ตอนที่ 23 นายไม่หย่า ก็เลยมาเกลี้ยกล่อมให้ฉันหย่างั้นเหรอ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 23 นายไม่หย่า ก็เลยมาเกลี้ยกล่อมให้ฉันหย่างั้นเหรอ

ตอนที่ 23 นายไม่หย่า ก็เลยมาเกลี้ยกล่อมให้ฉันหย่างั้นเหรอ

แม่เฒ่าโจวและหลิวกุ้ยอิงกำลังยืนรอด้วยความกระวนกระวายใจที่ประตู เมื่อเห็นร่างทั้งสามกลับมา พวกนางก็รีบเข้าไปทักทายในทันที “โอ๊ย เซี่ยเซี่ย หู่จือ พวกเธอกลับมาได้เสียที มัวไปอยู่ที่ไหนมา?”

“เราจับกระต่ายได้ครับ” หู่จือชี้ไปที่กระต่ายในมือของเฉินเจียเหอพลางตอบอย่างตื่นเต้น

เมื่อเห็นหลิวกุ้ยอิงที่ประตูบ้านตระกูลเฉิน หลินเซี่ยจึงถามขึ้น “แม่ มาทำอะไรที่นี่คะ?”

“เจียเหอไปตามหาลูกที่บ้าน แม่เป็นห่วง เลยมารออยู่ที่นี่”

หลิวกุ้ยอิงมองลูกสาวก่อนพูดต่อ “เซี่ยเซี่ย ทำไมลูกไม่บอกคุณตากับคุณยายเวลาจะออกไปข้างนอกล่ะ?”

แม่เฒ่าโจวไม่กล้าบอกหลิวกุ้ยอิงว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านเมื่อเช้าวันนี้

นางไม่กล้าให้หลิวกุ้ยอิงเข้าไปในบ้านเพื่อพบกับโจวลี่หรงด้วยซ้ำ เพราะกลัวโจวลี่หรงที่อารมณ์ไม่ดีจะหยิบยกเรื่องหย่าร้างขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าหลิวกุ้ยอิง

หากหลิวกุ้ยอิงรู้เรื่องนี้ หล่อนจะต้องพาหลินเซี่ยกลับไปแน่นอน

แม่เฒ่าโจวพูดคุยกับหลิวกุ้ยอิงอยู่นอกบ้านท่ามกลางความหนาวเย็น โชคดีที่หลิวกุ้ยอิงมุ่งความสนใจไปที่ประเด็นหลินเซี่ยยังไม่กลับมา และไม่ได้สนใจเลยว่าเจ้าบ้านจะชวนเข้าไปข้างในหรือไม่

ในเวลานี้แม่เฒ่าโจวกลัวว่าหลินเซี่ยจะบอกความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า และอาจส่งผลให้หลิวกุ้ยอิงคัดค้านการแต่งงานของทั้งสองคน นางจึงรีบเอ่ยคลี่คลายสถานการณ์ “เซี่ยเซี่ยอยากกินเนื้อกระต่ายเหรอ? งั้นบอกยายสิ จะได้ให้เจียเหอตามเอ้อร์เลิ่งไปจับมา หลานจะออกไปเองทำไม?”

หลินเซี่ยรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้พวกเขาเป็นห่วง จึงรีบอธิบายว่า “คุณยาย คุณแม่ ฉันไม่มีอะไรทำเลยออกไปเดินเล่น ฉันขอโทษที่ลืมบอกทุกคนตอนที่ออกไปข้างนอกและทำให้ทุกคนเป็นห่วง”

แม่เฒ่าโจวกล่าว “คราวหน้าถ้าอยากกินก็ให้เจียเหอไปจับสิ”

“นี่ก็เที่ยงแล้ว พวกเธอยังไม่ได้กินข้าวเช้า รีบมากินข้าวเถอะ”

หลินเซี่ยจับมือหลิวกุ้ยอิงและเชิญเธอเข้าไปในบ้าน “แม่ เข้าไปนั่งกินด้วยกันสิคะ”

“ไม่ล่ะ แม่ต้องกลับบ้านไปล้างหม้อ”

เมื่อหลิวกุ้ยอิงเห็นหลินเซี่ยกลับมา หล่อนก็โล่งใจและขอตัวกลับบ้าน เนื่องจากยังมีงานอีกมากรอหล่อนอยู่

หลังจากเข้าไปในลานบ้าน เฉินเจียเหอวางกระต่ายลง หยิบอ่างมาวาง และเทน้ำจากกาน้ำร้อนลงไป จากนั้นทั้งสามจึงล้างมือ

เวลานี้ผู้เฒ่าโจวผลักเฉินเจียซิ่งให้ออกจากห้องหลัก

เฉินเจียซิ่งเดินอย่างเกียจคร้านมาด้านหน้าหลินเซี่ย และพูดอย่างไม่เต็มใจ

“ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ เราไม่ควรใช้อ่างของเธอ แล้วฉันจะจ่ายคืนทีหลังนะ”

ท่าทางการแสดงออกของเขาเห็นได้ชัดว่าถูกผู้เฒ่าโจวบังคับให้ทำแบบนี้

หลินเซี่ยมองท่าทางไม่จริงใจของเขาและเลือกที่จะเพิกเฉย

เฉินเจียซิ่งพยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองให้ขอโทษเธอ แต่เธอไม่แม้แต่จะหันมอง เขาจึงถูจมูกด้วยความอับอายและเริ่มไม่พอใจหลินเซี่ยที่เป็นพี่สะใภ้ของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

“ท่าทางแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? ไม่แม้แต่จะหันมองเวลาที่คนอื่นพูดด้วย”

หลินเซี่ยเหลือบมองเขาและตอบกลับคำเบา “คุณกำลังพูดกับฉันเหรอคะ?”

เฉินเจียซิ่ง “…”

“พี่ใหญ่ ผมขอโทษแล้วกัน อย่าถือโทษโกรธกันไปเลย”

เฉินเจียซิ่งยอมขอโทษหลินเซี่ยก็เพราะเห็นแก่พี่ชายของเขา

เขารู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบแน่นอน

เฉินเจียเหอไม่สนใจเขาเช่นกัน

เนื่องจากหลินเซี่ยและหู่จือหายตัวไป หญิงชราวิตกกังวลมากและไม่มีใจที่จะทำอาหารกลางวัน ซุปไข่ของตอนเช้าจึงยังอยู่ในหม้อ

เฉินเจียเหอจุดไฟอุ่นซุป ก่อนตักใส่ชามสองใบเพื่อส่งให้หลินเซี่ยและหู่จือ จากนั้นส่งสัญญาณให้พวกเขาไปกินอาหารที่ห้องตะวันตก

เดิมทีหลินเซี่ยต้องการเข้าไปทักทายโจวลี่หรง เพราะถือว่าเป็นผู้อาวุโสในบ้าน แต่เฉินเจียเหอขอให้เธอและหู่จือไปยังห้องตะวันตก พวกเขาจึงจากไปพร้อมชามในมือ

เฉินเจียเหอเข้าไปในห้องโถง

โจวลี่หรงกำลังนั่งอยู่บนเตียงเตา ไม่ว่าหลินเซี่ยและหู่จือจะหายไปในตอนเช้า หรือถูกพากลับมาแล้วตอนนี้ หล่อนก็ไม่มีทีท่าจะสนใจเรื่องพวกเขาเลย

ราวกับต้องการให้ทั้งสองออกไปอยู่แล้ว

เฉินเจียเหอมองดูหล่อนและถามว่า “แม่ จะอยู่บ้านช่วงปีใหม่หรือกลับไปเมืองไห่เฉิงครับ?”

“ทำไม? แกจะไล่ฉันออกไปเหรอ?” โจวลี่หรงมองเขาอย่างไม่พอใจ

เฉินเจียเหอกล่าวตอบ “นี่คือบ้านเกิดแม่ ผมไม่มีสิทธิ์ไล่แม่ออกไปอยู่แล้ว ถ้าแม่จะฉลองปีใหม่ที่นี่ เราจะได้กลับไปที่เมืองไห่เฉิงก่อน”

ไม่ว่าในกรณีใด เขาไม่สามารถปล่อยให้หลินเซี่ยและเสิ่นเสี่ยวเหมยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันได้อีกต่อไป

แม่เฒ่าโจวรีบพูด “เจียเหอ กำลังพูดถึงอะไร? ใกล้จะปีใหม่แล้ว ทำไมถึงกลับไปเมืองไห่เฉิงล่ะ? โรงงานของหลานอยู่ในช่วงวันหยุด ค่อยกลับไปหลังปีใหม่สิ ในที่สุดก็ได้กลับมาบ้านทั้งที เซี่ยเซี่ยเพิ่งเข้ามาเป็นสะใภ้ของบ้านเราและยังไม่คุ้นเคยดี ตอนนี้หลานจะกลับไปเมืองไห่เฉิงอีก พวกเธอ…”

หญิงชรากังวลว่าความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวจะไม่มั่นคง ทั้งยังมีหู่จืออยู่ตรงกลาง หากเขากลับเข้าเมืองไปตอนนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง

หากอยู่บ้าน เวลามีเรื่องขัดแย้ง อย่างน้อยคนแก่ที่บ้านก็ช่วยคลี่คลายไกล่เกลี่ยได้

เฉินเจียซิ่งได้ยินพี่ชายบอกว่าจะกลับเมืองไห่เฉิง เขาจึงรีบเข้ามาสอบถามสถานการณ์

จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือขัดขวางการแต่งงานของพี่ชายคนโต และป้องกันไม่ให้หลินเซี่ยกลายเป็นพี่สะใภ้ ตอนนี้พี่ชายคนโตกำลังจะพาหลินเซี่ยกลับไปเมืองไห่เฉิง พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป

“พี่ใหญ่ กำลังจะกลับเมืองไห่เฉิงเหรอ?”

ผู้เฒ่าโจวเห็นดังนี้ก็พูดกับเฉินเจียซิ่งว่า “เจียซิ่ง ทำไมไม่พาเสี่ยวเหมยกลับเข้าเมืองก่อนล่ะ หลานก็เห็นว่าเสี่ยวเหมยไม่คุ้นเคยกับชนบทเลย ในเมืองมีอาหารและเครื่องดื่มอร่อย ๆ ขาย ทั้งยังมีห้องน้ำอยู่ในตัวบ้านด้วย”

หากมีใครต้องไป ผู้เฒ่าโจวและแม่เฒ่าโจวหวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นเฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยที่ไป

เฉินเจียซิ่งเติบโตขึ้นมาก เขากลับมาเยี่ยมหมู่บ้านแทบจะนับครั้งได้ และเป็นครั้งแรกสำหรับเสิ่นเสี่ยวเหมยที่มาเยี่ยม

เด็กสองคนนี้เติบโตอยู่ในเมืองมาโดยตลอด และไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในหมู่บ้านชนบท

นอกจากนี้ พวกเขามาที่นี่ได้เพียงสองวันก็สร้างปัญหาให้มากมาย พิจารณาจากท่าทางแล้ว พวกเขาจะต้องรบกวนการแต่งงานของเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยแน่นอน

ในเมื่อคุณตาเปิดปากไล่เขากลับ ส่วนเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ร้องขอกลับตั้งแต่เช้า เฉินเจียซิ่งจึงพยักหน้ารับ “เอาล่ะ ผมจะพาเสี่ยวเหมยกลับไปเมืองก่อน”

เขามองโจวลี่หรงและถาม “แล้วแม่ล่ะ?”

โจวลี่หรงตอบ “แม่จะฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิด”

พ่อแม่ของหล่อนอยู่ที่บ้านเกิด ดังนั้นหล่อนจึงต้องการใช้เวลาช่วงปีใหม่กับพวกเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

นอกจากนี้ เรื่องระหว่างเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยยังไม่ได้รับการแก้ไข หล่อนจึงไม่สามารถจากไปไหนได้

เมื่อเฉินเจียเหอเข้าไปเก็บชามในห้องครัว เฉินเจียซิ่งก็เดิมตามเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ

“พี่ใหญ่ ผมอยากคุยกับพี่ดี ๆ”

เขาเข้ามาขวางทางเฉินเจียเหอและลองพยายามเป็นครั้งสุดท้าย “ผมแค่อยากถามพี่ใหญ่หนึ่งเรื่อง พี่อยากอยู่กับหลินเซี่ยผู้หญิงคนนี้จริง ๆ หรือ?”

ดวงตาของเฉินเจียเหอมั่นคง “ถูกต้อง”

“พี่ใหญ่ หล่อนไม่คู่ควรกับพี่เลย พี่เคยคิดบ้างไหมว่าตระกูลเสิ่นจะมองเรายังไงเมื่อหลินเซี่ยกลับไปเมืองไห่เฉิง ลูกพี่ลูกน้องของเสิ่นเสี่ยวเหมย หรือก็คือเสิ่นเถี่ยจวินซึ่งเคยเป็นพ่อของหลินเซี่ยและเคยเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับพี่ จู่ ๆ เขาก็ต้องกลายเป็นพ่อตาของพี่ มันจะไม่วุ่นวายไปหมดเหรอ? และความสัมพันธ์ของเราก็จะ…”

เฉินเจียเหอตอบ “เขาจะไม่ทุกข์ใจเรื่องใดทั้งนั้น อีกอย่าง ฉันไม่จำเป็นต้องยอมรับเขาเป็นพ่อตา”

“แต่ว่า…”

เฉินเจียซิ่งต้องการพูดต่อ แต่ถูกเฉินเจียเหอพูดขัดก่อน “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น หากนายกับเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่สามารถยอมรับความจริงข้อนี้ได้ ก็แค่หย่ากันไป”

เฉินเจียซิ่งขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่ กำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”

“แล้วนายพูดเรื่องไร้สาระอะไรล่ะ? นายไม่หย่า ก็เลยมาเกลี้ยกล่อมให้ฉันหย่างั้นเหรอ?”

เฉินเจียเหอสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสองเมตร ซึ่งสูงกว่าเฉินเจียซิ่งมากกว่าครึ่งหัว ใบหน้ามืดมนของเขาเต็มไปด้วยอำนาจน่าเกรงขาม

เฉินเจียซิ่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นและถอยกลับไป

“ผมแนะนำให้พี่ยุติการแต่งงานครั้งนี้ซะ เพื่อประโยชน์ของพี่เอง” เฉินเจียซิ่งกล่าวเสียงเบา “พ่อและปู่ไม่มีทางเห็นด้วยกับการแต่งงานนี้ พี่เองก็รู้ใช่ไหมว่า ถังหลิงกลับมาแล้ว ผมได้ยินว่าหล่อนยังโสด เมื่อไม่กี่วันก่อนหล่อนมาถามหาพี่ที่ลานบ้าน หลังพ่อแม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาก็ตั้งใจจะจับคู่ระหว่างพี่กับหล่อน ไม่อย่างนั้นแม่จะถ่อกลับมาที่นี่ทันทีที่ได้ยินข่าวการแต่งงานของพี่ไปทำไม? แม่มีลูกสะใภ้ที่ท่านเลือกไว้ในใจแล้ว”

“ใครแต่งงานก็ควรเลือกเอง”

สิ้นเสียงเฉินเจียเหอ เขาก็เดินออกจากห้องไป

เฉินเจียซิ่งมองตามด้วยความขุ่นเคือง “พี่ตามืดบอดเพราะความลุ่มหลงไปแล้วจริง ๆ”

เขาสูดลมหายใจเย็นชาและยอมแพ้ ในเมื่อทั้งสองดื้อรั้นถึงขนาดนี้ หลังจากพวกเขากลับไปที่เมืองไห่เฉิง คงต้องสั่งสอนการประพฤติตัวให้เหมาะสมเสียบ้าง

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

คุณแม๊มีสะใภ้คนอื่นอยู่ในใจแล้วนี่เอง มิน่าถึงกีดกันไม่หยุด

ไหหม่า(海馬)