“ขอทางหน่อยคร๊าบบบ!!”
จู่ๆ ก็มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมา ฉันไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย พอหันไปตามเสียงจะขอความช่วยเหลือ มือซ้ายก็ถูกคว้าไว้แล้วดึงให้เดินตามไป
“อ๊ะ!!…”
ตกใจจนเผลอส่งเสียงออกไปแต่พอเห็นว่าคนที่จูงมืออยู่ในตอนนี้เป็นใคร ความรู้สึกโล่งใจก็แผ่ซ่านไปทั่วอก
” ขอโทษทีที่มาช้า รอนานมากไหม?”
อาคิยามะ เออิชิ รุ่นน้องของคุณนาคาจิมะแฟนของรุ่นพี่คาวากุจิ เขาหันถามพร้อมกับยิ้มให้
ตอนแรกก็งงว่าใครรอใคร แล้วก็…ปิ๊ง นึกขึ้นได้ว่านี่คงเป็นการด้นสดของหมอนี่แน่ๆ
“อ๊ะ!? อ่ออ..ไม่นานหรอก ฉันเพิ่งซื้อของเสร็จพอดีด้วย”
ฉันตอบเขาไป ถึงจะตะกุกตะกักนิดหน่อยแต่คิดว่าตัวเองทำได้ดีเลยทีเดียว
“เอ้ย น้องชาย นายเป็นใครเนี่ย ไม่เห็นหรือไงว่าสาวน้อยคนนี้กำลังคุยกับพวกเรา ทำไมถึงมาเกะกะซะล่ะ”
ตอนที่กำลังจะผ่านผู้ชายผมทองที่ยืนดักอยู่ข้างหลังฉันไป เขาก็ร้องทักขึ้นมา อาคิยามะดึงฉันไปอยู่ข้างหลังเขาเพื่อให้พ้นจากวงล้อมในตอนแรกแล้วหันไปมองฝ่ายตรงข้ามทั้ง 4 คน
“โทษทีพี่ชาย ผมไม่เห็นจริงๆ ว่ามีสาวน้อยคนไหนคุยกับพวกพี่ชาย ถ้าผมมารบกวนก็ขอโทษด้วย”
[‘หะ..ห๊ะ..นั่นคือคำตอบหรอ แบบนี้มันกวนกันชัดๆ นินา อาคิยามะ นายสติดีใช่ไหมเนี่ย?’]
พอมีคนอื่นอยู่ด้วยฉันก็รู้สึกว่าสติสตังตัวเองเริ่มจะกลับมา แต่พอได้ยินคำตอบกวนบาทาของผู้ชายตรงหน้าแล้วก็เหมือนสติจะลอยออกไปอีกแล้ว
“เอ้ย..ไหงพูดจาเลอะเทอะแบบนั้นล่ะ ก็เห็นอยู่ว่าน้องชายเป็นคนจูงมือสาวน้อยนั่นไปน่ะ ทำไมถึงยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ล่ะ”
“อ้าววว…สาวน้อยที่พี่ชายว่าคือคนนี้หรอกหรอ โถ่..ไอ้ผมก็ไม่รู้ซะด้วย ว่าแต่พวกพี่ชายมีธุระอะไรกับแฟนชาวบ้านเขาล่ะครับ บอกได้เลยนะ ผมไม่ถือ”
[‘ตาบ้า พูดจาอะไรเนี่ย!?!’]
ฉันดึงกระตุกแขนอาคิยามะเพื่อให้เขารู้ตัวและเลิกกวนประสาทฝ่ายตรงข้าม แต่เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองฉัน
“ฮ่าๆๆๆ แบบนี้ดีเลย งั้นเรามาคุยกันหน่อยดีกว่า พาสาวน้อยนั่นมาคุยด้วย”
ผู้ชายผมทองที่น่าจะเป็นหัวโจกหัวเราะร่าแล้วเดินเข้ามา เห็นเขาเดินมาฉันก็เพิ่งสังเกตว่าตัวเองถอยห่างออกมาจากตอนแรกหลายก้าวอยู่
แต่จะมัวสนใจระยะห่างไปก็ไม่ใช่เวลา เห็นอีกฝ่ายเดินมาอาคิยามะก็ผลักฉันทันที มือซ้ายของเขาดันมาที่ท้องของฉันเบาๆ
“อ๊ะ!!”
เผลอทำเสียงแปลกๆ ออกไปไม่รู้อาคิยามะจะได้ยินไหม คิดว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจเพราะเขามองแต่ผู้ชายคนที่เดินเข้ามา
พอเห็นท่าไม่ดีฉันเลยดึงเขาให้มาด้วยกัน แต่…ไม่ขยับ
[‘นี่เป็นยักษ์ปักหลั่นหรือไง? ทำไมไม่ขยับเลยเล่า?’]
อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงแล้ว ฉันที่กำลังกระวนกระวายใจทำอะไรไม่ถูกก็ได้ยินเสียงประตูร้านสะดวกซื้อเปิดออก
“…เนอะ สุดยอด… เอ๊ะ!? เออิชิ?”
ฉันกับอาคิยามะหันไปมองตามเสียง ตรงหน้าประตูร้านสะดวกซื้อมีเด็กผู้ชายสามคนยืนอยู่
“เอ๊ะ? อ้าว..พวกนายเองหรอกหรอ”
พออาคิยามะเห็นทั้งสามคนก็ร้องทักออกมา ฉันหันไปมองสลับไปมาระหว่างอาคิยามะกับเด็กผู้ชายสามคนนั้น หรือว่าจะรู้จักกัน แต่ก่อนจะได้ทันถามอะไรเด็กผู้ชายตัวเตี้ยก็พูดออกมาซะก่อน
“หืมม…เด็กผู้หญิง? จับมือ? ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่? หระ..หรือว่า!!!”
“““เดต!!!”””
ทั้งสามคนประสานเสียงกัน ทำเอาทุกคนที่อยู่ตรงนั้นงงไปชั่วขณะ โชคดีที่อาคิยามะฟื้นตัวได้เร็ว
“ไม่ใช่เดต แต่ช่างเรื่องนั้นก่อน พอดีตอนนี้มีปัญหาน่ะ”
แล้วก็เห็นเขาพยักหน้าไปอีกทาง เด็กผู้ชายผมทองตัวสูงพยักหน้าบอกว่าเข้าใจแล้ว
“ขัดขวางคนอื่นระหว่างเดตนี่มันไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ”
[‘เดี๋ยวนะ ใครเดตกับใคร? ทำไมมันเป็นการเดตล่ะ?’]
“ไม่ต้องห่วง นายกลับไปหาแฟนก่อนเลย ทางนี้พวกฉันดูแลเอง”
[‘เอ๊ะ? ให้กลับไปหาแฟน? อาคิยามะน่ะหรอ? แล้วฉันล่ะ?’]
ในตอนที่สับสนจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ถูกอาคิยามะจูงมือออกมา
“ไป โอโตเมะ เดี๋ยวฉันไปส่งกลับบ้าน”
สติกลับสู่กายหยาบ รู้แล้วว่าอาคิยามะกำลังจะพาหนีจากสถานการณ์นี้ แต่เหมือนเรื่องจะยังไม่จบดี แล้วเพื่อนๆ ของเขาจะเอายังไง
ฉันดึงแขนเขาไว้ พยายามนึกคำพูดที่จะถามเขา แต่เขากลับบีบมือฉันเบาๆ เหมือนจะให้ฉันคลายความกังวล
ฉันเงยหน้ามองเขาก็เห็นเขายิ้มมาให้แล้วเริ่มเดินต่อ
“ไม่ต้องห่วง สามคนนั้นไม่เป็นอะไรหรอก หรือถ้าเธอกังวลใจจะช่วยฉันเลี้ยงข้าวพวกนั้นก็ได้นะ”
มือเขายังคงจับมือฉันและจูงให้เดินตามไป ก้มมองมือตัวเองแต่เห็นแต่มือของอาคิยามะที่กุมมือตัวเองไว้จนมิด เงยหน้าไปก็เห็นแค่แผ่นหลังของเขาที่แบกคุณหมีตัวใหญ่เดินตรงไปข้างหน้า จังหวะก้าวไม่เรียกว่าช้าแต่ก็ไม่เร็วจนฉันตามไม่ทัน
เดินกันไปไม่นานนักฝนที่ตั้งเค้ามานานนมก็เทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ฉันยืนอึ้งเล็กน้อยที่จู่ๆ มันก็ตกหนักลงมาทั้งที่ก่อนหน้าแค่ปรอยๆ เท่านั้นเอง
ไม่ทันได้คิดอะไรมือก็ถูกดึงจนตัวเอียงวูบไปเสียหลักไปชนอาคิยามะเข้า
เขามองฉันเฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็ส่งร่มให้ฉันถือ ฉันรับร่มมาแบบงงๆ กำลังสงสัยว่าเขากำลังทำอะไร จู่ๆ เขาก็ถามฉันขึ้นมา
“นี่ เธอชอบตุ๊กตาหมีไหม?”
“เอ๊ะ?”
เจอคำถามที่ไม่คาดคิดมาก่อนทำเอาฉันสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ แล้วก็เผลอมองหมีที่อยู่บนหลังเขา
[‘งื้อออ น่ารัก’]
เกือบจะเผลอพูดความในใจออกไปโดยไม่ตั้งใจ ฉันเลยต้องแสร้งตีมึนเข้าไว้พร้อมกับมองเขาแกะสายสะพายคุณหมีบนหลังลงมา
“คือถ้าเธอไม่รังเกียจ อยากให้ช่วยรับเจ้านี่ไว้หน่อยน่ะ”
“เอ๊ะ!? ให้ฉันหรอ? ทำไมล่ะ?”
แล้วจู่ๆ อาคิยามะก็เซอร์ไพส์ฉันด้วยการเกริ่นๆ ว่าอยากให้ตุ๊กตาหมีแก่ฉัน บอกตรงๆ ว่าอยากได้แต่ก็ประหลาดใจอยู่ดีที่เอามาให้กัน แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาอ่านความคิดของฉันได้หรือยังไงถึงได้ยิ้มแล้วก็อธิบายที่มาที่ไปของคุณหมีตัวนี้
สรุปก็คือเขาได้มาจากร้านปาลูกดอกในงานเทศกาลด้วยความไม่ตั้งใจ ตัวเองไม่รู้จะเอาไปทำอะไรอีกอย่างก็อายที่จะแบกตุ๊กตาหมีตัวขนาดนี้กลับบ้าน
ได้ยินคำอธิบายแบบนั้นฉันก็อดขำไม่ได้ ทั้งที่เดินแบกไปแบกมาทั่วงานแต่ดันเพิ่งจะมาอายตอนขนกลับเนี่ยนะ
“ฮุๆๆ ทั้งที่นายแบกเดินไปเดินมาในงานขนาดนั้นน่ะนะ เพิ่งจะมาอายเนี่ยไม่ช้าไปหน่อยหรอ?”
“แล้วจะให้ทำไงเล่า ตอนนั้นฉันอยู่คนเดียวนิ แถมเจ้าของร้านก็ไม่ยอมให้เปลี่ยนของรางวัลด้วย”
เห็นเขาบ่นอุบอิบแล้วก็ขำ ทั้งที่รูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกหน้าตาไม่ให้แต่กลับมีด้านที่นิสัยเหมือนเด็กๆ ซะงั้น
“นายเนี่ยก็มีด้านแบบนี้กับเขาด้วยซินะ”
[‘หุๆ น่ารักเชียว’]
ยิ่งเห็นเขาเขินแล้วพยายามกลบเกลื่อนยิ่งรู้สึกว่าน่ารัก ถึงอิมเมจเดิมของอาคิยามะจะให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับคำว่าผู้ชายน่ากลัว แต่ยิ่งรู้จักก็ยิ่งเจอด้านใหม่ๆ ที่เขาไม่แสดงออกในเวลาปกติ
[‘ถ้ารู้จักกันมากกว่านี้เขาจะเผลอแสดงด้านไหนออกมาให้เห็นนะ ฮิๆๆ …อ๊ะ..’]
อาคิยามะส่งตุ๊กตาหมีมาให้ฉันแล้วขอร่มคืน ก้มมองคุณหมีในมือแล้วยิ่งรู้สึกว่าน่าร๊ากกก…อ๊า อดใจไม่ไหว กอดหน่อยละกัน หมับบบ..
นุ่มฟู…
เผลอยิ้มออกมานิดหน่อย แล้วก็รู้สึกได้ว่าอาคิยามะจ้องมาฉันเลยรีบเก็บอาการ ในตอนนั้นเองที่ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว
[‘หมอนี่เป็นเสือผู้หญิง?’]
ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ที่อาคิยามะรู้จักการดูแลเอาใจผู้หญิง ครั้งก่อนที่ไปห้างด้วยกันพอปรับความเข้าใจกันแล้ว ฉันก็ได้เขาดูแลอย่างดี แถมเมื่อกี้เพื่อนเขายังพูดถึงแฟนอีก มันยังไงกันล่ะเนี่ย
พอความสงสัยเริ่มแผ่ขยาย ใจก็อยากจะรู้ความจริง ปากเลยถามออกไปตรงๆ โดยลืมไปว่ามันดูไม่มีมารยาท
“นายเนี่ย ปกติเที่ยวให้ของผู้หญิงไปทั่วแบบนี้เองหรอ?”
พอถามไปแล้วก็อยากจะตบปากตัวเองที่ไม่มีหูรูด อาคิยามะหันมามองฉันหน้าตาตื่นแล้วก็ปฏิเสธเสียงแข็ง
“บ้าหรือเปล่า ใครจะไปทำอะไรอย่างนั้น ตุ๊กตาเนี่ยนอกจากแฟนเก่าแล้วก็ไม่เคยให้ใครหรอก”
“เอ๊ะ?!”
“หืมม..”
[‘มีแฟนจริงๆ ด้วย อืมม…เอาจริงๆ หมอนี่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนี่นะ ถ้ามองแบบเป็นกลางก็คงเป็นหนุ่มนักกีฬามาดนิ่งหน้าดุหน่อยๆ นั่นแหละ แต่เพื่อความชัวร์ ถามเลยดีกว่า’]
“นายมีแฟนด้วยหรอ?”
รู้ตัวว่าเสียมารยาทที่ถามคำถามแบบนี้กับคนที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง จะนับเป็นเพื่อนได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย แต่ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ฉันกลับรู้สึกสนิทสนมกับอาคิยามะเหมือนรู้จักกันมานานจนชักจะไม่ค่อยเกรงใจเขาเท่าไร
แล้วคำตอบที่ได้ก็ทำเอาฉันแปลกใจอีกรอบ
“เคยมีแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว…อะไร? มองแบบนี้คือไม่เชื่อหรือไง?”
“ก็ไม่คิดว่าหน้าตาเถื่อนๆ แบบนายจะหาแฟนได้นินา ฮุๆๆ”
“เสียมารยาทจริงเธอเนี่ย”
อาคิยามะว่าฉันแบบนั้นแต่กลับไม่รู้สึกถึงความไม่พอใจจากเขา ฉันหัวเราะเบาๆ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร รู้สึกสบายใจเวลาที่คุยกับเขาแบบนี้
เราทั้งคู่เดินกันไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีที่ให้หลบฝน อาคิยามะเดินไปเงียบๆ แล้วฉันก็สังเกตว่าเขาเอียงร่มมาทางฉันมากกว่า ทางฝั่งขวาของเขาจึงเปียก
[‘ไหงทำอะไรที่ดูเทคแคร์กันได้อย่างเป็นธรรมชาติแบบนั้นน่ะ?’]
ได้เห็นอีกมุมนึงของอาคิยามะแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ หรือปกติผู้ชายเขาก็เป็นแบบนี้กันทุกคน
ในหัวนึกถึงคราวก่อนที่ติดร่มนิโนะมิยะกลับบ้าน เขาก็ทำคล้ายๆ กันแบบนี้ แต่นิโนะมิยะบอกแล้วนี่ว่าเขารู้สึกพิเศษกับฉัน งั้นที่อาคิยามะทำอยู่นี่หมายความว่ายังไง