ตอนที่ 17 พี่รอง

“คนมีใจอย่างไรต้องได้ครองคู่กันอะไร ไร้สาระ ข้ากลับคิดว่าเป็นพวกฝนตกขี้หมูไหล คนชั่วช้ามารักกัน ขอให้รักกันยืนยาวชั่วฟ้าดินสลายไปเลย”

เจียงซื่อขำออกมาพรวด “ความหมายเดียวกันทั้งนั้นเจ้าค่ะ”

เจียงจั้นหัวเราะใหญ่

น้องสาวของเขา ยิ่งโตยิ่งนิสัยเหมือนเขามากขึ้นเรื่อยๆ

พอเจียงจั้นหยุดหัวเราะ ก็เอ่ยถามเจียงซื่ออย่างใคร่รู้ “น้องสี่รู้ได้อย่างไรว่าจี้ฉงอี้จะไม่ได้แต่งกับสตรีตระกูลสูงศักดิ์”

เจียงซื่อหัวเราะพลางถามกลับ “เมื่อวานพี่รองคงทำงานเสียเปล่าแล้วกระมัง”

“น้องสาวเก่งจริงๆ…” สายตาเจียงจั้นแวววับขึ้น

เจียงซื่อแย้มยิ้มหวาน “ข้าไม่ได้เก่งกาจอันใดหรอก ล้วนเป็นเพราะพี่รองคอยช่วยจึงสำเร็จ”

เจียงจั้นกระหยิ่มยิ้มย่อง “นับว่าจริงอยู่”

อาเฉี่ยวก้มหน้ากลั้นหัวเราะ เวลานั้นอาหมานพลันปัดม่านเดินเข้ามา “คุณหนู คนที่เรือนฉือซินมาส่งข่าวเจ้าค่ะ เหล่าฮูหยินเรียกคุณหนูเข้าพบ แจ้งว่าคุณหนูรองกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

จวนตงผิงปั๋วมีทั้งหมดสามเรือน บิดาของเจียงซื่อเจียงอันเฉิงเป็นคนโต คุณหนูรองนั้นเป็นบุตรีของนายท่านเจียงสอง

นับจนถึงตอนนี้ คุณหนูของจวนปั๋วที่แต่งออกไปแล้วมีทั้งสิ้นสองคน คือคุณหนูใหญ่เจียงอี แต่งเข้าตระกูลจูผู้ดำรงตำแหน่งเส้าชิงในศาลต้าหลี่[1] และคุณหนูรองเจียงเชี่ยนเป็นฮูหยินของซื่อจื่อแห่งจวนฉังซิงโหว [2]

ดูจากลำดับในจวนปั๋วแล้ว หากไม่เอ่ยถึงงานแต่งของเจียงซื่อที่ยังไม่เกิดขึ้น งานแต่งของคุณหนูรองนับว่าดีมากทีเดียว

คุณหนูรองเจียงเชี่ยนรูปลักษณ์งดงามฉลาดเฉลียว เป็นคุณหนูสุดที่รักของเฝิงเหล่าฮูหยินจากหลานสาวทั้งหมดหกคน เมื่อก่อนเจียงซื่อก็มักจะชอบอยู่ใกล้พี่สาวผู้ปราดเปรื่องในทุกด้านคนนี้ แต่ในตอนนี้เมื่อได้ยินอาหมานรายงาน กลับเกิดความรู้สึกคลื่นไส้พะอืดพะอม

หากเป็นไปได้ ชีวิตนี้นางไม่ขอเจอหน้าเจียงเชี่ยนอีกเลย!

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะดื้อดึงเอาแต่ใจ ท่านย่าส่งคนมาเชิญ ไม่มีเหตุผลที่หลานสาวจะมีบ่ายเบี่ยง

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่นางปฏิเสธงานแต่งยังเป็นไฟสุมในอกท่านย่า ป่านนี้คงรอเชือดเฉือนนางอยู่

เจียงซื่อไม่เกรงกลัวเฝิงเหล่าฮูหยินจะเย็นชากับนาง เพียงไม่อยากให้ท่านพ่อที่ทั้งศีรษะเป็นสีขาวแล้ว ยังต้องถูกท่านย่าตำหนิ

“พี่รองจะไปกับข้าด้วยหรือไม่” เจียงซื่อยืนขึ้น

เจียงจั้นรีบส่ายศีรษะ “ข้าไม่ขอไปร่วมสนุกด้วยแล้วกัน เป็นเรื่องของสตรี วุ่นวายยิ่งนัก”

เขาไม่ชอบพี่รองผู้อรชรอ้อนแอ้นเลยสักนิด!

อะไรนะ น้องสี่ของเขาก็เป็นเช่นนั้นหรือ

หึหึ น้องสาวเดิมทีควรจะอ้อนแอ้นให้พี่ชายปกป้อง แต่ไม่ใช่กับพี่สาว!

เจียงจั้นพาใบหน้าอันหล่อเหลาโบกมือเดินออกไป

เขาชวนพี่อวี๋ชีไปดื่มด้วยกันดีกว่า!

เจียงซื่อไปยังเรือนฉือซินพร้อมกับอาหมาน ขณะกำลังเดินเข้าประตูอยู่นั่นเอง พลันได้ยินเสียงหัวเราะของเฝิงเหล่าฮูหยินลอยมา

“ท่านย่าควรจะหัวเราะบ่อยๆ นะเจ้าคะ ไม่มีเรื่องอันใดสำคัญกว่าสุขภาพอีกแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสตรีผู้เยาว์ลอยผ่านมา

“เจ้าช่างพูดช่างจาเสียจริง” น้ำเสียงดุของเฝิงเหล่าฮูหยินเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู

“จากนี้ เอ้อร์กูไหน่ไน[3]ต้องกลับมาบ่อยๆ นะเจ้าคะ เหล่าฮูหยินเพียงได้เจอท่านก็อารมณ์ดีเชียว”

เจียงซื่อไม่ต้องเห็นกับตาก็รู้ได้ ผู้ที่ร่วมวงสนทนาคือคนรับใช้คู่กายท่านย่า เฝิงมาหม่า

“คุณหนูสี่มาถึงแล้วเจ้าค่ะ” อาหมานตะโกนรายงาน ภายในห้องพลันเงียบลง สายตาหลายคู่จับจ้องมองมา

“หลานสาวเข้าพบท่านย่าเจ้าค่ะ” เจียงซื่อทำความเคารพเฝิงเหล่าฮูหยิน

เฝิงเหล่าฮูหยินหลุบตาลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เข้ามานั่งสิ พี่รองเจ้าตั้งใจกลับมาเยี่ยมเจ้าน่ะ”

เจียงซื่อสงบจิตสงบใจลง สายตาจดจ้องไปยังสตรีที่นั่งอยู่ข้างเฝิงเหล่าฮูหยิน

เจียงเชี่ยนมวยผมขึ้นแบบสบายๆ คิ้วเรียวราวดุจใบหลิว ใบหน้ามนเป็นรูปไข่ ท่าทีดูน่าสนิทสนม ต่างหูพลอยเม็ดงามส่องประกายรับกับปิ่นปักผมทองฝังพลอยแดง ยิ่งขับให้ดูสวยสง่าสูงศักดิ์ยิ่งขึ้น

เจียงซื่อเดิมทีคิดว่าจากไห่ถังมาจนถึงเรือนฉือซิง นางได้เตรียมใจมาตลอดทาง แต่เมื่อได้สบเข้ากับสายตาที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของเจียงเชี่ยน ใจก็ยังคงเต้นตึกตัก ความโกรธเกลียดก็กระโจนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

ในชาติก่อน นางทำผิดต่อหลายคน แต่ก็มีหลายคนทำผิดต่อนางเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะโกรธจะเกลียดกันอย่างไรก็ไม่มีใครน่ารังเกียจเท่าเจียงเชี่ยนอีกแล้ว

ในตอนนั้น นางมักจะรังเกียจบิดาและพี่ชายตนที่ไร้ความสามารถ ทั้งพี่สาวก็อ่อนแอ จึงสนิทกับพี่รองที่ทั้งอ่อนโยนและใจดี จนเมื่อหลังจากเจียงเชี่ยนเป็นหม้ายได้ราวครึ่งปี ก็ส่งคนมาแจ้งว่าไม่สบายและอยากพบนาง นางจึงรีบไปเยี่ยมเยียนอย่างไม่ลังเล

ผลสุดท้าย ข้างๆ ห้องที่นัดพบกับเจียงเชี่ยน ฉังซิงโหวซื่อจื่อที่รออยู่ที่นั่นแต่แรก หรือก็คือพี่เขยรองของนางได้กระโจนเข้ามาราวกับหมาป่าผู้หิวโหยเมื่อพบเหยื่อ

และในเวลานั้นเอง พี่รองที่แสนดีของนาง กลับพุ่งตรงไปปิดทางออก

เจียงซื่อเพียงหวนคิดถึงความเลวร้ายที่เจอในวันนั้น ความพะอืดพะอมก็จู่โจมขึ้นมา

นางจำไม่ได้ว่าตนหนีออกมาได้อย่างไร แม้จะรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้ แต่ความรู้สึกถูกดูแคลนและความหวาดกลัวเช่นนั้นกลับไม่สามารถสะบัดให้หายไปได้ นางต้องร้องไห้จากฝันร้ายจนตื่นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

เจียงซื่อจ้องใบหน้าแย้มยิ้มราวดอกไม้แรกแย้มของเจียนเชี่ยนเขม็ง เกือบจะโพล่งคำถามที่ค้างคานานหลายปีออกมา

ทำไมกัน เป็นเพราะอะไรกันแน่ สตรีคนหนึ่งถึงยอมช่วยสามีทำลายน้องสาวตนเอง

“เจียงซื่อ มารยาทของเจ้าอยู่ไหน ยังไม่ทักทายพี่รองเจ้าอีกหรือ” เฝิงเหล่าฮูหยินเอ่ยอย่างไม่พอใจ

เจียงเชี่ยนยื่นมือออกมากุมมือเจียงซื่อไว้

ปลายนิ้วอันเย็นเยียบของสาวน้อยทำเจียงเชี่ยนเลิกคิ้วขึ้น “น้องสี่ เจ้าลำบากแล้ว”

เจียงซื่อพลันดึงมือกลับ

“น้องสี่” เจียงเชี่ยนประหลาดใจ

เฝิงเหล่าฮูหยินท่าทีไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ

“ข้าไม่ได้ลำบากอะไร พี่รองไม่จำเป็นต้องเห็นใจอะไรข้า” เจียงซื่อเอ่ยเรียบๆ

เดิมทีนางมีนิสัยชอบเอาชนะอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เคยแสดงออกกับเจียงเชี่ยนเท่านั้น ที่โพล่งออกไปในครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้ผู้อื่นโกรธเคือง แต่ยังทำให้ประหลาดใจอีกด้วย

“เจียงซื่อ ขอโทษพี่รองเจ้าเดี๋ยวนี้!” เฝิงเหล่าฮูหยินตวาด

เพียงครู่เดียวเจียงเชี่ยนก็เปลี่ยนเป็นการยิ้มอ่อนโยน “ท่านย่าอย่าโกรธน้องสี่ไปเลยเจ้าค่ะ น้องสี่เพิ่งถูกถอนงานสมรส จิตใจคงบอบช้ำอยู่…”

“ไม่เลย ข้ารู้สึกดีมากเลยล่ะ” เจียงซื่อเอ่ยตัดบทเจียงเชี่ยนอย่างไม่เกรงใจ

แม้นางไม่อาจตบหน้าเจียงเชี่ยนได้ในตอนนี้ แต่ก็ไม่อาจแสดงบทพี่น้องสุดรักใคร่ได้อีกต่อไป

เจียงซื่อจ้องไปยังใบหน้าขาวโพลนด้วยแป้งของเจียงเชี่ยน พลางยิ้มมุมปาก “แต่หากพี่รองจะเอ่ยซ้ำแล้วซ้ำอีก นั่นสิถึงจะทำให้ข้ารู้สึกแย่”

ร่างเจียงเชี่ยนสั่นไหวเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าแทบจะคงไว้ไม่อยู่แล้ว

“เจียงซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ พี่รองเจ้าพอได้ยินเรื่องของเจ้าก็รีบกลับมาหาเจ้า แล้วดูเจ้าซิ จะขอบคุณซักนิดก็ไม่มี! เจ้ารีบขอโทษพี่รองเจ้าเดี๋ยวนี้นะ!” เฝิงฮูหยินพลันกระแทกถ้วยชาลงกับโต๊ะ ฝาถ้วยชาไหวไปมา น้ำชาสาดกระเซ็นออกมา

สีหน้าเจียงซื่อไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิด “นี่มันอะไรกันหรือเจ้าคะท่านย่า ข้าไม่ได้ทะเลาะกับพี่รองและไม่ได้ถกเถียงอะไร ที่ข้ากล่าวเป็นคำพูดจากห้วงลึกของหัวใจทั้งสิ้น ทำไมข้าต้องขอโทษพี่รองด้วยเจ้าคะ”

นางเอ่ยจบแล้วเบนหน้ามองไปยังเจียงเชี่ยน “พี่รอง ข้าทำอะไรผิดใจพี่หรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่…” เจียงเชี่ยนฝืนหัวเราะ พลางจ้องใบหน้าของเจียงซื่ออย่างลืมตัว

ใบหน้าน้องสาวของนางนี่ ช่างหนาเสียจริง!

คืนวานได้ยินเรื่องจวนอันกั๋วกงและจวนตงผิงปั๋วยกเลิกงานสมรสแล้ว สามีของนาง ฉังซิงโหวซื่อจื่อถอดถอนใจ “สตรีงามเช่นนี้ จี้ซานช่างไม่มีวาสนาเสียเลย!”

“น้องสี่ได้พบข้าแล้วคงคิดถึงพี่ใหญ่ล่ะสิ เจ้าถึงรู้สึกไม่สบายใจ” เจียงเชี่ยนไม่อยากต่อกรกับเจียงซื่อ จึงรีบฉีกยิ้ม “น้องสี่อย่าได้ใจร้อนไป ไม่แน่ อีกครู่เดียวพี่ใหญ่ก็คงมาถึงแล้ว”

เหอะๆ หากเจียงอีมาเยี่ยมเจียงซื่อจริงๆ งั้นนางก็เปลี่ยนชื่อเป็น ‘เซียน’ เถอะ

เจียงซื่อยิ้มเย็นชาอยู่ภายในใจ

น่าเสียดายที่ก่อนนี้นางตาบอด ไม่รู้เลยว่าเจียงเชี่ยนปลุกปั่นสร้างความแตกแยกได้อย่างเชี่ยวชาญเช่นนี้

พี่ใหญ่ทั้งอ่อนแอและบอบบาง แต่งงานออกจากจวนไปหลายปีแต่มีบุตรีเพียงคนเดียว ชีวิตของนางที่อาศัยอยู่กับครอบครัวสามีก็ยากลำบาก การยกเลิกงานสมรสของนาง ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องน่าภาคภูมิอะไร สถานการณ์เช่นนี้ แม้พี่ใหญ่มีใจอยากกลับมาเยี่ยม แต่นางก็คงจนปัญญา

“หากข้าคิดถึงพี่ใหญ่ข้าจะไปหานางเอง พี่รองกังวลมากไปแล้วเจ้าค่ะ”

“น้องสี่เจ้า…” ตอนนี้ เจียงเชี่ยนยิ้มไม่ออกแล้ว

เฝิงเหล่าฮูหยินโกรธเกรี้ยว “เจียงซื่อ วันนี้เจ้าถูกปีศาจเข้าสิงหรือ ต่อปากต่อคำกับพี่รองเจ้าไม่เลิกรา”

“ท่านย่า เมื่อคืนท่านฝันร้ายใช่หรือไม่เจ้าคะ” เจียงซื่อไม่สนใจความโกรธของเฝิงเหล่าฮูหยิน พลันเอ่ยถาม

เฝิงเหล่าฮูหยินตะลึงตกใจ

ซื่อเอ๋อร์รู้ได้อย่างไรว่าข้าฝันร้าย

[1] ศาลต้าหลี่ ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับคดีอาญา

[2] โหว เป็นบรรดาศักดิ์รองจากชั้น กง ได้รับยศจากการสืบสกุล หรือได้รับพระราชทานจากจักรพรรดิ เนื่องจากมีความดีความชอบ

[3] กูไหน่ไน ใช้เรียกสตรีในตระกูลที่ออกเรือนไปแล้ว