บทที่ 4 ออกไปเล่นซนข้างนอกจึงต้องชดใช้หนี้

สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!

บทที่ 4 ออกไปเล่นซนข้างนอกจึงต้องชดใช้หนี้

สิ้นคำสองคำนั้น ขวดเหล้าหยกแกะสลักราคาแพงก็ลอยตามมา คนผู้นี้ปาแม่นยำยิ่ง จนขวดเหล้าลอยมากระแทกมือสตรีใจกล้าผู้นั้นพอดิบพอดี

ใบหน้าหญิงสาวผู้นั้นซีดลงทันที แขนทั้งแขนชาไปในทันใด

นางไม่สนใจความเจ็บปวด กลับคุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง ร่างทั้งร่างสั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด

เพราะการจัดวางของสถานที่นั้นได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ แต่ละพื้นที่มีอาณาเขตของตัวเองอย่างชัดเจนและถูกปิดกั้นไว้โดยสมบูรณ์ ถึงจะมีเพียงม่านลูกปัดกั้นไว้ แต่ก็ไม่อาจได้ยินเสียงจากภายนอกได้ นับได้ว่าเจ้าของสถานที่แห่งนี้ทุ่มแรงไปกับการออกแบบสถานที่นี้อยู่บ้างทีเดียว

ด้านนอกเป็นเสียงชื่นชมดื่มด่ำกับเหล้าชั้นดีและเสียงอึกทักครึกโครมของผู้คนที่นั่งล้อมวงดื่มเหล้า มองไปเห็นแต่ของตกแต่งหรูหรา สีทองส่องล้อแสงระยิบระยับ ทว่าบรรยากาศด้านในกลับทำให้คนรู้สึกราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ความหนาวเย็นกัดกินลึกถึงกระดูก

กระทั่งแม่นางที่กระหนุงกระหนิงอยู่กับชิงอวี่เมื่อครู่ยังหน้าเปลี่ยนสี นางหันหน้าไปพร้อมท่าทางเคารพนบน้อม ทั้งสายตาและศีรษะก้มลงต่ำ

รอยยิ้มบนหน้าชิงอวี่จางลงเล็กน้อย สายตานางมองตามไปยังจุดที่ขวดเหล้าถูกขว้างมา

ในตอนนั้นเอง ลมหอบหนึ่งก็พัดเอาผ้าม่านพลิ้วเปิด เผยให้เห็นคนผู้หนึ่งที่อยู่ด้านใน ดวงตาของเขาถูกเปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เป็นนัยน์ตาสีม่วงล้ำลึกที่ทั้งมืดมิดและมีเสน่ห์อย่างน่ากลัว ทว่าก็เป็นนัยน์ตาที่งดงามยิ่งนัก ล่อลวงให้คนอยากเข้าไปใกล้นัยน์ตาคู่นั้นราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

นัยน์ตาคู่นั้นงามเกินไปแล้ว! แต่ในขณะเดียวกันก็ดูน่ากลัวมากด้วย

ทำให้ชิงอวี่จำคำแรกที่เขาเอ่ยออกมาได้ “เจ้าเป็นคนแรกที่กล้ามองข้าเช่นนี้”

หากแต่ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์จะมานั่งย้อนความหลังเมื่อครั้งที่คนทั้งคู่พบกันครั้งแรก ในหัวของนางคิดเพียงว่าเพราะเหตุใดชายผู้นี้ถึงปรากฏตัวขึ้นราวกับวิญญาณรังควานที่สลัดไม่หลุดเช่นนี้!?

เมื่อนึกเรื่องนี้ขึ้นมา นางก็ได้แต่คิดว่ามีชีวิตอยู่บนโลกแปลกประหลาดนี้มาก็ตั้งหลายปีนางยังไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด ทว่าบุรุษผู้นี้นับเป็นคนแรกที่ทำให้สัญชาตญาณของนางเตือนว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวด้วยจะเป็นการดี

ส่วนเรื่องที่นางไปเจอกับเขาได้อย่างไรนั้น เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่นางกำลังปรุงยาแก้พิษให้ชิงเป่ย ตอนนั้นนางจำเป็นต้องใช้สมุนไพรที่ล้ำค่าหายากยิ่งนามว่า แก่นเพลิงเยือกแข็ง

ตามตำราว่าไว้ว่าสมุนไพรชนิดนี้ใกล้สูญพันธุ์ แล้วเจ้าสมุนไพรใกล้สูญพันธุ์ชนิดนั้นไปอยู่ในมือของเขาพอดิบพอดี

ก็ได้ นางรู้ดีว่าการกระทำของนางไม่อาจเรียกว่ายอมรับได้นัก ด้วยนางเอาสมุนไพรนั่นไปโดยไม่ได้ขอ แต่ใครใช้ให้บุรุษผู้นี้หัวแข็งนักเล่า ไม่ว่าจะขู่หรือเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่สะท้านแม้แต่น้อย นางถึงขนาดตั้งข้อแลกเปลี่ยนชนิดที่นางขาดทุนเพื่อแลกกับสมุนไพรนั่น แต่ในเมื่อเขาปฏิเสธนาง นางจึงไม่มีทางเลือก จนต้องใช้กำลังในการแย่งมันมา

“ชิงอวี่ เจ้ารู้จักคนผู้นี้หรือ?” ชิงเป่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างสัมผัสได้ว่าบรรยากาศผิดปกติไปจึงเอ่ยถามชิงอวี่ขึ้นสียงเบา

ทว่าหูบุรุษผ้นั้นดีถึงเพียงไหน เมื่อได้ยินชิงเป่ยเอ่ยชื่อออกมา นัยน์ตาเขาก็ดำมืดลงเล็กน้อยในทันที

เป็นเรื่องจริง….. ที่ว่าสิ่งใดที่คนเรากลัวที่สุดมักจะตามมาหลอกหลอนเราในท้ายที่สุด

เมื่อตอนนั้น นางต้องการแสดงความจริงใจเลยยอมเผยชื่อกับเขาก่อน ทว่านางเพียงกลับลำดับคำเท่านั้น นางบอกไปว่านางชื่ออวี่ชิง

อืม จริง ๆ แล้วนางก็ไม่ได้โป้ปดแม้แต่น้อย ก็คำพวกนั้นอยู่ในชื่อนางจริง ๆ นี่นา

ผู้อารักขาชุดดำทั้งสองที่ยืนอยู่ซ้ายขวา ถูกกดดันด้วยบรรยากาศอันน่าขวัญผวาที่เจ้านายพวกของเขาปล่อยออกมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว

ทั้งคู่รู้ในทันที่ว่าตอนนี้เจ้านายตนอารณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ยังมีบุรุษชุดแดงผู้งดงามเสน่ห์หลือล้นที่ยืนอยู่ตรงข้ามบุรุษนัยน์ตาม่วงอีกคนหนึ่ง เขามีนัยน์ตาดอกท้อชวนมองพร้อมทั้งมีขนตายาวสวย ทั้งสดใสและเปล่งประกายยิ่งนัก บนใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าหนู ไม่ได้เจอกันนาน เป็นอย่างไรบ้างเล่า?”

เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่คนแปลกหน้าแม้แต่น้อย ด้วยเพราะภาพเหมือนของเด็กนี่ถูกห้อยอยู่ในรายการตามล่าอยู่นานถึงสองปีเต็ม ทว่าไม่อาจมีใครตามตัวพบ ราวกับว่าเขาพลันหายตัวไปเสียเฉย ๆ

เช่นนี้คือย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกกลับไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลยอย่างแท้จริง (1)

เจ้าเด็กนี่หาญกล้าไม่น้อย ในใต้หล้าแห่งนี้ เกรงกว่าจะมีแต่เจ้าหนูคนนี้ที่กล้าเอาเปรียบคนอย่างโหลวจวินเหยา

“อืม ก่อนมาเจอพวกท่านข้าก็ค่อนข้างสบายดีอยู่” ชิงอวี่ตอบยิ้ม ๆ นางถอยหลังไปโดยไม่ทันรู้ตัว มือจับแขนชิงเป่ยไว้แน่น ตาทั้งสองข้างมองรอบข้างเผื่อหาทางหนีทีไล่

“คิดจะหนีอีกแล้วหรือ? ครั้งนี้เจ้าไม่โชคดีเช่นนั้นหรอก!” ไป๋จือเยี่ยนกล่าว มุมปากยกยิ้มชั่วร้าย “แก่นเพลิงเยือกแข็งที่เจ้าชิงไปนั้น เดิมทีจะต้องนำมาใช้รักษาอาการบาดเจ็บของนายท่าน หากไม่เป็นเพราะเจ้าชิงไป ตอนนี้นายท่านคงจะหายดีเป็นปลิดทิ้งแล้ว หากเจ้ายอมส่งมันมาให้ข้าแต่โดยดี นายท่านอาจยอมให้ศพเจ้ายังมีชิ้นส่วนถ้วนสมบูรณ์ก็ได้”

ชิงอวี่เลิกคิ้ว “ท่านต้องล้อข้าเล่นแน่ เรื่องผ่านไปนานเช่นนี้ สมุนไพรนั่นย่อยจนกลายเป็นปุ๋ยไปนานแล้ว หากท่านถามข้าเร็วกว่านี้สักหน่อยคงพอเหลือให้ท่านสักสองสามใบ”

แก่นเพลิงเยือกแข็ง…..

ชิงเป่ยหลุบตาลง คือดอกไม้ประหลาดที่ชิงอวี่นำมาใช้รักษาขาเขาใช่หรือไม่?

เขาครุ่นคิดมาตลอดมามันช่างเป็นสมุนไพรที่ประหลาดนัก ครึ่งบนร้อนเป็นไฟ ครึ่งล่างหนาวเย็นจนเป็นน้ำแข็ง ที่แท้เป็นแก่นเพลิงเยือกแข็งในตำนานนี่เอง!

เพื่อให้ได้เจ้านี่มา ชิงอวี่ต้องแลกสิ่งใดไปกันแน่!?

นางคอยพูดอยู่เสมอว่านางไม่ใช่ชิงอวี่ตัวจริง และยังบอกว่าสักวันหนึ่งนางจะต้องออกไปจากที่นี่ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เหตุใดจึงต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาด้วย!?

เมื่อได้ยินว่าแก่นเพลิงเยือกแข็งนั้นถูกย่อยสลายไปแล้ว แววขี้เล่นในนัยน์ตาดอกท้อของไป๋จือเยี่ยนพลันหายไป แทนที่ด้วยรังสีฆ่าฟันที่แสนเยียบเย็น “เจ้าเด็กสมควรตายนี่!”

แก่นเพลิงเยือกแข็งเป็นของที่พวกเขาพยายามหามานานและในที่สุดก็คว้ามาได้ ต้องใช้ชีวิตคนหลายร้อยเข้าแลก เดิมทีคิดจะรอให้มันบานเต็มที่เพื่อที่คุณค่าทางยาจะได้ดียิ่งขึ้น แต่สุดท้ายกับถูกเจ้าเด็กนี่ชิงไป!

หากไม่ได้ยาโดยเร็ว นายท่านคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ถูกพลังร้อนและเย็นทรมานทำลายร่าง พวกเขาหาโจรขโมยดอกไม้นี่แทบพลิกแผ่นดิน ดูท่าที่ลงแรงไปจะเสียเปล่า!

ถึงจะสังหารเจ้าเด็กนี่เป็นร้อยเป็นพันครั้งก็ยังไม่รู้สึกสบายใจขึ้นอยู่ดี!!

เมื่อเทียบกับท่าทางนิ่งสงบของชิงอวี่แล้ว ใจของชิงเป่ยเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน เมื่อคิดว่านางต้องเข้าไปพัวพันกับปัญหาเช่นนี้เพราะเขาเป็นเหตุ ในใจจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและรู้สึกตำหนิตนเองยิ่งนัก หลายปีที่ผ่านมานี้เขานับเป็นตัวภาระของนางมาโดยตลอด

ไม่ว่านางจะเป็นชิงอวี่ตัวจริงหรือไม่ นางก็ได้ลงมือทำหลากหลายเรื่องให้เขาเกินกว่าที่จำเป็นไปมากแล้ว

ในขณะที่กำลังคิดจะเดินไปด้านหน้าเพื่ออธิบายเรื่องราวอยู่นั้น ชิงอวี่ก็กางแขนออกกันเขาไว้ ก่อนจะดึงตัวเขาไปไว้ด้านหลัง ชิงเป่ยในตอนนี้ตัวยังไม่สูงนัก เทียบกับชิงอวี่แล้วนางตัวสูงกว่าเล็กน้อย

นางยืนบังหน้าเขาท่าทางปกป้องเต็มที่

“เหลียนเอ๋อร์ จากรักกลายเป็นชัง เจ้าวางกับดักข้างั้นหรือ? สตรีนี่น่ากลัวนัก” ชิงอวี่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มยากจะเข้าใจ ส่งสายตาไปยังหญิงสาวข้างกายที่ยังคงก้มหัวลงต่ำอยู่

เหลียนจีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนคิ้วจะค่อย ๆ ขมวดเป็นปม นางไม่รู้ว่านายท่านจะมาวันนี้ นางได้เห็นนายท่านครั้งล่าสุดก็เมื่อหลายปีที่แล้ว ถึงเรื่องนี้นางจะไม่ได้จงใจทำ หากแต่นางต้องไม่พูดพล่อย ๆ มิเช่นนั้นจะเป็นนางเองที่ต้องพบกับความหายนะ

ตอนนี้ภายในใจนางมีเพียงความเกรี้ยวกราด หากนางรู้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นหัวขโมยที่ชิงเอาแก่นเพลิงเยือกแข็งไปละก็ นางคงใช้ฝ่ามือซัดเข้าที่หลังคอเขาไปนานแล้ว

“คนที่เจ้าต้องการตัวคือข้า เด็กนี่ไม่เกี่ยว วันนี้เขาเพียงติดตามข้าออกมา ปล่อยเขาไปเสีย” ชิงอวี่กล่าว จากนั้นหันไปมองหน้าส่งสัญญาณให้ชิงเป่ย

ทว่าจะให้ชิงเป่ยทิ้งนางไว้แล้วหนีไปตัวคนเดียวได้อย่างไร? พวกเขาเป็นฝาแฝด คลอดออกมาจากครรภ์มารดาเวลาห่างกันเพียงชั่วพริบตาเดียว นางคลอดออกมาก่อน ชะตาจึงกำหนดให้นางต้องเป็นพี่สาวที่คอยดูแลน้องชาย

ไม่ว่าในอดีตนางจะเป็นเช่นไร ทว่าตั้งแต่ที่นางได้ช่วยชีวิตเขาจากกองเพลิงในวันนั้น นางก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว

นางทั้งเฉลียวฉลาด มั่นใจในตนเอง กล้าหาญ ทั้งยังมีความสามารถด้านโอสถเป็นเลิศ นางได้ทำหน้าที่ในฐานะพี่สาวที่คอยดูแลปกป้องเขาอย่างเต็มที่

แต่ถึงอย่างไรนางก็คือเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง จะให้เขาหลบอยู่หลังนางแบบนี้ตลอดไปคงไม่ได้

เชิงอรรถ

1 เวลาตั้งใจออกตามหาตัวกลับไม่พบ แต่พอเลิกหากลับพบโดยง่าย