการอื่น แต่ด้วยอัตราจำนวนผู้เข้าชมที่สูงมาก ขนาดที่ว่ารายการสามารถขายตั๋วได้หมดทุกรอบ

    หรือก็คือ ค่าตั๋วที่จ่ายให้กับผู้เข้าแข่งขันเองก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

    จำนวนนั้นก็ พุ่งไปถึง 2 ล้านเยน

    เนื่องจากที่ค่าตั๋วถูกจ่ายให้กับผู้เข้าแข่งขันไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เพียงแค่ไปร่วมลงแข่งแต่ละรอบก็ได้เงินมาแล้ว 2 ล้านเยน

    ใน『แคทไฟท์』ที่โอกาศการ์ดลอสต่ำ นี่นับว่าเยอะมาก

 

    ต่อไป เกี่ยวกับเงินรางวัล

    นี่คือ ส่วนหนึ่งของเงินเดิมพันที่วางบนตัวผู้เข้าแข่งขันนั้น จะถูกคืนให้กับผู้เข้าแข่งขันที่ชนะ

    รายได้ในมอนโคโลส่วนใหญ่จะมาจากเงินรางวัลนี้ ได้ยินมาว่ากราดิเอเตอร์(นักผจญภัยที่มีรายได้หลักจากมอนโคโล) ต้องตรากตรำอยู่ทุกวันเพื่อสะสมเงินให้มากที่สุดเพื่อตัวเอง

    ว่ากันว่ายิ่งการ์ดมีความเสี่ยงที่จะลอสมากเท่าใด เงินเดิมพันก็จะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งก็โชคไม่ดีที่『แคทไฟท์』ไม่ได้มีการเดิมพันที่มากมายอะไรขนาดนั้น

    เพราะแบบนั้นเงินรางวัลจึงมีน้อยเมื่อเทียบกับรายการอื่นๆ แต่ก็ยังได้ประมาณ 3 ล้านเยนต่อรอบการแข่งขันอยู่

    ในการแข่งรอบที่แล้ว สามารถชนะแล้วก็ได้เงินรางวัลมา 4 ล้านเยน

    พอรวมกับค่าตั๋วก็นับเป็น 6 ล้านเยน

    นี่ก็คือ รายได้ที่ได้มาจาการแข่งรอบนี้

 

    แค่ไปลงแข่ง 1 รอบก็ได้มาแล้ว 5 ~ 6 ล้านเยน ตรงเลยๆคือ หวานหมูสุดๆ

    จะว่าไปแล้ว รางวัลจากการพิชิตเขาวงกตแรงค์ D 1 แห่งจะอยู่ที่ 630,000 – 900,000 เยน ถ้าหากขายไอเทมที่ดรอปตามทาง รายได้ก็จะมากกว่า 1 ล้านไปนิดหน่อย แล้วเขาวงกต 1 แห่งต้องใช้เวลาในการสำรวจหลายวันหลายคืน…..

    ด้านหนึ่งได้ประมาณ 5 ~ 6 ล้านเยนใน 1 วันโดยปราศจากความเสี่ยง  ในอีกด้านหนึ่งได้ประมาณ 1 ล้านเยนแต่ต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเป็นเวลาหลายวัน ข้อดีที่มีความแตกต่างกันขนาดที่ไม่สามารถเทียบกันได้

    เพราะแบบนั้น คนส่วนใหญ่ที่ตั้งเป้าจะเป็นมืออาชีพจึงใฝ่ฝันจะเป็นกราดิเอเตอร์ มากกว่าที่จะไปเป็นศาตราจารย์(นักผจญภัยที่มีรายได้หลักมาจากการสำรวจเขาวงกต)

 

    แน่นอนว่าการเป็นกราดิเอเตอร์ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

    อย่างแรกคือ มีผู้ที่เป็นกึ่งมืออาชีพมากกว่ามืออาชีพ และคุณไม่สามารถจะแข่งขันกันได้ตามใจชอบ มีใบสมัครมากมายเข้ามาสำหรับช่องว่างในการแข่ง 1 ช่อง ด้วยเหตุนี้จึงมีการว่าจ้างผู้จัดการที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายของตนเอง และยังมีเอเจนซี่ที่จัดหางานในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกราดิเอเตอร์ด้วย

    อย่างไรก็ดี มันเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยม เพราะแบบนั้น การทำตัวแปลกๆเพื่อสร้างคาแรคเตอร์, พยายามจัดเด็คในรูปแบบสุดโต่ง, และบางครั้งก็ใช้กลยุทธราดน้ำมันเข้ากองไฟ ทั้งหมดก็เพื่อดึงดูดความสนใจจากสาธารณะ

 

    ต่อให้พยายามอย่างที่สุดจนได้ลงแข่ง แต่ถ้าแพ้เงินที่ได้ก็จะเป็นแค่ค่าตั๋ว แล้วถ้าหากลอสการ์ดไปแม้แต่ใบเดียวก็จะขาดทุน ถ้าหากมันเป็นการ์ดแรงค์ C กว่าจะเอากลับคืนมาได้ก็ใช้เวลากว่าหลายเดือน

    ต่างไปจากศาตราจารย์ที่สามารถไปเขาวงกตและหาเงินเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจ กราดิเอเตอร์ที่มีงานที่การเตรียมตัวให้พร้อมก็นับว่าเป็นการต่อสู้อย่างหนึ่งแล้ว ห่างไกลกับคำว่าอิสระไปมากนัก

    ถึงแม้ว่าตัวผมในปัจจุบันจะมีความนิยมสูงอันเนื่องมาจากเร็นกะ แต่ท้ายที่สุดก็จะถูกชาวโลกหลงลืมไปแล้วไม่ถูกเชิญไปลงแข่งอะไรอีกแน่ๆ

 

    การที่มันเป็นแบบนั้น ก็นะ ดีแล้ว

    นั่นเพราะในตอนนี้ไม่มีความคิดที่จะมุ่งเป้าเป็นกราดิเอเตอร์

    อันที่จริง การที่ได้ออกไปผจญภัยกับเหล่าการ์ด แม้ว่ามันจะเป็นการเสี่ยงชีวิต รู้สึกได้ว่าศาตราจารย์เหมาะกับตัวเองมากกว่า

    ถึงจะพูดแบบนั้น แต่รายได้จากมอนโคโลมันหอมหวนก็เป็นเรื่องจริง

    จนว่าจะเบื่อกับมันก็อยากจะทำเงินให้มากๆในการแข่ง『แคทไฟท์』

    เพื่อการนั้น มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้า…..

 

「เร็นกะ เธอนี่น้า นิ้วกลางมันไม่ได้นะ นิ้วกลางน่ะ」

 

    ถึงจะบอกแล้วบอกอีกเรื่องแฟนเซอร์วิส แต่พอเป็นเจ้านักเลงซาชิกิวาราชิตัวนี้แล้ว…..

    ผมหันความสนใจไปที่เร็นกะที่กำลังเอาข้อศอกมาวางพิงบนไหล่ของผมแล้วยื่นหน้ามามองแท็บเล็ต

 

「ช่ายช่าย! ชั้นกับเอลิซ่าอุตส่าห์พยายามสร้างบรรยากาศแต่เธอดันมาทำเสียหมดเลย」

 

    เมอาสบโอกาศจากคำพูดของผมแล้วทำการต่อว่าเร็นกะ ใบหน้าของเธอดูเปล่งประกายด้วยความดีใจในสถานการณ์นี้ที่สามารถต่อว่าเร็นกะออกมาได้แบบเปิดเผย

    เธอกับเอลิซ่าลงทุนไปฝึกฝนการเล่นเพลงและเต้นรำมาเพื่อการแข่งขันครั้งนั้น เพราะงั้นพวกเธอจึงมีสิทธิจะต่อว่าออกมา

    แต่ว่าพอพูดถึงเร็นกะแล้ว มันก็เป็นแค่ลมที่พัดผ่านไป

 

「หึ ไม่รู้ด้วยหรอก~ ทำไมชั้นจะต้องไปทำอะไรเอาอกเอาใจพวกมนุษย์ด้วย? ไม่มีความจำเป็นเลย」

 

    ออกมาละ ความเกลียดชังมนุษย์ของเร็นกะ

    ถึงแม้จะเห็นว่าเปิดใจให้มากถ้าเทียบกับตอนแรกที่ได้เจอกัน แต่สำหรับซาชากิวาราชิตัวนี้เกลียดมนุษย์เป็นพื้นฐานอยู่

    โดยเฉพาะ นักผจญภัยที่ใช้งานการ์ดราวกับเครื่องมือทิ้งขว้าง และผู้ชมมอนโคโลที่สนุกกับการได้ดูการ์ดเข้าห้ำหั่นกัน ถือเป็นเป้าหมายของความเกลียดชังเลย

    พูดกันตามตรง ผมที่เข้าร่วมการแข่งของมอนโคโลเธอก็ไม่ได้แสดงความสนใจอะไร จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมัน

    เหตุผลหลักเลยอาจจะมาจาก『แคทไฟท์』มีโอกาศที่จะลอสต่ำ และในตอนนี้ไม่มีความต้องการจะเป็นกราดิเอเตอร์ แต่โดยรากฐานแล้วอาจจะมาจากบุคลิกภาพแบบแมคคิเวลเลียนของเธอ

    ในแว่บแรกจะดูเหมือนว่าเธอเป็นคนตรงและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่ในอีกด้านหนึ่งเธอยังสามารถคำนวณกำไรและขาดทุนออกมาได้จากใจเย็น

    การตัด 1 เพื่อรักษา 10 เป็นอะไรที่สามารถตัดสินใจได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับเธอแล้ว หากเพื่อรักษา 6 ก็สามารถตัด 5 ทิ้งได้อย่างง่ายดาย

    ที่ไม่คัดค้านเรื่องที่ผมลงแข่งทัวร์นาเมนต์นักเรียน ก็เพราะมีข้อดีตรงการ์ดแวมไพร์และการเติบโตในด้านมาสเตอร์ของผม ในรอบชิงชนะเลิศเองก็ยังยอมรับการลอสด้วยตนเองและใช้ประโยชน์จากมันเพื่อให้ผมเติบโตอีก

    ที่ในตอนนี้ไม่ต่อต้านการไปปรากฏตัวในมอนโคโล ก็เพราะข้อดีที่ได้มีมากกว่าข้อเสีย

    …..แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะอดทนกับทุกอย่างที่มันเป็นข้อดี

 

「ชั้นจะเข้าร่วมการแข่งยังไงมันก็เรื่องของชั้น ถ้าหากว่ามีศัตรูมาก็จะสู้ให้ แต่การไปเอาใจมนุษย์มันไม่ใช่หน้าที่ของชั้นซักหน่อย~」

 

    ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการประนีประนอมของเธอที่ขีดเส้นเอาไว้

    …..ฮ่าา เอาเถอะ ช่วยไม่ได้ ไม่มาคว่ำบาตรใส่เหมือนเมื่อก่อนก็ขอบใจมากแล้ว

    และเหนือสิ่งอื่นใด

 

「นี่มัน เป็นที่ชื่นชอบจนน่าตกใจเลย」

「ทำไมกัน…..」

 

    พอผมพูดออกไป เร็นกะก็ถอนหายใจออกมา

    แทนที่การไปโชว์นิ้วกลางจะทำลายบรรยากาศ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผู้ชมถึงมองมันไปในทางที่บ้าเอามากๆ

    แม้แต่ใน SNS หลังจากที่ได้ออกอากาศไป『รู้สึกปลื้มเร็นกะจังที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มีท่าทีที่ไม่ยอมรับการประจบประแจงจัง』มีความเห็นเชิงบวกแนวนี้อยู่มาก

    ดูเหมือนเธอจะจำการตอบสนองแปลกๆของมนุษย์พวกนั้นได้ เร็นกะก็เลยทำหน้าตาแสดงถึงความขยะแขยง ซึ่งเป็นอะไรที่หาได้ยาก

    …..จะว่าไปแล้ว เกี่ยวกับเรื่องแฟนเซอร์วิสในการแข่งเปิดตัวที่ควรจะเป็นที่น่าจดจำนั้น ล้มเหลวไปอย่างสิ้นเชิง มีแค่ให้เอลิซ่าและเมอาโบกมือและเดินไปรอบๆ เรื่องนี้ มันเป็นความผิดพลาดของผมที่ดูถูกการแฟนเซอร์วิส แถมด้วยในตอนนั้น เร็นกะก็เมินหน้าหนีไม่แม้แต่จะโบกมือ

    เพราะแบบนั้นในการแข่งขันรอบที่ 2 นี้ พวกเราจึงได้พูดคุยกันล่วงหน้าและขอให้เร็นกะช่วยแฟนเซอร์วิสดีๆหน่อย แต่…..นี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้น

    เอาเถอะ จบลงที่โด่งดังแล้วก็ดีไป แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงจะได้เบื่อกันแน่ๆ หน้าที่ของผมในฐานะกราดิเอเตอร์ก็คือหาทางรับมือเมื่อถึงช่วงเวลานั้นล่ะ

 

「โม ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ? ทำไมเร็นกะถึงดังกว่าพวกเราที่ทำกันดีๆล่ะ」

「จะไปรู้เรอะ แล้วก็ไม่อยากจะรู้ด้วย」

「ครั้งต่อไปพวกเรามาลองทำกันไหม เอลิซ่า?」

「ช่วยหยุดเลย เดี๋ยวก็ได้เป็นเรื่องกันหรอก」

 

    ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น

 

「—-กำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ?」

 

    เสียงอันนุ่มนวลเรียกพวกเรามาจากทางด้านหลัง

 

 

 

 

『อู』

 

    พอเร็นกะกับเมอาได้ยินเสียงนั้นใบหน้าก็แข็งทื่อไปทันที แล้วพอหันหลังกลับไปดู ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คือสาวสวยที่มากับออร่าสีดำมืดอะไรบางอย่างอยู่

    ดวงตาสีแดงที่ชวนให้นึกถึงไฟลุกโชน ผมลอนสีแดงและเขาหนึ่งคู่ที่งอกโผล่ออกมาสั้นๆ คอเสื้อของชุดกิโมโนเธอถูกดึงลงมาอย่างบ้าบิ่นจนถึงไหล่ ร่องอกที่ลึกสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน หางตาที่ยาวเรียวมาพร้อมกับสีแดงเข็มที่ขอบ ริมฝีปากอวบอิ่มที่ให้ความรู้สึกเย้ายวนที่ไม่อาจอธิบายได้

    ถ้าหากพิจารณาแค่รูปลักษณ์ของเธอ สามารถพูดได้ว่าเธอเป็นยักษ์สาวแสนสวยผู้มีทั้งพละกำลังและความน่าหลงไหล แต่…..สีหน้า หรือจะให้พูดว่าบรรยากาศของเธอมันสวนทางกัน

    ชื่อของเธอคือ ซุซูกะ(鈴鹿) เป็นการ์ดคนยักษ์ที่ได้มาจากตอนงานแข่ง

    ที่มาของชื่อคือ ซุซูกะ โกเซ็น(鈴鹿御前) ยักษ์สาวที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น

    ตอนแรกที่ได้มา อิมเมจที่คิดไว้จากรูปลักษณ์ของเธอคือคุณพี่สาวสุดเย้ายวน หรือไม่ก็นิสัยร่าเริงในแบบยักษ์ แต่ความคาดหวังของผมก็ถูกหักหลัง

 

「อา~ หรือว่านั่นจะเป็น บันทึกจากการแข่งขันครั้งก่อน~? …..ที่ชั้นถูกทิ้งไว้」

 

    ซุซูกะมองมาที่แท็บเล็ต แล้วพูดน้ำเสียงอาฆาต

    พอเร็นกะกับเมอาได้ยินเข้าก็ทำหน้ามุ่ยแล้วมองมาทางผม ผมจึงปั้นยิ้มแล้วพูดกับเธอ

 

「ไม่ได้ทิ้งเธอไว้ซักหน่อยน่า ดูสิ ยูคิเองก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน…..เนอะ?」

「ใช่ใช่ ใช่แล้วฮะ」

 

    ยูคิสุนัขผู้ภักดีช่วยสนับสนุนอย่างรวดเร็ว ทว่า

 

「…..แต่เดิมทียูคิซังไม่มีสิทธิจะเข้าร่วมอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? เพราะว่าไม่ได้มีร่างมนุษย์ เพราะงั้นจึงมี 4 ตัวเลือก นั่นไง กะแล้วว่ามีชั้นคนเดียวที่ถูกทิ้งไว้」

 

    ซุซูกะมองผมมาด้วยดวงตาเปียกชื้นผสมกับความชิงชัง

    ต้องขอโทษจริงๆ แต่ว่าน่ารำคาญสุดๆเลย…..

 

「พอซักทีได้ไหมเนี่ย ทั้งๆที่เพิ่งมาใหม่แท้ๆ!」

 

    และแล้วเมอาที่ไม่อาจทนต่อบรรยากาศที่หยุดนิ่งอีกต่อไปได้ จึงพุ่งเป้าที่ซุซูกะ

 

「เร็นกะ, เอลิซ่า, ชั้นแล้วก็เธอ รวมกันมี 4 คน ถ้าคิดเอาตามลำดับอาวุโส มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นพวกชั้น 3 คนไม่ใช่รึไง หรือว่าเธออยากจะออกไปแล้วทิ้งรุ่นพี่เอลิซ่าเอาไว้ล่ะ?」

 

    เมอาที่เคย「เป็นรุ่นพี่แล้วมันยังไง?」พูดกับเร็นกะกลับเก็บมันไว้แล้วเริ่มพูดสั่งสอน

 

「อา~ จริงด้วยสิ นั่นน่ะสิน้า~ พวกเมอาซังเป็นรุ่นพี่สิน้า~ แบบนั้นก็ต้องให้ความสำคัญมากกว่าชั้นสิน้า~ ดีจังน้า~ น่าอิจฉาจริงๆ~…..ทั้งที่แค่บังเอิญมาเจอกับมาสเตอร์ก่อน ทั้งยังได้แรงค์อัพ แถมยังได้เข้าร่วมลงแข่ง….. ชั้นที่ถูกปฏิบัติด้วยอย่างเด็กใหม่อยู่ตลอด ทั้งๆที่มีกันแค่ 5 คน นอกจากมาสเตอร์แล้วก็ไม่มีใครจะมาคุยกับชั้นด้วยเลย ถูกกันออกจากลุ่มตลอด…..ชั้นต้องอยู่คนเดียวเสมอเลย」

「อู…..」

 

    พอไปกลางทาง ซุซูกะก็ปล่อยถ้อยคำแสดงความเกลียดชังโดยที่ไม่ได้เอ่ยถึงใครเป็นพิเศษ ด้านเมอาเริ่มจะเหงื่อแตก พยายามมองไปรอบๆเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีใครช่วย ใบหน้าก็เริ่มแข็งทื่อกันและพยายามหลบสายตากับซุซูกะ จะมีเพียงเอลิซ่าเท่านั้นที่ทำหน้านิ่งอยู่

 

『ม-มาสเตอร์ ช่วยหน่อยสิ อย่างที่คิดเลย ยัยนี่น่ากลัวอะ』

 

    มีเสียงของเมอาที่อยู่ในสภาพกึ่งน้ำตาผ่านมาทาง “ลิงค์” ผมได้แต่เอานิ้วเกาคางแล้วตอบ

 

『ถึงจะบอกว่าให้ช่วยก็เถอะ』

 

    ตรงๆเลย ไม่ไหวหรอก ความริษยาของเธอมันฝังลึกลงไปถึงจิตวิญญาณแล้ว

 

『ก็ถึงได้บอกไงว่าอย่าไปยุ่งด้วยให้มากนัก ไม่ว่าจะพูดอะไรไปก็เหมือนกลายเป็นโทษตัวเองหมด ยัยนี่เนี่ย』

 

    เร็นกะเองก็ดูอึ้งๆขณะที่พูดมาตามลิงค์

 

    เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ซุซูกะเข้าร่วมกลุ่ม และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดอะไรแบบนี้

    โดยพื้นฐานเลยคือเธอมีความเป็นปฏิปักษ์กับทุกอย่าง….. หรือจะให้พูดคือมีอะไรที่คล้ายๆปมอยู่ ถ้าหากรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีอะไรบางอย่างที่ดีกว่าตัวเองแม้เพียงนิดเดียว จะเกิดความรู้สึกอิจฉาอย่างรุนแรง

    มันเริ่มตั้งแต่ปริมาณขนมที่แบ่งกันในช่วงพัก, เกี่ยวกับหวนคืนจิตวิญญาณของเร็นกะ, เอลิซ่าที่ดั้งเดิมเป็นกูล่าแล้วได้แรงค์อัพเป็นแวมไพร์, มิตรภาพร่วมมือระหว่างเร็นกะกับเมอา, หรือแม้แต่การใช้ยูคิในรูปแบบของการเดินทางภายในเขาวงกตก็ยังถูกยกมาเป็นเรื่องได้

    ยังไงก็ตาม เธอจะเต็มไปด้วยความอิจฉาถ้าได้เห็นอะไรก็ตามที่ตัวเธอไม่มี

    แล้วที่ลำบากที่สุดเลยก็ตอนตั้งชื่อ

    ผมในตอนแรก วางแผนว่าจะให้ชื่อกับเธอตอนเวลาเหมาะๆ แต่กับปีศาจสาวขี้อิจฉาตัวนี้ ทนไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียวที่ตัวเองเป็นคนเดียวที่ไม่มีชื่อ

    ถ้าจะให้พูดถึงการอิจฉาของซุซูกะในตอนนั้นแล้วล่ะก็…..สมแล้วที่เป็นยักษ์จริงๆ

    สุดท้ายแล้ว หลังจากผ่านหัวเลี้ยวหัวตอไปมากมายก่อนที่จะตั้งชื่อให้ แต่ผมก็ให้ชื่อซุซูกะและใช้งานเธอมาจนถึงปัจจุบัน

    เหตุผลที่ใช้งานก็เพราะตัวเธอรับมืออยาก หากนำไปขายก็คงได้เงินไม่เท่าไหร่ แล้วก็คิดว่าถ้าหากตั้งชื่อให้ เธออาจจะกลับมาสงบลงหน่อยก็เป็นได้

    …..อีกอย่างก็เพราะความสามารถที่สูง และรูปลักษณ์เองก็ตรงกับความชอบของผมแหละ

 

「อาเรเร๊? หรือว่า คุยความลับกัน~? มาสเตอร์เองก็คงจะไม่ทิ้งชั้นไว้เหมือนกันสินะ?」

 

    ซุซูกะที่กำลังพึมพำสาปแช่งอยู่คนเดียว จู่ๆก็หันความสนใจมาทางผม

    เธอโน้มตัวลงมาแล้วจับแขนของผมเอาไปไว้ที่ระหว่างหน้าอกขนาดใหญ่ของเธอ ผลไม้อันอ่อนนุ่มที่เปลี่ยนรูปทรงได้อันเย้ายวน พร้อมกลิ่นอ่อนๆของธูปลอยมาสะกิดจมูก

    …..นี่ก็คือ สาเหตุใหญ่ที่สุดที่ไม่สามารถปล่อยเธอไปได้

    ยักษ์ผมแดงผู้มืดมนตนนี้ มีเกราะแห่งหน้าอกที่ใหญ่ที่สุดในปาร์ตี้ของเรา

    พลังทำลายของมัน  มีมากกว่าเอลิซ่าที่วิวัฒนาการจากกูลมาเป็นแวมไพร์ ที่จาก D กลายมาเป็น F เสียอีก

    บางที ถ้าลองประมาณเอานิดหน่อย คงเป็น G…..H ไม่สิ มากกว่านั้น

    ไม่ว่าจะมีนิสัยแย่ขนาดไหน การจะปล่อยให้หน่มน้มนี่หลุดมือไป เป็นเรื่องที่มนุษย์ดาวหน้มน่มทำไม่ได้

    แต่ไหนแต่ไรแล้ว การที่สมาชิกของพวกเรามีข้อบกพร่องอะไรบางอย่างนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ความแข็งแกร่งของการ์ดพวกเรา มาจากการเปลี่ยนข้อด้อยนั้นมาเป็นพลังยังไงล่ะ

    …..แล้วก็มีอีกอย่าง เหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงยอมรับเธอ

 

「—-เน่ ถ้าเป็นมาสเตอร์ก็คงเข้าใจสิน้า~? ก็มาสเตอร์เป็นพรรคพวกม็อบเหมือนกันนี่หน่า~……」

「อา~, ก็, นะ…..」

 

    นั่นก็ ถ้าต้องให้พูดออกมาคือ ผมเองนับว่าอยู่ฝ่ายเดียวกันกับซุซูกะ

    ไม่เพียงแค่เร็นกะเท่านั้น แต่ว่าการ์ดของพวกเราไม่ว่าจะใบไหน ต่างก็มีอะไรบางอย่างที่ส่องประกายเฉิดฉายด้วยกันหมด แต่สำหรับผม สิ่งเดียวที่ผมมีคือการเป็นมาสเตอร์ของพวกเธอเท่านั้น

    ถึงแม้ว่าจะถูกโลกชื่นชมจากการค้นพบจิตวิญญาณหวนคืน แต่ทั้งหมดนั้นก็เพราะโชคช่วย ไม่ใช่ความสามารถของผม

    แถมแม้แต่โชคนั่นก็…..

    …..ยังไงก็ตาม ที่ผมมีก็คือการเป็นมาสเตอร์ของพวกเร็นกะ ในฐานะมนุษย์แล้วไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย

    แน่นอนว่าไม่ได้ไม่พอใจอะไร ไม่ได้รู้สึกอิจฉาอะไรการ์ดเลย เพียงแต่ว่าพอจะเข้าใจความรู้สึกของซุซูกะ ที่มีเพื่อนร่วมงานที่มากความสามารถอย่างพวกเร็นกะอยู่

    แล้วก็สงสัยว่าซุซูกะเองก็เหมือนจะมีความเห็นอกเห็นใจอะไรบางอย่างกับผมอยู่เหมือนกัน เพราะตั้งแต่ที่อัญเชิญมาครั้งแรก เธอไม่เคยแสดงความอิจฉาเข้าใส่ผมเลย —-หรืออาจจะพูดได้ว่าไม่มีอะไรให้อิจฉา—- มีความเป็นมิตรในฐานะที่เป็นพรรคพวกม็อบเหมือนกัน น้ำเสียงที่เธอใช้มาก็ดูจะสวงนท่าที

    ก็นะ…..เอาตามตรง ถ้าถามว่าซุซูกะเป็นตัวละครสายม็อบไหม ก็คงได้แต่ส่ายหน้า

    ไม่ว่าจะมองยังไงก็มีคาแรคเตอร์โดดเด่น

    ขณะที่ในหัวผมกำลังคิดเรื่องอื่นไปไกล ซุซูกะดูจะอารมณ์ดีแล้วยิ้มให้

 

「ฟุฟุ กะแล้วว่าถ้าเป็นมาสเตอร์ล่ะก็ต้องพูดแบบนั้น~ ถ้างั้น ที่จะได้แรงค์อัพต่อไปก็ต้องเป็นชั้นแน่นอนอยู่แล้วเนอะ~?」

「ห๊ะ!?」

 

    ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกมา เมอาก็ตอบสนองมาทันที

 

「พูดอะไรน่ะ! เป็นแค่น้องใหม่แล้วยังอวดดีอีก! ต่อไปจะต้องเป็นยูคิสิ! แล้วต่อไปก็เป็นรุ่นพี่เมอาผู้นี้! เนอะ? มาสเตอร์」

「มาสเตอร์ คงจะไม่ทอดทิ้งพรรคพวกม็อบอย่างชั้นไปหรอกใช่ไหม~?」

「อา…..」

 

    ขณะที่ต้องรับแรงกดดันจากสายตาของทั้งคู่ ที่ผมทำได้ก็มีแค่ยิ้มรับอย่างเป็นมิตร

    ตามที่เมอาว่าเรื่องของลำดับมันก็จริงอยู่ แต่ว่าการแรงค์อัพขั้นต่อไปของเธอคือซัคคิวบัส เป็นแรร์การ์ดที่การหาซื้อนั้นยากเอามากๆ การไปหาเองยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าหากว่าเมอายังคิดมากเรื่องการแรงค์อัพล่ะก็ รุ่นน้องของเธอทั้งหมดคงจะไม่มีวันได้แรงค์อัพเป็นแน่

    รู้สึกผิดต่อเธออยู่ แต่การแรงค์อัพของเมอาคงต้องพักเอาไว้ก่อน เว้นแต่จะโชคดีเอามากๆ

    แต่แน่นอนว่าการแรงค์อัพซุซูกะก่อนยูคินั้นลืมไปได้เลย

 

「อา ก่อนหน้านี้ก็บอกไปแล้วนี่ ทางที่ดีที่สุดคือจะต้องแรงค์อัพให้ยูคิก่อน เหตุผลเองก็บอกไปแล้วใช่ไหม?」

 

    ด้วยคำพูดของผม พวกเมอาก็พยักหน้ารับและทำสีหน้าผิดหวังนิดหน่อย

    ทำไมต้องแรงค์อัพให้ยูคิก่อนเป็นอย่างแรกนั้น….. ไม่ใช่แค่ว่าเพราะเธอเป็นเพียงแค่ใบเดียวจากการ์ดเริ่มแรก 3 ใบที่ยังไม่ได้แรงค์อัพ

    แต่เพราะในหมู่การ์ดของผม การ์ดสำหรับวิวัฒนาการของยูคิสามารถหามาได้ง่ายที่สุด

    เขาวงกตแรงค์ D ที่พวกเราอยู่ในขณะนี้นั้น ถูกเรียกว่า ป่าของมนุษย์หมาป่า

    เป็นชื่อที่เหล่านักผจญภัยตั้งให้อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งที่มาของมันก็มาจากจ้าวของสถานที่แห่งนี้

 

    ที่นี่คือ เขาวงกตที่มีไลแคนโทรป(lycanthrope) ปรากฏตัวอยู่เสมอ

 

    อย่างไรก็ดี ตัวที่มีแนวโน้มในการแรงค์อัพของซุซูกิมากที่สุดก็คือ โกคิ(後鬼) ที่มีปรากฏเฉพาะในจังหวัดอื่นที่ห่างไกลออกไป ส่วนการแรงค์อัพของเมอาที่เป็นซัคคิวบัสนั้นยังไม่รู้สถานที่แน่ชัด

    ข้อมูลเขาวงกตที่การ์ดที่มีชื่อเสียงอย่างเอลฟ์หรือซัคคิวบัสปรากฏอยู่เป็นประจำนั้นมีน้อยเอามากๆ มีข่าวลือว่ามันถูกจัดการเป็นพิเศษจากภาครัฐ หรือไม่ก็ถูกผูกขาดโดยทีมของนักผจญภัยระดับท็อป

    ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงมาเยี่ยมเยียนป่าของมนุษย์หมาป่าตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา

    …..ผลลัพธ์ที่ได้มาจนถึงตอนนี้นั้นไม่ค่อยจะดีนัก

    แต่เดิมที่อัตราดรอปของการ์ดแรงค์ C มีต่ำอยู่ที่ 0.1% แถมจะปรากฏมาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงนั้นก็ล้วนขึ้นอยู่กับโชค

    ถ้าเพศต่างกันก็ไม่สามารถเอามาใช้แรงค์อัพให้ยูคิได้

    พวกเรานั้นได้การ์ดไลแคนโทรปมาแล้ว 2 ใบ แต่เป็นการ์ดผู้ชายหมด

    …..ถ้าถามว่าพวกเราไม่มีโชครึเปล่า มันก็คงไม่ใช่ กลับกัน ต้องบอกว่ามีโชคเยอะเอามากๆ

    3 เดือนที่ผ่านมา พวกเราพิชิตเขาวงกตนี้มาแล้ว 22 รอบ ผลลัพธ์ที่ได้ การ์ดแรงค์ C ที่น่าจะมีโอกาศได้ที่ 0.1% กลับตกมาถึง 2 ใบ เป็นอัตราดรอปสุดยอดที่ 10% ถ้าหากบอกว่านี้โชคร้ายแล้วล่ะก็ คงได้ถูกนักผจญภัยทั่วโลกรุมอัดแน่

 

    สาเหตุของอัตราดรอปสุดโกงนี้ แน่นอนว่ามาจากความสามารถของเร็นกะ

    หวนคืนจิตวิญญาณของเร็นกะนั้นคือคิชโชเต็ง เทพธิดาแห่งโชคลาภ เมื่อเธอกลายเป็นคิชโชเต็ง จะสูญเสียความสามารถในการมอบโชคร้ายไป แต่จะได้รับความสามารถมอบโชคดีที่แข็งแกร่งมากขึ้น

    ด้วยการรับการอวยพรให้โชคดีก่อนที่จะต่อสู้กับจ้าวเขาวงกต ทำให้สามารถเพิ่มอัตราดรอปของการ์ดขึ้นมาได้

    …..จะว่าไปแล้ว เรื่องความสามารถเพิ่มอัตราดรอปของเร็นกะ ได้ลองไปค้นหาดูแล้วแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นพลังเฉพาะตัวของเธอ

    กับซาชิกิวาราชิแล้วไม่ต้องพูดถึง แต่ขนาดคิชโชเต็งก็ยังไม่มีพลังในการควบคุมอัตราดรอปเลย

    เพราะว่าการ์ดที่มีจิตวิญญาณหวนคืนเลยมีความพิเศษ หรือเพราะว่าเป็นเร็นกะที่พิเศษ….. ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมตัดสินใจว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร

    การขายไลแคนโทรปนี้ก็ด้วย ถ้าเอาไปขายกิลล์ทั้งหมดคงไม่ใช่ความคิดที่ดี

    นั่นเพราะด้วยแรงค์นักผจญภัยของผม หากเอาไปขายถึง 2 ใบในเวลาเพียงแค่ 3 เดือน มันดูจะเป็นอะไรที่มากเกินไป

    อีกทั้ง ราคารับซื้อการ์ดแรงค์ C ที่กิลล์ยังอยู่แค่ที่ 50% – 80% ของราคาขาย

    สาเหตุที่ว่าทำไมราคารับซื้อถึงก้าวกระโดดเมื่อเทียบจากการ์ดแรงค์ D ที่มีราคารับซื้อที่ 10% ของราคาขาย นั่นก็เพราะอุปทานมีน้อยกว่าอุปสงค์

    ไลแคนโทรปเป็นการ์ดที่ใช้งานง่ายและเป็นที่นิยม และถึงแม้จะเป็นการ์ดผู้ชายก็มีราคาขายอยู่ที่ราวๆ 30 ล้านเยน

    พอมาคิดว่าแต่ละใบจะสามารถขายได้อย่างต่ำ 15 ล้านเยนก็ช่วยไม่ได้ที่จะยิ้ม พอเอาเรื่องนั้นมาพิจารณาแล้วเรื่องการขายยุ่งยากก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

 

「นี่ จะยังไงก็เถอะ ไปกันได้แล้ว」

 

    เร็นกะที่เฝ้าดูการโต้ตอบของพวกเราอย่างไร้ความสนใจ พูดมาขณะที่ยัดขนมเข้าปาก

    เธอที่มีเอกลักษณ์ตรงหวนคืนจิตวิญญาณเพราะงั้นก็เลยไม่กังวลเรื่องแรงค์อัพเหมือนกับการ์ดใบอื่นๆ

 

「เป็นเธอนี่ดีจังน้า เป็นทั้งการ์ดแรงค์ C แถมยังแปลงร่างได้ด้วย」

 

    เร็นกะเริ่มมีสีหน้าขุ่นมัว เมื่อได้ยินคำพูดของเมอาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจที่บางทีอาจจะได้อานิสงค์มาจากซุซูกะ

    พอหันไปมองเธอก็「โอ๋?」แสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก

 

「อาา…..รู้สึกเสียใจแทนตัวเธอจริงๆแหละ ที่ต้องมาอยู่ใกล้ๆกับอัจฉริยะผู้ถูกเลือกอย่างชั้น เธอเองก็คงจะต้องรู้สึกด้อยค่าแน่ๆเลย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะแบ่งปันพรสวรรค์อันเปี่ยมล้นของชั้นไปใช้แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี「โอร่าา!」」

 

    เมอากระโดดถีบเข้าใส่ขัดจังหวะคำพูดของเร็นกะ -ผลั่ก-! เร็นกะกระเด็นไปแต่ก็ลุกกลับมาแล้วโจมตีใส่เมอา

 

「นี่แก! อยากจะมีเรื่องใช่ไหม!」

「นั่นมันคำพูดของชั้นต่างหาก! ปกติตรงนี้ต้องเป็นช่วงที่ถ่อมตัวแล้วพูดปลอบชั้นมาต่างหาก จะมาอวดเบ่งทับหน้าด้านๆเพื่ออะไรกัน!」

「อ๋า? ก็ปลอบไปแล้วไงล่ะ!」

「ตรงไหนกัน!?」

 

    ทั้ง 2 คนเริ่มจะทะเลาะกัน แต่ผมก็ตบมือเพื่อให้หยุด

 

「จ้าจ้า พอแค่นั้นแหละ หมดเวลาพักแล้ว ไปกันเถอะ」

 

    ถ้าปล่อยให้คู่นี้ที่สามารถหาเรื่องใส่กันได้ทุกครั้งที่มีโอกาศล่ะก็ ตะวันได้ตกดินก่อนแน่

 

「เอลิซ่า ขลุ่ยของฮาเมลิน」

「เยส, มาสเตอร์」

 

    เอาล่ะ หวังว่าวันนี้จะได้การ์ดที่ต้องการนะ

    ผมภาวนากับเทพธิดาแห่งโชคลาภแล้วก้าวข้ามเกจเคลื่อนย้ายที่เอลิซ่าเปิดออก

 

 

 

 

【Tips】กราดิเอเตอร์และการพนัน

    รูปแบบของการพนันที่โด่งดังเป็นอันดับหนึ่งในโลกนี้ ไม่ใช่การแข่งม้าหรือว่าปาจิงโกะ แต่เป็นมอนสเตอร์โคลอสเซียม เหตุผลที่มันโด่งดังไม่ใช่แค่เพราะว่ามันดูได้อย่างสนุกเท่านั้น แต่เป็นเพราะอัตราการหักเงินที่ต่ำ เทียบกับการแข่งม้าที่ 25%, ปาจิงโกะ 12.5% อัตราของมอนสเตอร์โคลอสเซียมนั้นต่ำมากที่ 5% อัตราการหักเงินที่ต่ำนี้ดึงดูดผู้เข้าร่วมมากมาย และยังดึงดูดสปอนเซอร์สำหรับรายการ TV อีกด้วย

    ด้วยแหล่งเงินทุนที่อุดมสมบูรณ์นี้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกราดิเอเตอร์ถึงได้รับค่าตอบแทนที่มาก ในอีกด้านหนึ่ง เนื่องจากจำนวนของนักผจญภัยมืออาชีพที่กลายมาเป็นกราดิเอเตอร์เพราะผลตอบแทนสูงค่อยๆเพิ่มมากขึ้น ก็เกิดเป็นปัญหาว่า จุดมุ่งหมายดั้งเดิมของระบบนักผจญภัย ที่เป็นการสำรวจเขาวงกต กลับถูกละเลย

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

บุคลิกภาพแบบแมคคิเวลเลียน : ผู้ที่มองคนอื่นเป็นเครื่องมือและทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

https://en.wikipedia.org/wiki/Machiavellianism_(psychology)

 

ซุซูกะ โกเซ็น (鈴鹿御前)