“แล้ว อาจารย์ มีธุระอะไรงั้นเหรอคะ? คงไม่ได้แค่มาดูว่าฉันเป็นยังไงบ้างใช่มั้ยคะ?”

“นั่นก็เป็นวัตถุประสงค์หลักไม่ใช่เหรอ? เพราะจู่ๆ ก็โดนโยนออกมาอยู่ที่ชนบทแบบนี้ ถ้าเกิดว่าจำเป็น ทำไมจะไม่พาเธอกลับมาด้วยล่ะ? เธออาจจะตกอยู่ในสภาพที่ไม่มีแม้แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับเลยก็ได้ คิดแบบนั้นฉันปวดใจนะ”

 

อาจารย์พูดเรื่องแบบนั้นพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ปากของฉันก็เบะจนเป็นเส้นโค้งเลย

 

“มู่ว… โชคยังดี ฉันยังไม่ได้ถึงขั้นไม่มีอันจะกินหรอกค่ะ ออกจะเป็นชนบทห่างไกลไปหน่อย ก็เลยกังวลนิดหน่อยเรื่องการขายวัตถุดิบกับรักษาสภาพคล่องน่ะค่ะ”

 

การฝึกอันหนักหน่วงจบลงโดยไม่ได้บาดเจ็บอะไร หลังจากอาบน้ำล้างตัวในอ่างอาบน้ำแล้ว พวกเราก็มานั่งรอบโต๊ะอาหารด้วยกัน

อาหารส่วนมากที่เรียงอยู่บนโต๊ะนี่ก็มาจากกระเป๋าของอาจารย์นี่แหละ

อร่อยสุดๆ เลยล่ะ คงเป็นฝีมือของคุณมาเรียนั่นแหละ

 

“นั่นสิ จากที่นี่ ต่อให้อยากจะไปขายส่งที่เมืองเซาว์ท สแตรก… ถ้าเป็นซาราสะ น่าจะใช้เวลาซักวันนึงใช่มั้ย?”

“ค่ะ เช้าไปเย็นกลับยังยากอยู่หน่อยๆ นะคะ”

“ซาราสะน่ะต้องเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายก่อนเลย ในกรณีของเธอ ยังมีจุดที่ใช้พลังเวทมาอุดได้ ถ้าฝึกอีกซักหน่อย ก็สามารถไปกลับได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงได้เลยนะ ว่ามั้ย?”

“อุก”

 

ฉันอยากตะโกนไปว่า ‘ไม่ไหวหรอกค่ะ!’ อยู่นะ แต่ฉันพูดอะไรแบบนั้นกับอาจารย์ที่มาถึงหมู่บ้านนี้จากเมืองหลวงในเวลา 3 วันไม่ได้หรอก

ที่จริง ถ้าขาดกำลังกล้ามเนื้อไป ก็อาศัยการเสริมแกร่งร่างกายซะ เรื่องที่อาจารย์บอกนั่นก็ถูกแล้วล่ะ

ในขณะที่นักเล่นแร่แปรธาตุทั่วๆ ไปที่ค่อนข้างขาดพลังเวท ถ้าเป็นฉัน ฉันจะพึ่งพาพลังเวทมาเสริมความแข็งแกร่งของร่างให้เพิ่มขึ้นกว่าปกติ เพราะงั้น ต่อให้แรงของฉันจะมีน้อย แต่ฉันก็พอจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้อยู่

 

“…จะพยายามฝึกอย่างเต็มที่นะคะ”

“จริงสินะ… จะลองทำโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ที่ทำให้การเพิ่มแรงกายกับความแข็งแกรงของกล้ามเนื้อง่ายขึ้นดูมั้ย?”

“มีของสะดวกสบายแบบนั้นด้วยเหรอคะ?”

 

การเพิ่มแรงกายเนี่ย เป็นเรื่องปกติเลยที่มันจะเรียบง่ายและเจ็บปวดเลยล่ะ

 

“มีสิ ไม่ได้ราคาถูกพอที่คนทั่วไปจะซื้อใช้กันได้หรอก แต่ก็มีพวกคนรวยๆ บางคนใช้มันอยู่นะ พวกอัศวินหัวร้อนบางคนยังเรียกว่า ‘นี่มันความชั่วร้าย!’ เลย เจ้าพวกพวกมาโซคิสม์ชอบทรมานร่างกายตัวเองพวกนั้นน่ะ ก็ทำได้แค่บ่นแบบนี้เท่านั้นแหละ”

“ไม่ใช่แล้วมั้งคะ มาโซเนี่ย…”

 

พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่พึ่งพาได้ แล้วก็คอยฝึกฝนตัวเองอย่างเข้มงวดแบบเต็มที่เลยนะ กลุ่มอัศวินน่ะ

ที่จริง อัศวินของประเทศเรานี่ ก็ว่ากันว่าอยู่ในระดับสูงเลยใช่มั้ยนะ?

 

“จะว่าไป แล้วผลข้างเคียงล่ะคะ?”

“ไม่มีเลย ฉันมีอยู่ 2-3 ขวดอยู่นะตอนนี้ ไว้ถ้าหมด เธอจะทำเองก็ได้ แต่… มันน่าจะอยู่ในบทที่ 6 ล่ะมั้ง? ซาราสะ เธออ่านไปได้ไกลแค่ไหนแล้วนะ?”

“ยังไม่ถึงครึ่งบทที่ 3 เลยค่ะ”

“เอาเถอะ ก็น่าจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ มันต้องใช้เงินด้วย แล้วยิ่งมาเปิดร้านแบบนี้ ก็ยิ่งไม่มีเวลาใช่มั้ยล่ะ?”

“ค่ะ! เป็นแบบนั้นเลย! มีคุณลูกค้ามาฉันก็ดีใจแล้วค่ะ”

“นั่นแหละ คือปัญหาของนักเล่นแร่แปรธาตุที่แยกตัวออกมา ร้านเล่นแร่น่ะ ให้พนักงานร้านทั่วๆ ไปมาจัดการไม่ได้หรอกนะ”

“นั่นสินะคะ”

 

นอกจากเรื่องแค่ขายโพชั่นแล้ว การรับซื้อวัตถุดิบก็จำเป็นต้องมีสายตาที่ประเมินได้อย่างดีด้วย

แน่นอนว่า มันเป็นของที่ต้องให้นักเล่นแร่แปรธาตุเป็นคนประเมินเท่านั้น แล้วยังมีวัตถุดิบอื่นๆ อีกหลากหลายไม่รู้เท่าไหร่ด้วย การจะให้คนทั่วไปมาประเมินเนี่ย เป็นเรื่องที่ยากเลย

 

“เพราะฉะนั้นก็ต้องสอนไงล่ะ ถ้าเธอจ้างแล้วก็ฝึกพนักงานร้านที่ทำงานด้วยกันมานานล่ะก็ เธอก็จะสามารถวางใจให้ทำงานได้หลายๆ อย่างเลยนะ อย่างมาเรียที่ร้านของฉันไง อะไรๆ ก็ง่ายขึ้นเยอะเลย จริงมั้ย?”

“คุณมาเรีย ทำงานกับอาจารย์มานานแล้วเหรอคะ?”

“นั่นสินะ ก็ฉันจ้างเธอมาทำงานทันทีที่แยกตัวออกมาเลยน่ะ”

“เอ๊ะ…”

 

ตั้งแต่ตอนที่อาจารย์ที่มองอายุไม่ออกคนนี้ แยกตัวออกมาเลยงั้นเหรอ…

ถึงมองจากภายนอก อาจารย์จะยังดูสาว แต่อายุจริงๆ ของนักเล่นแร่แปรธาตุระดับปรมาจารย์เนี่ยไม่มีทางน้อยๆ อยู่แล้วล่ะ แล้วแน่นอน คุณมาเรียที่ทำงานมาด้วยกันกับอาจารย์ก็ต้องพอๆ กันด้วย

ฉันมองเธอเป็นเหมือนพี่สาวแสนสวยที่อายุมากกว่ากันไม่มากเองนะ!

 

“ซาราสะเองก็ควรจะหาคู่หูแบบนั้นเอาไว้ด้วยนะ สะดวกดีใช่มั้ยล่ะ?”

“คุณมาเรียน่ะอยู่กับอาจารย์ แล้วก็คอยดูแลชีวิตส่วนตัวของอาจารย์ด้วย ถ้าอาจารย์ไม่มีคุณมาเรียอยู่ด้วย ชีวิตต้องยุ่งเหยิงแน่ๆ เลยค่ะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ปฏิเสธไม่ได้เลยแฮะ”

 

ในขณะที่หัวเราะไปด้วย อาจารย์ก็ยืนยันออกมาง่ายๆ เลยเหมือนกัน

แบบนั้นเนี่ย ไม่น่าดีเท่าไหร่มั้ง

ครั้งเดียวที่ฉันได้เห็นชีวิตในเวลาปกติของอาจารย์ก็คือวันสุดท้าย วันถัดมาหลังจากที่จัดงานเลี้ยงฉลองเรียนจบให้ฉัน ดูจากบรรยากาศในตอนนั้น ฉันก็พอจะเดาได้นะ

คุณมาเรียก็เตรียมอาหารมื้อเช้าให้ด้วย รู้สึกเหมือนพ่อที่แค่ทำงาน กับภรรยาที่คอยดูแลยังไงไม่รู้

ถึงอาจารย์จะเป็นผู้หญิงก็เถอะ แต่ก็ทำให้ฉันนึกถึงคุณพ่อสมัยตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เลย

 

“อาจารย์คะ คอยระวังอย่าให้ถูกคุณมาเรียทิ้งเอานะคะ”

“ไม่ต้องห่วง ฉันจ่ายค่าแรงสำหรับเธอเพียงพออยู่แล้วล่ะ”

“ไม่ใช่แค่เรื่องเงินสิคะ เรื่องความรู้สึกด้วยใช่มั้ยล่ะ? คำพูดอย่าง ‘ขอบคุณเสมอเลย’ ก็สำคัญนะคะ”

“อึม… จะลองคิดดูนะ”

 

อาจารย์พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมนิดๆ เลย บางทีอาจจะกำลังคิดถึงคำพูดกับการกระทำของตัวเองอยู่ก็ได้นะ

ก็ ถ้าเกิดจะมีปัญหา ฉันว่าก็คงเกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะมั้ง แล้วที่คุณมาเรียตามอาจารย์มาจนถึงตอนนี้ ฉันคิดว่าเธอก็เข้าใจอาจารย์แล้วนั่นแหละนะ

 

“แล้ว ธุระอีกอย่างของอาจารย์ล่ะคะ?”

“อา จริงสินะ วัตถุประสงค์ที่ 2 ก็คือมาติดตั้งวงเคลื่อนย้ายที่นี่น่ะ”

“วงเคลื่อนย้าย งั้นเหรอคะ?”

“อื้ม รู้จักใช่มั้ย?”

“รู้จักนะคะ แต่…”

 

ก็อย่างที่ชื่อบอกนี่แหละ วงเคลื่อนย้ายคืออาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของระหว่างจุด 2 จุดได้

ฟังดูเหมือนจะสะดวกดีนะ แต่ในมุมมองทั่วไป จริงๆ มันก็ไม่ได้ใช้งานได้จริงขนาดนั้นหรอก

ก่อนอื่นเลย นักเล่นแร่แปรธาตุคนเดียวกันก็ต้องไปอยู่ในทั้ง 2 ที่เพื่อเชื่อมต่อพวกมัน

ถ้าเป็นครั้งนี้ มันคงจะเชื่อมที่นี่กับวงเคลื่อนย้ายที่ร้านของอาจารย์นั่นแหละ แต่การ ‘เชื่อมต่อ’ เนี่ย ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย… ตรงข้ามต่างหาก ระดับความยากเนี่ยสูงสุดๆ

ระดับความยากเนี่ยจะขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างจุด ถ้าเกิดเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุทั่วไป แค่เชื่อมจุดที่หลุดออกนอกลานสายตาไปเนี่ยก็ยากแล้ว ขนาดนักเล่นแร่แปรธาตุที่พอมีฝีมือ ถ้าระยะห่างเลย 100 หลาไปเนี่ยก็ลำบากเหมือนกัน

ต่อให้จัดการเรื่องนี้ได้ ปัญหาข้อต่อมาก็คือพลังเวทที่จำเป็นต้องใช้

พลังเวทที่จำเป็นต้องใช้ แปรผันตามปริมาณสิ่งของ และระยะทางที่จะส่งสิ่งของนั้นเคลื่อนย้ายไป เพราะงั้น ก็เลยมีแค่ไอเท็มเบาๆ ที่จะสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างไม่มีปัญหา แล้วก็ การเคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตเนี่ยเป็นไปไม่ได้เลยนะ ไม่ว่าจะใช้พลังเวทมากแค่ไหนก็ตาม

แถมยิ่งกว่านั้น ถ้าติดตั้งไปแล้วครั้งนึง ก็จะย้ายตำแหน่งไม่ได้อีก

ถ้าเกิดพูดอะไรอย่าง ‘มันขวางทางไปหน่อย ไปห้องอื่นดีกว่า’ ล่ะก็ ต้องเริ่มขั้นตอนทุกอย่างใหม่หมดตั้งแต่ต้นอีกรอบนึงเลย

ศาสตราจารย์บอกฉันว่า ถึงเขาจะรู้การมีอยู่ของมัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะมีโอกาสได้ใช้มันจริงๆ หรอก แค่เพราะข้อจำกัดมากมายที่มีอยู่ในวงเคลื่อนย้ายนี่แหละ

 

“ถามไว้ก่อนนะ มีที่ไหนน่าใช้หรือเปล่า? แค่ส่งพวกของอย่างจดหมายน่ะ”

“ต่อให้เป็นแค่เมืองๆ เดียว ใช้ม้าเร็วเอาไม่ดีกว่าเหรอคะ แถมจากที่นี่ไปถึงเมืองหลวงนี่มันก็―――ไม่สิ เป็นแค่คำถามโง่ๆ สำหรับอาจารย์เลยสินะคะ”

 

สำหรับฉันเนี่ย เป็นไปไม่ได้หรอก แต่ฉันไม่คิดว่าอาจารย์จะพูดว่าทำไม่ได้อยู่แล้วล่ะ…

 

“พลังเวทน่ะไม่มีปัญหาอยู่แล้วใช่มั้ย? ถ้าเป็นซาราสะล่ะก็นะ ฉันปรับปรุงให้มันดีขึ้นมาอีกหน่อย แล้วก็ลดประมาณพลังเวทที่จำเป็นต้องใช้ด้วยแล้วกัน”

“ก็จริงอยู่นะคะที่ฉันมีพลังเวทมากกว่าคนทั่วไป ว่าแต่… ทำไมถึงต้องใช้วงเคลื่อนย้ายตั้งแต่แรกเหรอคะ?”

“ฉันเคยบอกให้เธอ ‘ขายวัตถุดิบ’ มาให้ แต่การจะส่งมามันลำบากใช่มั้ยล่ะ? ถ้าใช้วงเคลื่อนย้ายล่ะก็ มันใช้เวลาแค่ชั่วพริบตาเลย อีกอย่าง ฉันก็ส่งวัตถุดิบที่เธออยากได้มาให้ได้ด้วยเหมือนกัน”

“พูดตามตรงเลยคือ ฉันดีใจมากเลยนะคะ ก็แค่ว่า…”

 

ถ้าการเดินทางใช้เวลาเดือนนึง ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเดินทางก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย

ยิ่งกว่านั้น ถ้าเกิดอาจารย์ช่วยส่งวัตถุดิบที่หาได้ยากจากที่นี่มาให้ ก็จะช่วยให้ความคืบหน้าในการอ่านสารานุกรมแปรธาตุของฉันได้มากเลย อาจจะแปลกไปบ้าง แต่ก็มีแต่เรื่องดีๆ นะ

 

“เข้าใจแล้วค่ะ สถานที่ติดตั้ง… เอาไว้ตรงมุมห้องทำงานดีมั้ยคะ?”

“ขอแค่มันไม่ได้เกะกะขวางทาง จะที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ จริงมั้ย? อา แล้วก็ ติดไว้ชั้น 1 จะดีกว่านะ เพราะที่ชั้น 2 จะลำบากนิดหน่อย”

“ใช้คำว่าลำบากนี่… ตามปกติมันเป็นไปไม่ได้เลยนะคะ”

 

สถานที่ที่ดีที่สุดในการติดตั้งวงเคลื่อนย้ายคือพื้นที่ที่สัมผัสกับพื้นดินโดยตรง

ดูเหมือนว่าการมีหินปูพื้นจะไม่ได้ส่งผลอะไรเท่าไหร่ ฉันก็เลยเสนอห้องทำงานที่ปูพื้นหินเอาไว้ แต่… การจะบอกว่า [ตามปกติ] กับอาจารย์เนี่ย มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะเนอะ

อีกอย่าง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปติดตั้งที่ที่ให้มันลำบากด้วย ฉันก็เลยพาอาจารย์ไปที่ห้องทำงานอย่างว่าง่าย

 

“ตรงนี้เป็นไงบ้างคะ?”

“อืม ไม่มีปัญหา”

 

ใช้เวลาทำงาน แค่ไม่กี่นาทีเอง

อาจารย์ที่จบงานได้โดยไม่ได้รู้สึกถึงความลำบากอะไรเลย วางขวดแก้วใบเล็กบนวงเคลื่อนย้าย แล้วถ่ายพลังเวทลงไป ชั่วขณะต่อมา ขวดใบนั้นก็หายไปแล้ว

 

“เยี่ยม ทำงานได้เป็นปกติ ซาราสะ ถ้าอยากจะขายอะไร ก็ส่งมาให้ฉันได้เลยนะ ฉันช่วยซื้อให้ตามราคาตลาดของเมืองหลวงเลย ถ้ามีของจำเป็นอะไร ก็เขียนลงกระดาษน้อยๆ แล้วส่งมาแล้วกัน เดี๋ยวฉันหาอะไรที่หาได้ให้เอง”

“ขอบคุณนะคะอาจารย์ แต่ แบบนั้นจะดีเหรอคะ? ถ้าฉันส่งไปเรื่อยๆ ไหนจะเรื่องที่เก็บของในร้านของอาจารย์ เรื่องเงินทุน เรื่องอะไรพวกนั้นอีก…”

“ถ้าเป็นที่เมืองหลวง ก็มีช่องทางจัดการของพวกนั้นได้อยู่แล้ว เอาเถอะ ถ้าเกิดเธอส่งวัตถุดิบชนิดเดิมๆ ซ้ำมาเยอะเกินไป ฉันก็จะลดราคารับซื้อลงไปเรื่อยๆ ล่ะนะ”

 

ถึงจะตกลงไปหน่อย แต่ตรงเรื่องที่ว่า [ราคาตลาดของเมืองหลวง] เนี่ย เป็นข้อตกลงที่ได้เปรียบมากเลยนะ

ตามปกติ วัตถุดิบที่มีอยู่รอบๆ เมืองหลวงเนี่ยก็ไม่ได้เยอะอยู่แล้ว เพราะงั้น วัตถุดิบส่วนใหญ่ก็จะถูกขนเข้ามาจากที่ห่างไกล แล้วค่าขนส่งก็จะบวกเพิ่มไปกับราคาของด้วย

ก็หมายความว่า วัตถุดิบส่วนใหญ่ ราคาจะสูงกว่าราคาตลาดที่เซาว์ท สแตรกอย่างมีนัยสำคัญเลย

อาจารย์เป็นคนติดตั้งวงเคลื่อนย้ายด้วย แถมต่อให้จะต่อรองเรื่องค่าขนส่งได้ อาจารย์ก็ยังรับซื้อในราคาตลาดของเมืองหลวงอยู่ หรือก็คือ นี่เป็นการช่วยสนับสนุนของอาจารย์ล้วนๆ เลย ขอบคุณมากนะคะ

 

“เอาล่ะ ทีนี้ ธุระของฉันก็หมดแล้วล่ะ ยังมีเวลาก่อนจะเข้านอนอยู่ใช่มั้ย? ขอฉันถามผลงานที่เธอทำอยู่ที่นี่ได้หรือเปล่า?”

“ยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันขนาดจะเรียกว่าผลงานได้หรอกค่ะ แต่… คือ ฉันควรจะเริ่มตรงไหนดี?”

 

สุดท้าย ฉันก็ใช้เวลาทั้งวันคุยกับอาจารย์จนดึกเลย

แล้ววันต่อมา อาจารย์ก็ซื้อวัตถุดิบที่ฉันกองไว้ในโกดังด้วยเงินสด แถมยังทิ้งเงินอีกเยอะเลยไว้ให้ด้วย เห็นบอกว่าเป็นการ ‘จ่ายไว้ก่อนล่วงหน้า’ นะ

ต้องขอบคุณอาจารย์ในเรื่องนี้ด้วย เรื่องสภาพคล่องที่เคยเป็นปัญหารอการแก้ไขก็เลยคลี่คลายได้เรียบร้อย แต่… เป็นการมาเยี่ยมที่ยุ่งมากๆ เลยแฮะ ขนาดอาจารย์มาตั้งไกลแท้ๆ

แต่อาจารย์จะปล่อยให้ร้านโล่งเอาไว้นานเกินไปก็ไม่ได้ด้วย ก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ

แล้วก็ ตอนจะกลับ อาจารย์ก็พูดทิ้งท้ายไว้ว่า ‘ครั้งต่อไปที่ฉันมาหา ไว้จะมาสอนการใช้ดาบให้นะ อย่าโดดซ้อมซะล่ะ เข้าใจมั้ย?’ ด้วย

…อันนี้ก็เป็น ทักษะในการเล่นแร่แปรธาตุใช่มั้ยคะ อาจารย์?

 

TN: ได้อาจารย์ดี โชคดีตลอดไป